วันพฤหัสบดีที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วันเวลา

๑. วันเวลานาทีมีกำหนด
ว่าให้หมดให้มีที่ตรงไหน
โดยมีหน่วยกำกับการนับไว้
แล้วก็ให้หมุนเวียนเปลี่ยนวนกัน
๒. เริ่มต้นจากเรียกว่าวินาที
เป็นนาที ชั่วโมง เชื่อมโยงผัน
จากชั่วโมงเป็นหน่วยใหญ่ไปเป็นวัน
แล้วจากวันนั้นจึงนับเป็นสัปดาห์
๓. จากสัปดาห์เป็นเดือนเลื่อนเป็นปี
แล้วก็มีทศวรรษ ศตวรรษา
สหัสวรรษ พันปีมีอัตรา
แล้วก้าวหน้าเป็นกัป กัลป์ ว่ากันไป
๔. อันชื่อวัน ชื่อเวลา ชื่อนาที
ทั้งชื่อเดือน ชื่อปีมีซ้ำได้
แต่ช่วงกาลเวลาที่เลยไป
มันมิได้หมุนซ้ำทำสำเนา
๕. ขอจงทำปัจจุบันให้มันดี
ชื่อเดือนปีเลื่อนกลับไม่อับเฉา
ช่วงเวลาผ่านเลยไปได้บรรเทา
จักไม่เศร้าเสียดายอาลัยมัน
๖. อันชีวิตทั้งชีวิตคิดหน่วยหนึ่ง
เป็นหน่วยซึ่งกำหนดหมดซึ่งขันธ์
จะผ่านไปกี่เดือนปีมิสำคัญ
เพราะฉะนั้นอย่ากังวลพ้นทารุณ
๗. การทำดีทำเมื่อใดไม่กำหนด
ให้ปรากฎทำดีเฉพาะปีใหม่
ไม่ว่าวันเดือนปีที่ช่วงใด
ขอจงได้เริ่มทำนั้นสำคัญ

ด้วยความรักและปรารถนาดี ต่อ เพื่อนมนุษย์
Happy NewYear 2010 To You All
จาก ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑ มกราคม ๒๕๕๓



วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2552

แม่น้ำหลากสี

๑. ตรงที่น้ำบรรจบสบกระแส
เกิดปั่นป่วนปรวนแปรแลเชี่ยวกราก
ดูสายน้ำคลุ้มคลั่งเป็นอย่างมาก
ก็เนื่องจากต่างที่มาหาที่ไป
๒. แต่ละสายต่างสีที่มองเห็น
ซึ่งล้วนเป็นสีน้ำที่ไม่ใส
ความขุ่นคลั่งถั่งโถมปะทะไป
ความแคลงใจต่อกันนั้นรุนแรง
๓. เกิดวังวนวุ่นว้าน่าเป็นห่วง
แต่ละห้วงโหมกระหน่ำย้ำขัดแย้ง
แต่ละสีแต่ละทางต่างแสดง
ถึงจุดแข็งจุดข่มบ่มเชื้อไฟ
๔. โกลาหลอลหม่านใต้ธารเชี่ยว
ทำหวาดเสียวสับสนปนหวั่นไหว
เกิดวิตกกับฝูงปลาโดยทั่วไป
ทั้งปลาน้อยปลาใหญ่ทะเลาะกัน
๕. แม้ต้นธารทุกสายที่หมายสูง
ต่างหมายมุ่งบั้นปลายไปสร้างสรรค์
เสียงร้องสั่งจากภูผาสถาบัน
"จงไปพลันไหลไปให้ชุ่มเย็น"
๖. "จงไปชุบชีวาอาณาเขต
จงไปช่วยประเทศพ้นความเข็ญ"
"จงไหลไปสร้างผู้นำผู้บำเพ็ญ
ชูประเด็นสันติภาพเสรีชน"
๗. แต่ละสายเริ่มเอื่อยเรื่อยๆไหล
พอนานไปสีน้ำชักเข้มข้น
เห็นเหินหกหักเหมีเล่ห์กล
ต่างหลงตนเห็นแต่กูแลพวกกู
๘. ถึงทางร่วมที่ต้องรวมหลายลำน้ำ
ก็ยังย้ำยึดอัตตาน่าอดสู
ยอมไม่ได้แพ้ไม่ดีไม่น่าดู
อำนาจนี้ต้องของกูใช่ของใคร
๙. ลืมธรรมชาติลืมครรลองของนที
จากต่างที่แม้ต่างสีที่รี่ไหล
เมื่อสบกันเข้ากันได้สนิทใจ
จากที่ใดย่อมไหลลงไปรวมกัน
๑๐.หวังใจว่าแม่น้ำที่หลากสี
จักได้สร้างสามัคคีแห่งสีสัน
ลดความเชี่ยวไหลซ่านประสานกัน
เกิดสัมพันธ์ผสมกลมเกลียวไป
๑๑.เมื่อหลายสีไหลร่วมรวมประสม
เป็นสีเดียวกลืนกลมในวังใหญ่
ตกตะกอนนอนสิ่งข้นก้นธารไป
เกิดน้ำใสนำสุขศานติ์ธารสีเดียว

ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๖ ธันวา ๕๒

วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2552

สัญชาตญาณที่สับสน

ปีนี้...ลมเหนือมาเร็ว
แต่ก็เดินทางด้วยอาการเชื่องช้า
ไม่เกรี้ยวกราดดังเช่นปีที่ผ่านมา
แต่ถึงอย่างไร
ก็ยังมีอิทธิพลพอที่จะกดดันความรู้สึกและอารมณ์
ของบรรดาเขียดน้อย....ได้ทั้งครอบครัว
ความกังวลเริ่มมาเยือน พร้อมกับการมาถึงของสายลมประจำทาง
ด้วยว่า....
สัญชาตญาณเดิมๆที่เป็นมรดกตกทอดมาแต่บรรพชนของเผ่าพันธุ์
หลายเรื่อง เริ่มจะใช้ไม่ได้ผล....และหลายครั้งแล้วในบางเรื่อง
(แต่ก็ยังไม่ล้มเหลวเสียทั้งหมด)
เข้าทำนองที่ว่า "หมอดูชักไม่แม่น"
หรือ "แม่มดเริ่มสิ้นนมต์" อะไรปานนั้น
คำถาม คำถาม.......และมากมายคำถาม
ผุดขึ้นมาราวดอกเห็ด
ในห้วงแห่งความคิดในกะลาของบรรดาเขียดน้อย
จะหนาวมากไหมหนอ?
จะหนาวนานไหมหนอ?
จะมีฝนผ่าเหล่าตกลงมากลางฤดูหนาวไหมหนอ?
หิมะจะตกไหมหนอ? (ทั้งๆที่ตลอดชีวิตของเขียดน้อย
ไม่เคยเห็นหิมะมาก่อนเลย)
แมลงที่เคยจับกินจะมีเพียงพอไหมหนอ?
หรือจะเกิดมีแมลงพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นมา
พลิกบทบาทเป็นผู้ล่าเขียด
แทนที่จะเป็นผู้ถูกล่าอย่างเคย?
รอยแห้งระแหงของดินที่เคยได้อาศัยเป็นบ้าน
จะมียักษ์ตีนเหล็กกรีธาเข้ามารุกรานจนแหลกรานหรือไม่หนอ?
ญาติพี่น้องจะถูกล้างผลาญล้มตายกันลงเป็นเบือไหมหนอ?
............................
และอีกมากมายหลายคำถาม
....ที่เขียดน้อยจะต้องตอบแบบอัตนัย
เนื่องจากไม่มีคำตอบให้เลือก
.......และพวกเขียดน้อยกำลังครุ่นคิดหาคำตอบ
.......พร้อมเหตุและผลอยู่อย่างเคร่งเครียด

