วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

แด่ส่งแวดล้อมที่น่าสงสาร

๑. สิ่งเลวร้ายแวดล้อมกลุ้มรุมโลก
วิปโยคอัปยศปรากฎทั่ว
มันคืบคลานเข้ามาอย่างน่ากลัว
จะซุกหัวซ่อนกายไปไหนกัน
๒. มลภาวะเป็นพิษวิปริตมาก
เนื่องมาจากแนวชีวีที่แปรผัน
จากสังคมเรียบง่ายในรายวัน
เป็นประชันขันแข่งสู้แย่งชิง
๓. ไม่มีคนสนใจต่อใครนัก
มุ่งหาญหักโหดร้ายคล้ายผีสิง
เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ไม่ประวิง
ลืมแม้สิ่งรอบกายทำลายมัน
๔. สารเคมีสังเคราะห์มานึกว่าแน่
หวังเพียงแต่แก้ปัญหาตรงหน้านั่น
ผลตามมาเป็นปัญหาสารพัน
โทษมหันต์ย้อนคืนมากลืนตัว
๕. ค่านิยมที่ผิดทำพิษเรื่อย
ความฟุ่มเฟือยฟุ้งเฟ้อดังไฟชั่ว
ทรัพยากรเร่งผลาญเผาอย่างเมามัว
โลกระรัวรุ่มร้อนดังฟอนไฟ
๖. มุ่งพิทักษ์เพียงชีวาของมานุษย์
เพียรยื้อยุดคุณค่าอยู่ขวักไขว่
ชีวิตอื่นอยู่รอบตนไม่สนใจ
มุ่งทำลายไร้การุณแทบสูญพันธุ์
๗. แม้ป่าไม้มิตรแท้มาแต่ต้น
ยังไม่พ้นถูกรังแกจนแปรผัน
เคยอุดมสมบูรณ์คุณอนันต์
เหลือไว้เพียงภาพฝันแห่งวันคืน
๘. อีกสังคมทำช่องว่างไว้ห่างมาก
จึงลำบากยากจะถมความขมขื่น
พวกที่จนแทบไม่มีที่กินกลืน
พวกรวยรื่นก็ระเริงจนเหลิงไป
๙. อีกทุกฝ่ายต่างปล่อยทิ้งสิ่งรอบข้าง
รัฐก็อ้างสร้างสังคมให้สดใส
ห่วงแต่เรื่องปากท้องของใครใคร
ลืมใส่ใจ สิ่งแวดล้อมจึงเลวลง
๑๐. สังคมโลกมุ่งแข่งขันทางการค้า
แข่งก้าวหน้าเทคโนโลยีที่ใหลหลง
ไม่ร่วมมือร่วมใจในเผ่าพงศ์
สิ่งรอบตัวมลายลงเป็นรายวัน
๑๑. มุ่งพัฒนาผลักดันด้านวัตถุ
หวังบรรลุโลกวิไลดังใฝ่ฝัน
ลืมรักษาค่าแท้จริงสิ่งผูกพัน
สุดท้ายมันก็หลุดร่วงลงไปไกล
๑๒. จึงได้แต่สงสารสิ่งแวดล้อม
จะให้เตี้ยอุ้มค่อมอย่างไรไหว
ได้แต่เศร้าสะท้อนอกสะท้อนใจ
เห็นป่าไม้ อากาศ น้ำ ช้ำเจียนตาย

ศักดิ์เรือง วลี /๕ กรกฎา ๕๒

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น