ศักดิ์เรือง วลี / ๒๕ ธันวา ๕๒

วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2552

พึ่งพรพระ

๐ วันวันวนวุ่นว้า.......วิงเวียน
สบสิ่งเสียดสีเศียร...สุดเศร้า
อึดอัดอกอวลเอียน..อกอ่วม
ยอมอยู่โยงยังเหย้า..อย่าย้อนหยามหยัน
๐ เรือนรังรอนรุ่มร้อน..โรยรา
หายห่วงเหหันหา.....หับห้อง
พบพระพอพึ่งพา....พรพุทธ
ขืนข่มขมขัดข้อง....ขวัญเข้มแข็งขัน

ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๔ ธันวา ๕๒

วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2552

แก่นแท้ชาติไทย

๐ พระราชดำริทุกเรื่องล้วน.....เลิศคุณ
พระราชกรณีกิจสนับสนุน.....ไพร่ฟ้า
แปรทุกข์ทวยราษฎร์ดุลย์.......ดลสุข
เศรษฐกิจพอเพียงกล้า...........กอบกู้สถานการณ์
๐ ทรงเป็นพลังแห่งน้ำ..............แห่งดิน
ทรงเป็นพลังหลอมชีวิน.........แน่นแฟ้น
ทรงเป็นพลังรวมใจจินต์ .......ทวยราษฎร์
ทรงเป็นศูนย์ศรัทธาแว่นแคว้น..แก่นแท้ชาติไทย
๐ วันเฉลิมพระชนม์ไท้...........รวมพลัง
เป็นหนึ่งเกลียวกำลัง............เทิดเกล้า
วาทพระพรชัยหวัง...............ถวายพ่อ
ทรงพระเจริญผ่านเผ้า........ยิ่งยั้งยืนนาน

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า "ศักดิ์เรือง วลี" และสมาชิกในบ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด
๕ ธันวาคม ๒๕๕๒

วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2552

พลัง


๐ แผ่นดินธรรม ดีเด่น เป็นธรรมได้

แผ่นดินไทย คงเป็นไท ไม่มัวหมอง

แผ่นดินทอง คงดูเด่น เป็นดังทอง

ด้วยทรงครอง โดยใช้ธรรม นำนาวา

๐ เพราะพระองค์ ทรงเป็น พลังแห่งชีวิน

ทรงเป็นพลัง แห่งแผ่นดิน แผ่นหล้า

ทรงเป็นพลัง แห่งผืนน้ำ แลผืนฟ้า

ทรงเป็นพลัง แห่งศรัทธา สามัคคี

๐ ประเทศไทย เป็นไท ได้มั่นคง

ด้วยพระองค์ ทรงเป็นศักดิ์ ทรงเป็นศรี

ทรงเป็นศูนย์ แห่งจงรัก แลภักดี

ทรงเป็นเทพ ดำเนินที่ ปฐพีไทย

๐ ลุถึงวัน เฉลิมพระชนมพรรษา

ปวงประชา โสมนัส นิรัติศัย

ขอน้อมรวม พลังรัก พลังใจ

ถวายพระพรชัย ขอพระองค์ ทรงพระเจริญ

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

ข้าพระพุทธเจ้า "ศักดิ์เรือง วลี"

๕ ธันวาคม ๒๕๕๒

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เดียวดาย

.........ฉันเฝ้าขับขานบทเพลง อย่างเดียวดาย
ภายในถ้ำอันมืดมิด
แม้ไม่มีผู้ใดได้สดับซึ่งน้ำเสียง
หรือได้ซาบซึ้งในเนื้อหา...แห่งบทเพลง
.........ฉันก็ยังปลื้ม แลขอปลื้มไปเช่นนี้ ...เนิ่นนาน
ฉันจักสดับบทเพลงอันเดียวดาย อย่างเดียวดาย
ฉันจักสดับบทเพลงของฉันในถ้ำมืดด้วยหูข้างซ้าย
ส่วนหูข้างขวาฉันจักคอยสดับเสียงของหัวใจ
พร้อมกับคอยเงี่ยฟังว่าจักมีเสียงใดเล็ดลอดเข้ามาภายในถ้ำบ้าง
.........ฉันหวังว่าบทเพลงที่ฉันขับขาน(อย่างเดียวดาย) ทุกวี่วัน
จักถูกซึมซับไว้ที่หินผาแวดล้อมผนังถ้ำ
แล้วคงถูกถ่ายทอดออกมาราวปาฏิหาริย์
ณ ช่วงหนึ่งแห่งกาลเวลา
.......แม้ว่าจักนานแสนนานสักปานใด
ฤา จักเนิ่นนานจนกว่าชีพฉันจักหาไม่แล้ว...ก็ตามที

ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๓๐ พฤศจิกา ๕๒

วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

นักพรต

นกน้อยจับกิ่งโพธิ์
จ้องมองอย่างสมเพช
เมื่อเห็นนักพรตกลุ่มหนึ่ง
กำลังแปลเจตนาของศาสดา
ผิดเพี้ยนไป
"ธรรมะ คืออิทธิฤทธิ์
ธรรมะ คือปาฏิหาริย์
ธรรมะ คือแก้วสารพัดนึก
ธรรมะ คือขุมทรัพย์
...............................ฯลฯ "
นกน้อยส่ายหัวอย่างเศร้าสร้อย และผิดหวัง
แล้วบินจากไป
โดยไม่ได้ทักท้วง
ด้วยประจักษ์แก่ใจว่า.....
นักพรตบางพวก เป็นพวกที่ใครทักท้วงไม่ได้
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ร้อยเอ็ด / ๒๙ พฤศจิกา ๕๒

ธรรมชาติ กับอธรรมชาติ

ต้นไม้แห่งความดี
มันหยั่งรากชอนไชลงในจิตใต้สำนึก
โดยธรรมชาติ โดยเมล็ดพันธุ์
และโดยต้นกล้า ของมันเอง
ตัวปลวกแห่งอธรรมต่างหาก
ที่มันถูกปล่อยลงไป เพื่อทำลายรากเหง้าแห่งต้นไม้นั้น
โดยเจตนา โดยความพยายามแห่งพลังที่ดำมืด
และโดยมือแห่งอสูร
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒๙ พฤศจิกา ๕๒

วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

คืนบางคืนที่หนาว

สายลมหนาวในค่ำคืนนี้
สั่นสะท้านไปถึงจิตสำนึก
ทิ่มแทงอารมณ์ละมุนแต่บาดลึก
กาลเวลาคงเลอะเลือน
หรืออาจกลั่นแกล้ง ซ้ำเติม
ด้วยว่ารุ่งอรุณเดินทางอย่างเชื่องช้า
ไม่มาถึงสักที
การรอคอย..ทำให้ทุรนเสมอ
แม้มือแห่งเอื้ออาทรยังมาไม่ถึง
หรืออาจจะไม่มีมา
แต่....อ้อมแขนแห่งภูมิคุ้มกัน
ยังโอบรัดอยู่อย่างมั่นคง
ศักดิ์เรือง วลี /๒๘ พฤศจิกา ๕๒

วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ว่าย ว่าย ว่าย

๐ หากหวังจักว่ายน้ำ หนีภัย
จงอย่ากังวลใจ เรื่องน้ำ
ธาราขุ่นฤาใส เหม็นเน่า
จงแหวกจงว่ายจ้ำ อย่ารั้งรีรอ
๐ ทวนกระแสถูกซัดบ้าง บางที
ตามกระแสอาจจะมี บางครั้ง
สำคัญคือควรรี่ รุกคืบ
หากรุดไปไม่ยั้ง อย่างนี้มีหวัง
๐ พึงระวังเสียงจากผู้ (ไม่)หวังดี
ส่งเสียงแทรกนที ทักท้วง
อย่าหันขวางหันรี ลืมว่าย
อาจเป็นเสียงจาบจ้วง ประสงค์ร้ายแอบแฝง
๐ ฝั่งฝันรออยู่หน้า นั่นเสมอ
ใฝ่ฝันจักไปเจอ จนได้
พบแพร่งอย่าไผลเผลอ ผันเปลี่ยน
จงมุ่งจงมั่นไว้ ว่ายข้ามไปพลัน
๐ ขอนลอนอาจยั่วให้ เกาะพัก
บางทีหลุดเสียหลัก สุดรั้ง
อย่าหลงกลควรหัก ห้ามจิต
เสียท่าอาจพลาดพลั้ง เพลี่ยงพล้ำเพียงเผลอ
๐ ว่าย ว่าย ว่าย อย่างยั้ง กลางกระแส
ใจมั่นมิปรวนแปร เปลี่ยนหน้า
ใครหยันอย่าตอแย ตามยั่ว
ธารเชี่ยวหากใจกล้า ฝ่าพ้นถึงฝัน

ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๔ พฤศจิกา ๕๒

วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

จากคนปลูกข้าวถึงคนกินข้าว

๑.ข้าวรั้งรวงคอยเคียวมาเกี่ยวข้าว ควรถึงคราวสิ้นกังวลของคนเข็ญ
คอยคอยคอยเฝ้ารอคอยอย่างลำเค็ญ ครั้นได้เห็นรวงข้าวค่อยเบาใจ
๒.ชีวิตนี้ทั้งชีวิตถูกติดห้อย ด้วยคำว่าคอยคอยมาแต่ไหน
สิ่งที่คอยได้สักทีก็ดีใจ แต่เมื่อใดไม่มีมาก็มืดมน
๓.ตอนเริ่มต้นฤดูกาลต้องหว่านไถ ตั้งจิตใจรอท่าคอยฟ้าฝน
หลังตกกล้านาดอนออกร้อนรน ถ้าหากฝนทิ้งช่วงทักท้วงใคร
๔.อกชาวนาผู้บุญน้อยรอคอยต่อ มีน้อยครั้งที่ร้องขอทนรอไหว
ดวงชะตาเป็นเดิมพันกันเรื่อยไป ส่วนหัวใจเอาหินเสริมเติมใจตน
๕.ยิ่งตอนข้าวตั้งท้องต้องคิดหนัก เป็นห่วงนักทั้งเรื่องโรคเรื่องน้ำฝน
นาอาจแล้งน้ำอาจหลั่งเป็นกังวล กว่าผ่านพ้นทุกค่ำคืนหืดขึ้นคอ
๖.ข้าวออกรวงยังหวาดไหวใจละห้อย ต้องรอคอยฟังข่าวราคาต่อ
เจ้าหนี้เตือนเขียนใบสั่งเงื้อปังตอ แถมดอกเบี้ยเบ่งบานรอที่หน้าลาน
๗.กี่แล้งทน กี่ฝนเศร้า กี่หนาวท้อ ชาวนาห่อใจเหี่ยวเปรี้ยวอมหวาน
สู้กล้ำกลืนความช้ำระกำมาน โปรดสงสารสมเพชและเมตตา
๘.อย่างน้อยน้อยคนกินข้าวควรได้คิด เพียงให้เกียรติกันสักนิดก็ไม่ว่า
อย่าดูถูกเหยียดหยามคนทำนา กรุณาอุ้มชูดูแลกัน
๙.กว่าได้ข้าวแต่ละจานผ่านวิบาก ต้องยุ่งยากเหนื่อยล้ามาหลายขั้น
เอาแรงควายแรงคนปนเปกัน ขอเพียงท่านตั้งใจกินหมดเกลี้ยงจาน
๑๐.อย่ากินทิ้งกินขว้างอย่างผีบ้า ให้รู้ค่าข้าวเปลือกและข้าวสาร
มีสำนึกต่ออาชีพไทยโบราณ สอนลูกหลานให้รู้คุณของแผ่นดิน

ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒๓ พฤศจิกา ๕๒

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

อย่าลืมรากเหง้า


๑. มองดูผืนป่านี้ เห็นมากมีมวลหมู่ไม้
ชูยอด ดอก ผล ใบ ดูไสวชื่นใจจินต์
๒. สอดแซมแกมกิ่งก้าน ดังผลงานวิจิตรศิลป์
สีสันสร้างแผ่นดิน เป็นภูมิถิ่นที่วิไล
๓. ต้นไม้แต่ละต้น ต่างทานทนแดดลมไล้
แต่ละต้นต่างกันไป ในเผ่าพันธุ์ที่เป็นมา
๔. พืชพรรณบางสายพันธุ์ เกาะกลุ่มกันกลางผืนป่า
บางพันธุ์แทรกวนา โดยแกล้วกล้าไม่กลับกลาย
๕. ยอดไม้กลมกลืนกัน ร่วมสร้างสรรค์ทุกเชื้อสาย
ดังพี่น้องป้องปลาย อยู่เรียงรายระดะไป
๖. ต่างต้นต่างรากเหง้า ต่างพงษ์เผ่าต่างพิสัย
ที่มาต่างที่ไป แต่อยู่ในผืนดินเดียว
๗. จงสำนึกความเป็นหนึ่ง สัมพันธ์ซึ้งสุดแน่นเหนียว
อยู่กันอย่างกลมเกลียว เป็นเนื้อเดียวโดยปรองดอง
๘. เป็นมากันเช่นไร ให้เป็นไปตามครรลอง
รักกันฉันท์พี่น้อง เท่ากับทองแผ่นเดียวกัน
๙. อย่าลืมเรื่องรากเหง้า ผสานเข้าดังใฝ่ฝัน
สามัคคีชั่วนิรันดร์ ร่วมสร้างสรรค์ป่ามั่นคง

ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๐ พฤศจิกา ๕๒

วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

สามานย์สำนึก

๑. ลึก ลึกในใจแล้ว หลอกลวง
ลับ ลับอยู่ในทรวง ย่อมรู้
ซับ พิษบิดเบือนบ่วง บำบัด
ซ้อน ซ่อนทำใจสู้ เสแสร้งสัมมา
๒. ซ่อน ปมอันชั่วร้าย ปิดบัง
เงื่อน งำงมงายยัง งี่เง่า
เกลื่อนแผลอันเกรอะกรัง ใจกร่อน
กลบ ผิดพิษรุมเร้า รุ่มร้อนลนทรวง
๓. อำ นาจฝ่ายต่ำช้า ครอบงำ
พราง จิตโดยสีดำ พอกไว้
ความ ดีถึงกระทำ เพียงล่อ
ลับ คมเพื่อจะใช้ เชือดเนื้อเถือหนัง
๔. ไว้ วางใจเพื่อให้ เกียรติกัน
ใจ กลับคิดผกผัน ผิดข้าง
ไม่ นึกจะเจอวัน วินาศ
ได้ บทเรียนมาบ้าง เผื่อไว้สอนใจ
๕. คด ใดจักดัดได้ ดังใจ
ในข้อ หากคดไป มากแล้ว
งอ คืนคงไม่ไหว เป็นแน่
ในกระดูก เปราะดังแก้ว สุดแก้กลับตรง
๖. มือ หนึ่งถือดอกไม้ งดงาม
ถือสาก อีกมือตาม กลั่นแกล้ง
ปาก นับหนึ่งสองสาม สมาธิ
ถือศีล ทำบุญแสร้ง ธาตุแท้ทุรชน
๗. ต่อหน้า ทำดีด้วย ทุกประการ
มะพลับ รสฉ่ำหวาน เทียบได้
หลับหลัง เปลี่ยนแปรปาน รสเปลี่ยน
ตะโก รสเฝื่อนให้ ฝาดลิ้นสุดทน
๘. หน้า เราระรื่นไร้ พิษสง
ไหว้นบเชิดชูธง ไม่ทิ้ง
หลัง เรากลับไม่ตรง ดังก่อน
หลอก ลวงทำกรอกกลิ้ง แลบลิ้นปลิ้นตา
๙. หน้า งามสวยเลิศล้น ปานหงส์
เนื้อ ทรายงามทรวดทรง สง่าล้ำ
ใจ โหดดั่งคนดง แดนเถื่อน
เสือ สิงห์กระทิงถ้ำ ฤาเท่าใจทราม
๑๐. สามานย์ชนย่อมรู้ ผิดใด
สำนึกอยู่ภายใน แน่แท้
สามัญชนพึงเอาใจ- เขาใส่ (ใจเรา)
สำนึกตนช่วยแก้ สิ่งร้ายกลายดี

ศักดิ์เรือง วลี /๑๙ พฤศจิกา ๕๒

ข้าราชการด้อยโอกาส

๑. นึกสงสารข้าราชการด้อยโอกาส
แม้มากมีความสามารถอย่างมากล้น
กินอุดมการณ์ต้องจำใจในความจน
สู้อดทนทำงานอย่างทุ่มเท
๒. ซื่อสัตย์ต่อวิชาแลอาชีพ
ไม่เคยถีบข้ามใครให้หักเห
ไม่เคยมีพฤติกรรมทำเกเร
ไม่เคยเร่ซื้อหาตำแหน่งใด
๓. ในท่ามกลางกระแสสังคมเน่า
สู้ทนเอาหูไปนาตาไปไร่
ไม่แยแสฟุ้งเฟ้อเห่อตามใคร
เอาใจใส่แต่เรื่องงานเนิ่นนานมา
๔. ไม่ประจบสอพลอห่อของขวัญ
มีแต่งานเท่านั้นที่นำหน้า
มีความคิดตรงไปแลตรงมา
ยึดหลักการโดยศรัทธาวิชาการ
๕. ถึงเวลาเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง
ไม่แสดงความกระสันอันฟุ้งซ่าน
ไม่โรยหน้าด้วยผักชีที่ผลงาน
เก็บอาการใจสะอาดเมื่อพลาดไป
๖. ไม่เคยบ่นไม่เคยท้อต่อความพ่าย
แม้เข้าข่ายถึงครา "น่าจะได้"
มีอยู่บ้างที่เศร้าสร้อยแลน้อยใจ
แต่ก็ไม่ถึงกับด้อยท้อถอยลง
๗. คนเช่นนี้ยังมีอยู่อีกมาก
ถ้าแม้นหากผู้ใหญ่ได้เสริมส่ง
ให้ก้าวหน้าในสายงานที่ดำรง
ชาติไทยคงเจริญไกลไปแน่นอน

ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๘ พฤศจิกา ๕๒

วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Wishabhorn


๐ ครบรอบวันเกิดแล้ว วิชชาพร
ขอจงสุขสโมสร มากท้น
เติบโตเป็นบุคลากร ดีเด่น
การศึกษาผ่านพ้น สำเร็จได้ดังหวัง

Happy Birthday to.......Wishabhorn (หลานรัก)
๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๒

ศิลปธรรม

๑. เสพศิลป์รายรอบรั้ว ริมสวน
เถาวัลย์วาดภาพชวน คลั่งไคล้
ยอดยื่นแยงมายวน ตาตื่น
ใบดอกแซมซ่อนไว้ สลับซ้อนสีสัน
๒. ยามอรุณม่านหมอกป้าย แปรงสวรรค์
สีผสมดังภาพฝัน จากฟ้า
เย็นเยือกเกินรำพัน โดยพูด
ดื่มด่ำดลใจจ้า สว่างแจ้งจินตนา
๓. พอสายแดดสาดให้ สดใส
ทอแสงเพริดพราวไพร พาซึ้ง
ดอกบานอบอวลไอ ละอองกลิ่น
แมลงภู่ ต่อ แตน ผึ้ง ไต่เต้นเริงระบำ
๔. หลายพรรณพวงดอกไม้ งามวิไล
ลมบ่ายโยกกิ่งไหว ร่วงหล้า
น้ำเงิน เหลืองสีไพล ขาวเด่น
แดง ม่วง ชมพู ฟ้า พร่างพร้อยละลานตา
๕. พวงพุ่มเผยกิ่งก้าน สาขา
ชูช่อใบบรรณา อ่อนช้อน
ชมเชิงเช่นพฤกษา เรียงระเบียบ
ใบอ่อนห่อใบอ้อน โอบอุ้มปลายใบ
๖. บ่ายคล้อยบางกลิ่นคล้าย คลายไป
กลิ่นใหม่โชยมาไกล เลียบรั้ว
ยามเย็นหอมโยงใย คืนค่ำ
เช้าสาย บ่ายเย็น ยั่ว สลับสล้างกลิ่นสี
๗. ธรรมชาติรังสรรค์สร้าง สรรพศิลป์
ราวมิ่งมวลศิลปิน รอบด้าน
ผสานแดด ลม ดิน น้ำ ฟ้า
ศิลปะสื่อสะอ้าน เหนือชั้นเชิงศิลป์
๘. มากมิติมัณฑนาน้อม นำเสนอ
ปฏิมากรสลักบำเรอ รูปปั้น
จิตรกรปรุงปรนเปรอ ปิยะวาด
จินตกวีไป่ปิดกั้น วัจนะเกื้อคีตกร
๙. ธรรมชาติฉานเชิงชั้น วิเศษศิลป์
ศิวะ วุษณุ พรหม อินทร์ ร่วมสร้าง
มนุษย์ผู้เดินดิน เพียงเสพ
โปรดร่ำรักษ์อย่าร้าง ร่วมร้อยศิลปธรรม

ศักดิ์เรือง วลี / บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑๘ พฤศจิกา ๕๒

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

จงกล้าที่จะช้าลง

๑. ย้อนยุคเก่ายายย่าตาแลปู่
ความเป็นอยู่เป็นไปไม่รีบร้อน
ดำรงชีพดำรงตนตามขั้นตอน
มีคำสอนสืบสานเนื่องนานมา
๒. ใช้ชีวิตเรียบง่ายมุ่งหมายมั่น
ความผูกพันนำสังคมสมคุณค่า
เป็นพี่น้องร่วมพงษ์พันธุ์อยู่กันมา
ด้วยศรัทธาเลื่อมใสในคุณธรรม
๓. การทำมาหากินบนถิ่นไทย
สุขสดใสแย้มยิ้มแลอิ่มหนำ
ช่วยกันคิดช่วยกันหาช่วยกันทำ
เช้ายันค่ำคอยอยู่ดูแลกัน
๔. กติกาอยู่ร่วมกันนั้นง่ายง่าย
มาตรฐานเป้าหมายสู่สุขสันต์
ไม่เลอเลิศสุดหล้าเกินฝ่าฟัน
ไม่สูงส่งเกินใฝ่ฝันเกินมั่นใจ
๕. การก้าวเดินย่างเท้าก้าวสั้นสั้น
แต่ละก้าวเท้ามั่นไม่สั่นไหว
ก้าวช้าช้าแม้ช่วงก้าวไม่ยาวไกล
แต่ทิศทางที่ก้าวไปกลับมั่นคง
๖. ไม่ระวังไม่ระแวงใครแซงหน้า
ไม่อิดหนาระอาใจไม่ใหลหลง
ไม่ระทดไม่ระทวยไม่งวยงง
ดูสูงส่งมีระบบระเบียบงาม
๗. ทุกวันนี้มีแต่รีบมีแต่เร่ง
คอยเขย่งก้าวกระโดดกดหัวข้าม
ทำยักแย่ยักยันมุกโมงยาม
ต้องวิ่งตามเกาะกระแสแห่ให้ทัน
๘. ไม่แน่นอนเวลาหลับเวลาตื่น
ทั้งวันคืนดูวุ่นวายให้น่าขัน
เร่งสื่อสารหายใจแทบไม่ทัน
เดี๋ยวเรื่องนั้นเดี๋ยวเรื่องนี้จี้กันไป
๙. ไม่มีใครกล้าพอที่จะช้า
กลัวเสียท่ากลัวถูกหาว่าบ้าใบ้
แกก็รีบฉันก็รีบถีบกันไป
ความดีงามด้านจิตใจจึงด้อยลง
๑๐. แข่งกันคิดแข่งกันค้นแข่งกันคว้า
แย่งกันมาแยงกันไปใช้พิษสง
ทรัพยากรของโลกลดน้อยลง
เรายังคงแย่งกันใช้ไม่ยั้งมือ
๑๑. ขอเชิญชวนชาวโลกทั่วทั้งหล้า
ลุกขึ้นยืนอย่างผู้กล้าที่สัตย์ซื่อ
กล้ายื้อยุดหยุดความเร็วให้ระบือ
ว่าเราคือ "ห้ามล้อแห่งโลกา"
๑๒. กล้าเผชิญเดินทวนสวนกระแส
กล้าเปลี่ยนแปรอัตราเร่งลงช้าช้า
กล้าหยุดโลกให้พักสักเวลา
เพื่อเยียวยาโลกที่รักพักหายใจ
๑๓. เมื่อพวกเราชวนกันมาเดินช้าลง
โลกก็คงหมุนช้ารอท่าได้
แล้วค่อยเดินค่อยหมุนกันต่อไป
เป็นโลกใหม่ที่เชื่องช้าสง่างาม
๑๔. มาร่วมสร้างร่วมเสริมโลกเดิมใหม่
มาใส่ใจโลกหมองอย่ามองข้าม
โลกก็มีหัวใจใฝ่ดีงาม
อย่าหยาบหยามย่ำยีทำบีฑา
๑๕. โลกเคยผุโลกเคยกลวงบางช่วงเน่า
จงพวกเราซ่อมรอยรั่วอย่ามัวช้า
ชุบชีวิตให้โลกฟื้นกลับคืนมา
เติมชีวาโลกใหม่สดใสพลัน

ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑๖ พฤศจิกา ๕๒

ถ้า.....(เรื่องของข้าวกับชาวนา)

๑. ถ้าเห็นใจชาวนามาแต่ต้น
ไม่สับสนสถานภาพทราบพื้นฐาน
รู้ลึกซึ้งถึงครรลองความต้องการ
แล้วเจือจานอย่างเหมาะสมเสมอมา
๒. ถ้าชาวนารู้คุณค่าแห่งอาชีพ
ไม่ร้อนรีบสรุปความหยามคุณค่า
มองตัวเองต่ำต้อยด้อยราคา
เอือมระอาอับอายอาชีพตน
๓. ถ้าสังคมเห็นคุณค่า ข้าว-อาหาร
ความมั่นคงยั่งยืนนานคานเหตุผล
ความมั่งคั่งแท้จริงของปวงชน
ความแข็งแกร่งอันทานทนของบ้านเมือง
๔. ถ้าคนไทยหวงแหนแผ่นดินดี
ผืนดินที่ใช้ทำนาพาฟุ้งเฟื่อง
ผืนดินที่เสริมส่งไทยให้รุ่งเรือง
ช่วยเชิดชูช่วยประเทืองให้เรืองรอง
๕. ถ้าชาติไทยมีมาตรการป้องกันที่
ผืนนาดีประกาศเขตเข้าปกป้อง
สงวนนาเอาไว้ใครครอบครอง
เขาจักต้องใช้ทำงนาหรือทำกิน
๖. ห้ามมิให้นำไปใช้ในอุตสาหกรรม
หรือใช้ทำที่อาศัยให้นาสิ้น
ความอุดมสมบูรณ์ในแดนดิน
สงวนไว้เป็นเขตดินถิ่นชื่นชม
๗. ส่วนการสร้างโรงงานย่านที่พัก
ควรที่จักหาที่ดินที่เหมาะสม
เป็นดินที่ด้อยค่าไม่อุดม
จะเทถมฝังท่อก็ทำไป
๘. ถ้าก่อนนี้ราคาข้าวเขาให้ค่า
พอชาวนาลืมตาอ้าปากได้
ค่าตอบแทนหยาดเหงื่อชาวนาไทย
พอใช้จ่ายยังชีพได้ไม่อับจน
๙. ถ้าคนไทยแหนหวงห่วงพันธุ์ข้าว
มิให้ใครอื่นเขาเข้ามาปล้น
เอาของเราไปหลอมปลอมแปลงปน
จนสับสนสงสัยในสายพันธุ์
๑๐. ถ้าลูกหลานชาวนาไทยไม่ทิ้งถิ่น
เลิกทำกินเข้าโรงงานหวังสานฝัน
เพื่อหลุดพ้นจากการเสี่ยงไปวันวัน
โดยเหหันตายดาบหน้าที่ในเมือง
๑๑. ถ้าพ่อค้าตีราคาค่าของข้าว
ให้เทียมเท่าพวกน้ำมันจากบ่อเหมือง
ยกย่องเป็นสิ่งสูงค่าน่าประเทือง
พวกชาวนาคงรุ่งเรืองไม่ด้อยลง
๑๒. ถ้าวันนั้น..ถ้า..ถ้า..ถ้า...........
ในวันนี้ชาวนาไทยเกียรติสูงส่ง
ในวันนี้ศักดิ์ข้าวไทยใหญ่ยืนยง
ในวันนี้ไทยมั่นคงกว่าชาติใด

ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑๕ พฤศจิกา ๕๒

วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ตำนานแห่งต้นไม้ ในเชิงเขา

๑. ตำนานแห่งต้นไม้ในเชิงเขา
มีรากเหง้าสอดประสานผ่านหินผา
ต่างซอกซอนซ้อนไขว้กันไปมา
แต่รู้ว่าหน้าที่มีอย่างไร
๒. ต่างดูดซับรับน้ำเลี้ยงลำต้น
ต่างไขว่คว้าเสาะค้นกันยกใหญ่
ไม่แข่งขันขัดแย้งระแวงใจ
สื่อสัมพันธ์ลึกล้ำในใต้ผืนดิน
๓. ระดับพื้นผูกพันกันสนิท
ไม่มีใครตำหนิหรือติฉิน
อยู่ร่วมกันอย่างเปิดเผยจนเคยชิน
ไม่ได้ยินใครว่าด่าทอใคร
๔. พออยู่มาทอดกิ่งก้านระรานบ้าง
ความแตกต่างเกิดมีที่สงสัย
กระทบกระทั่งโดยที่มิตั้งใจ
แต่รากเหง้ายังเข้าใจกันมั่นคง
๕. ครั้นต่อมามีนกพเนจร
บินยอกย้อนวนวกดังนกหลง
ปานวิหคสองหัวแฝงตัวลง
ส่งเสียงร้องจนป่าดงอลเวง
๖. ขย่มไม้ให้สั่นจนหวั่นไหว
ฟ้องว่าใครบางคนมาข่มเหง
รีบหาพวกพลพรรคที่นักเลง
เอาไว้เบ่งตามชายป่าน่าเศร้าใจ
๗. ลืมไปว่าชายป่าทั้งสองฝั่ง
ถูกปลูกฝังเสมือนว่าผืนป่าใหญ่
เป็นป่าเดียวกลมกลืนยืนยาวไกล
จนสายใยรากเหง้าเข้าใจกัน
๘. คิดแต่เรื่องตัวกูและของกู
ทั้งที่รู้ควรไม่ควรด่วนคิดสั้น
เดินทางผิดคิดกลับใจอภัยกัน
ขืนดื้อรั้นบรรลัยไปทั้งมวล

ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๕ พฤศจิกา ๕๒

วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ตองแตก

๐ ลมเพลมพัดต้อง ใบตอง
ใบแตกเป็นแฉกตอง ตลอดก้าน
ใบสวยกลับหม่นหมอง ยับย่น
ตองใหม่ค่อยต่อต้าน ตอบโต้กับลม
๐ โดนลมย่อมเจ็บบ้าง ใบตอง
ฝนใหม่มาสนอง ยอดกล้วย
แตกหน่อตามครรลอง เคยผ่าน
ใบมุ่นมิมอดม้วย สลายสิ้นหมดกอ
(โคลงสี่สุภาพข้างบนนี้มีคำอีสานแทรกอยู่ด้วย)

ศักดิ์เรือง วลี / บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๔ พฤศจิกา ๕๒

เรื่องเศร้า

วุฒิ วัย คุณวุฒิล้วน เหมาะสม
ภาวะ จิตกลับจ่อมจม ใต้พื้น
หาย ใจดั่งผายลม รดทั่ว
ไป ตายแค่น้ำตื้น ไม่ฟื้นตื่นฝัน
มารยาทเคยเพียบพร้อม เสมอมา
เลย เปลี่ยนแปลงจรรยา กลับข้าง
ทราม ไปไม่คืนมา ดังเก่า
ลง ต่ำยากจักอ้าง เอ่ยด้วยเหตุใด
ศักดิ์เรือง วลี /๑๔ พฤศจิกา ๕๒

วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ในอ้อมแขน

.....ในอ้อมแขนแห่งสายลม
โอบกอด โอบอุ้ม อบอุ่น
มีบางครั้งที่เกรี้ยวกราด
และลงโทษ
.....อ้อมแขนแห่งสายลม
คืออ้อมแขนแห่งมารดา
โลกคือมารดาแห่งมนุษยชาติ
......หากลูกเกเร ดื้อรั้น มิเชื่อฟัง
ก็ชอบธรรม ที่แม่จักลงโทษเสียบ้าง
แต่แล้วความรักจากแม่ที่มีต่อลูกก็จักดำเนินต่อไป นิรันดร์
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๑ /๑๑ /๕๒

รำพึง

ในตอนนั้น.....ฉันคิดว่า....ตอนนั้นฉันคิดถูก
ในตอนนี้.......ฉันคิดว่า...ตอนนั้นฉันคิดผิด
ในตอนนี้.......ฉันคิดว่า...ตอนนี้ฉันคิดถูก
ในตอนนั้น.....(ถ้ารู้ว่าเป็นอย่างนี้)...ฉันคงคิดว่า...ฉันคิดผิด
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๑ /๑๑ /๕๒

วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

บทเพลงเล็กๆหลังบ้าน

๑ เมื่อฟากฟ้าเปิดเวทีคลี่ม่านหมอก
เบื้องตะวันออกโคมใหญ่เริ่มให้แสง
เวทีบัวอวลกลิ่นหอมพร้อมแสดง
ฝูงแมลง ภู่ ผึ้ง หึ่งเพลงคลอ
๒ เสียงไก่แจ้ขันก้องร้องไพเราะ
เสียงเสนาะเถาวัลย์โยกโบกปลายพ้อ
เล็บมือนาง เสาวคนธ์เคียงพนอ
บัวชูคอ โยกไปมาช่างน่าดู
๓ นกกระเต็น นกเอี้ยง กระจอกกระจิบ
เสียงกระซิบเล่นเพลงบรรเลงคู่
สลับเสียงนกเขาเจ้าขันคู
จู้ฮุกกรู กรุ๊กกรู คูเสียงรัว
๔ เสียงลมชักสายซอในกอไผ่
แล้วเรียงไล่ตัวโน๊ตตามแนวรั้ว
กระถิน แค ขาม มะรุม รื่นระรัว
มะกรูดมะนาว ก็โยกตัวตามทำนอง
๕ แล้วมีเสียงทางมะพร้าวกรูกราวรับ
ได้สดับเสียงประสานผ่านโสตสอง
หัวใจบาน เบิกรับขับร้อยกรอง
เป็นกวีวรรคทองในจินตนา
๖ ลมโชยกลิ่นสายหยุดฉุดความคิด
ดอกสลิด พุดน้ำบุศย์ อินถะหวา
มะลุลี มะลิวัลย์ กรรณิการ์
ซ่านนาสา แซมเสียงเพลง บรรเลงเรียง
๗ เป็นบทเพลงดีดีที่หลังบ้าน
หากเกียจคร้านตื่นสายเสียดายเสียง
ได้เพลงทิพย์ปลอบโยนโอนสำเนียง
มาหล่อเลี้ยงโลมฤดีทุกวี่วัน

ศักดิ์เรือง วลี / บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๔ พฤศจิกา ๕๒

วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ถ้า.....(เรื่องของคนเก่งกับคนโกง)

๐ ถ้าวันนั้นคนฉลาดเก่งกาจกล้า
เขานำพาสังคมสมความหวัง
เขาซื่อตรงข้นเข้มเต็มพลัง
อนาคตคงไม่พังพินาศลง
๐ ถ้าก่อนนี้กฎหมายไม่มีช่อง
ความถูกต้องไม่มืดมิดพิศวง
ถ้าก่อนนี้มีกำแพงอันมั่นคง
ปิดล้อมวงพวกกังฉินสิ้นพิษภัย
๐ ถ้าก่อนนั้นค่านิยมสังคมทุน
ไม่เทิดทูนพวกอำนาจและบาทใหญ่
ไม่ยกย่องเงินตรามากเกินไป
พวกกองไฟคงไม่พอล่อแมลง
๐ ถ้าก่อนนั้นการก้าวยืนขึ้นประกาศ
กุมอำนาจบารมีเรืองศรีแสง
ขึ้นได้โดยศรัทธาใช่สำแดง
อำนาจแฝงคำเยิรยอจากบริวาร
๐ ถ้าวันนั้นคนเก่ง-ดี มีอำนาจ
คนฉลาดลึกล้ำธรรมประสาน
คนสัตย์ซื่อที่มหาชนเขาต้องการ
ได้ทำงานโดดเด่นเป็นผู้นำ
๐ บ้านเมืองเราคงไม่เป็นเช่นวันนี้
เห็นขี้แพ้ชวนตีทุกเช้าค่ำ
เห็นบ้านเมืองผุกรอบและบอบช้ำ
เร่งตอกย้ำเพื่อให้แตกสามัคคี
๐ ด้วยวันนั้นคนเก่งกล้าสุดสามารถ
กลับฉลาดแกมโกงไปเสียนี่
มุ่งหมายมั่นสั่งสมความมั่งมี
จึงวันนี้บ้านเมืองไม่เรืองรอง

ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๓ พฤศจิกา ๕๒

วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

กระทงทวนน้ำ

๐ ยกกระทงตั้งจิตอธิษฐาน
ขอกราบกรานวิงวอนก่อนเถิดหนา
ขอกระทงลอยทวนสวนธารา
ขึ้นไปยังต้นคงคาบนคีรี
๐ จงนำเอาเมล็ดพันธุ์แห่งความรัก
ที่ได้ตักตวงใส่ลงในนี้
ไปโปรยลงตรงต้นทางแห่งนที
เพื่อไหลรี่ลงเป็นสายกระจายพันธุ์
๐ จากภูเขาสูงเสียดฟ้าลงหาพื้น
ได้ชุ่มชื่นทั่วไปเต็มพื้นที่
ขอความรักในเพื่อนมนุษย์นี้
จงได้มีมากมายหมายแบ่งปัน
๐ ขอให้คนรักคนเข้าใจคน
ขอจงดลสังคมให้สุขสันต์
ขอให้คนรักบ้านรักเมืองกัน
ขอให้ปันรักไปไม่รู้รา
๐ ขอให้คนรักน้ำให้มากล้น
ขอให้คนรักต้นไม้รักภูผา
ขอให้คนรักธรรมชาติรักพนา
ขอให้คนเมตตาสัตว์ป่าดง
๐ ขอให้คนรักเลื่อมใสในธรรมะ
ขอให้ละเรื่องโลภเรื่องโกรธหลง
ขอให้จิตให้ใจจงมั่นคง
ขอกระทงล่องลอยปล่อยรักเทอญ
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /วันลอยกระทง ๒ พฤศจิกา ๕๒

กวนน้ำ

๐ กวนกลับน้ำขุ่นให้...คืนใส
ควรใส่เติมลงไป....สารส้ม
กวนวนในทางใด....ทางหนึ่ง
กวนต่อไปอย่าล้ม....เลิกทิ้งกลางคัน
๐ ตะกอนนอนตกใต้...ไม่นาน
น้ำใสปราศจากการ...ขุ่นข้น
ค่อยตักออกเจือจาน..แจกจ่าย
จักนำพาหลุดพ้น....แร้นแค้นทุกข์เข็ญ
๐ ปัจจุบันมีใครบ้าง..คิดการ
กวนน้ำหายอาการ....ขุ่นข้น
มีแต่คอยระราน .....กวนก่อ
ต่างคนต่างกวนก้น...โอ่งน้ำโกลาหล
๐ น้ำเก่ายังขุ่นข้น...ดำปี๋
ยังแย่งกันเติมสี.....ใส่น้ำ
อนาคตหมดหวังมี...น้ำดื่ม
กราบวิงวอนขอย้ำ...ช่วยน้ำคืนใส
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒ พฤศจิกา ๕๒

วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2552

บัวรุ่ง บัวรื่น บัวรา บัวโรย

๑ อันดอกบัวบอกอะไรเราได้บ้าง..มีแตกต่างทางเทียบเปรียบเปรยได้
แต่ละคนแต่ละเพศแต่ละวัย..จักมองไปคนละมุมไม่ว่ากัน
๒ ถึงอย่างไรบัวยังบอกเป็นดอกไม้..ที่สดใสชวนชื่นตื่นตาฝัน
เป็นพืชน้ำบริสุทธิ์ผุดผ่องพรรณ..งามเหนือชั้นพันธุ์ใดในนที
๓ ในยามเช้ารีบบานรออรุณฉาย..พอตกบ่ายหุบกลีบรีบเข้าที่
ขืนบานสู้ต่อไปจักไม่ดี...แสงระวีบัวไม่กล้าท้าประจัน
๔ หลบเอาแรงแฝงร่างกลางคืนค่ำ..น้ำค้างฉ่ำชุ่มชื้นคืนสวรรค์
ตั้งตาคอยลอยคอล้อแสงจันทร์ ..แล้วเพ้อฝันหลับใหลในสายธาร
๕ เอาไว้รุ่งวันใหม่แสงไม่ร้อน..ค่อยตื่นนอนตอนแสงตาวันฉาน
ได้ไออุ่นก็กระเบงออกเบ่งบาน..จนแสงจ้านร้อนนักจักขอลา
๖ ครั้นรับแสงสดชื่นผ่านคืนวัน..จำเปลี่ยนผันไม่จีรังแปรสังขาร์
จากบัวรุ่ง บัวรื่น เป็นบัวรา..แล้วก็มาเป็นบัวโรยลงไปพลัน
๗ เรื่องแบบนี้บอกอะไรได้ไหมหนอ..จักคิดต่อออกไปอย่างไรนั้น
หรือคิดต่างอย่างไรใจต่างกัน..ถ้าคิดได้อย่างไรนั้นบอกกันที
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๓๐ ตุลา ๕๒

กล้า

.......จงกล้า
ที่จักทำเป็นขี้ขลาด
ในบางเรื่องที่คนทั่วไปยุให้กล้า
........จงกล้า
ที่จักป็นตัวของตัวเอง
แม้นานมาแล้วขลาดที่จักทำเช่นนั้น
.......จงกล้า
ที่จักนิ่งงัน
ทั้งที่ใจเต้นเร่าแลปากขยับที่จักวิวาทะแล้วก็ตาม
.......จงกล้า
ที่จักนั่งลง
แม้เท้าเรียกร้องให้ออกก้าวเดิน
........ควรกล้า
ในบางเรื่อง
ที่ไม่ทำให้ความกล้าของคนอื่นหมดความหมาย
แลไม่ทำให้ความขลาดแห่งตนเสียสมดุล
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒๙ ตุลา ๕๒

วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2552

หม่นหมอง

กลางฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้
กลับมีลมตะวันออกเฉียงใต้
พัดสวนขึ้นมารุนแรง
โหมกระหน่ำหนักหน่วง
ชาวบ้านชนบท...โจทย์ขาน
ว่าเป็นลมแห่งการร่ำลือ
สายลมสื่อสารให้รู้แล้วว่า..
ประติมากรรมศิลาโบราณ
....รู้สึกเศร้าแลหม่นหมอง
....เมื่อเห็นนกสองตัวกำลังวิวาทะ
โดยไม่รู้สาเหตุ
โดยลุแก่อารมณ์
....รู้สึกเศร้าแลหม่นหมอง
....เมื่อรู้ว่าสาวกรูปปั้นเล็กหลายตัว
ด่าทอเกรี้ยวกราดกันเนืองๆ
....รู้สึกเศร้าแลหม่นหมอง
....เมื่อเห็นไทรพฤกษา ที่อาศัยข้างประติมา
หยั่งราก แยงกิ่งก้านสาขา
ระรานกันแลกัน
....รู้สึกเศร้าแลหม่นหมอง
....เมื่อประจักษ์ชัดว่าสิ่งใกล้ตัว
ไม่ปรองดองกัน
ทั้งๆที่สืบเชื้อสายพงศ์เผ่าเดียวกัน
มาเนิ่นนานแต่อดีตโพ้น
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒๗ ตุลา ๕๒

สลาย

การแตกสลาย....
แห่งมหาประติมากรรมยักษ์
มิใช่ถูกทุบทำลาย
โดยมือผู้ใด
....แต่เป็นด้วย
การระอุของเม็ดศิลาภายใน
นั่นเอง
การล่มสลาย.....
แห่งมหาอาณาจักร
มิใช่ถูกรุกรานจนพ่ายแพ้
จากอริศัตรู
.....แต่เป็นด้วย
ความแตกแยกแลขัดแย้ง
ของอณูดินแห่งมหาอาณาจักร
นั่นเอง
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๗ ตุลา ๕๒

วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2552

คนเขลา

....................นกใหญ่บินสูง
ลงมาหากินตามพื้นดิน
....................นกเล็กบินต่ำ
ขึ้นไปหากินบนยอดไม้
....................คนเขลา
กินนก
ทั้งนกเล็กแลนกใหญ่

ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒๔ ตุลา ๕๒

วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2552

แม่กทลี

๐ เกิดกลล์จนแก่กล้า....กายี
กษีระกับกทลี......... ก่อเกื้อ
กราบกรานกตเวที... ทุกเมื่อ
กกกอผลใบเอื้อ....เลิศล้ำคุณากร
ศักดิ์เรือง วลี บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๓ ตุลา ๕๒

อาคม

.............ณ ที่ที่ฉันอยู่
.............ณ ที่ที่ฉันเป็น
ยังมีความห่วงใยจากเงามืด
แทรกผ่านอากาศออกมาสม่ำเสมอ
"ระวังนะ..ลมมันแรง"
ฉันตอบในใจ
"ไม่เป็นไร ตัวฉันไม่รับแรงลมอยู่แล้ว"
"ระวังนะ..คลื่นมันแรง"
"ไม่เป็นไร ตัวฉันไม่รับแรงคลื่นอยู่แล้ว"
"ระวังนะมันมืดมิดนะ"
"ไม่เป็นไร ตัวฉันพอจะมีแสงสว่างในตัวอยู่บ้าง"
........ยังมีคำและความห่วงใยตามมาอีกมากมาย
ขอบคุณความห่วงใยจากเงามืด
.......และฉันก็อดที่จะขอบคุณในคาถาอาคมของตัวเองไม่ได้เช่นกัน

ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒๓ ตุลา ๕๒

วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2552

หลอนและลวง

............ทุกเสี้ยวเวลา
มันเป็นช่วงขณะที่หลอนใจ
จากทั้งในอดีตแอนาคต
เพียงแต่มัน....
สะท้อนผ่านช่วงเวลา ณ ปัจจุบันเท่านั้น
............ทุกเหตุการณ์
มันเป็นเพียงภาพลวงตา
ที่มันสะท้อนผ่านความเป็นจริง

ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๒ ตุลา ๕๒