วันอังคารที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2553

นักกีฬารวงทอง

นักกีฬารวงทอง
๐ ขณะที่คนบางกลุ่มเขาคลุ้มคลั่ง
รุมแย่งชิงลูกหนังดั่งคนบ้า
ปะทะแข้ง ปะทะหัวดุจวัวป่า
ปะทะขาปะทะเข่าเข้าต้านทาน
๐ ลูกกลมกลมลูกเดียวขับเคี่ยวแย่ง
มีค่าแรงเป็นรางวัลมหาศาล
เป็นดาราแข้งทองมหากาฬ
มีค่าตัวนับร้อยล้านสำราญกัน
๐ ยังมีคนที่ขับเคี่ยวคว้ารวงข้าว
ต้องชันเข้าค้ำคางช่างน่าขัน
ต้องแข่งโชคแข่งชะตาสารพัน
ต้องกัดฟันรอฝนมาหล่นโปรย
๐ เอาชีวิตของตนทั้งชีวิต
มาผูกติดไส้กิ่วที่หิวโหย
เป็นเดิมพันท้าช่วงรวงทองโรย
ร้องโอดโอยจามไอมีใครฟัง
๐ แม้ฝีมือฝีเท้าจักเข้าขั้น
มีใครกันตีค่าราคาตั้ง
ได้ค่าตัวค่าตีนกี่สตังค์
เห็นแต่นั่งจับเจ่าเศร้าคานา
๐ เห็นเขาเป่าแตรเชียร์เพลียใจข้อง
เห็นเขาค้าแข้งทองชักอิจฉา
ทำตาปริบตาปรอยน้อยใจยา
โอ้วาสนานักกีฬาชาวนาไทย
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๙ มิถุนา ๕๓

วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เทวรูปศักดิ์สิทธิ์แห่งเมือง


....นกป่าหลายฝูง
บินปะทะกันบนท้องฟ้า.....
เหนือเมืองโบราณแห่งหนึ่ง
ซึ่งเป็นเมืองที่งดงาม
เมืองที่เต็มไปด้วยมิตรภาพ
เมืองที่อุดม
เมืองที่สงบ
......นกต่างฝูงทะเลาะเบาะแว้งกันกลางอากาศ
ไม่นานก็ปรากฎว่า...มีทั้งหยดเลือดและมูลนก
....หยาดกระจายลงมาจากท้องฟ้า
ทำให้เทวรูปศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองเปรอะเปื้อนไปหมด
.....ต่อมาอีกไม่นานก็ปรากฎเหก็นรอยสึกกร่อนที่ผิวของเทวรูป
และเห็นหยดน้ำใสๆเล็ดออกตรงเบ้าตาของเทวรูปนั้นด้วย
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒๑ มิถุนา ๕๓

วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2553

มหากาพย์แห่งบางกอก

มหากาพย์แห่งบางกอก
๑. พฤษภามหาวิปโยค
มหาโศกมหาเศร้ามหาศาล
มหาโกรธมหากริ้วมหากาฬ
มหาเผามหาผลาญมหาเพลิง
๒. มหาดุมหาดันมหาเดือด
มหาเลือดมหาหลงมหาเหลิง
มหาบึ้มมหาระเบิดเปิดเปิง
มหาชั้นมหาเชิงมหาชน
๓. มหาค่ายมหารายมหาล้อม
มหาป้อมมหาปักหลักไผ่พ้น
มหาทัพมหาทางยางรถยนต์
มหาทุกข์มหาทนมหาทาน
๔. มหาเถื่อนมหาถ้ำคอนเทนเนอร์
มหาบังเกอร์มหาถิ่นมหาฐาน
มหารับมหาจ่ายมหาจาร
มหาล้อมมหาหว่านวาทกรรม
๕. มหาไพร่มหาพร่ำทำพังพาบ
มหาจาบมหาจ้วงมหาจ้ำ
มหาแนมมหาเหน็บเจ็บไม่จำ
มหาบาปมหากรรมเห็นตามทัน
๖. มหาบาทมหาบทหมดหน้าตัก
มหาหักมหาหาญจนเหหัน
มหาบดมหาบี้จี้ประจัญ
มหาฟาดมหาฟันแทบบรรลัย
๗. พฤษภามหาทมิฬ
มหาฐานมหาถิ่นถูกไฟไหม้
มหาหดมหาหู่อดสูใจ
มหาร่ำมหาไรไห้อาดูร
๘. มหาพ่นมหาพิษเศรษกิจหด
มหาภาพมหาพจน์หมดสิ้นสูญ
มหาคร่ำมหาครวญเหลือมวลมูล
มหาทูลมหาเทิดลืมเชิดชู
๙. พฤษภามหาโหด
มหาพิโรธมหาพิรุธอย่างสุดกู่
มหาเกียรติมหาก้องต้องรีบกู้
ชวนมองดูมหาอนาคตแห่งชาติไทย
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๓
(รำลึกครบรอบ ๑ เดือน เหตุการณ์พฤษภามหาวิปโยค)


นกละเมอ

นกละเมอ
ดึกดื่นในคืนค่ำ
นกละเมอเพ้อเป็นเพลง
อยู่บนต้นไม้ในหมู่บ้าน
.....ภายในบ้านหลังหนึ่ง...มีคนนอนฟังเสียงเพลงนก
ได้ยินเป็นเพลงแห่งความรัก
เป็นเพลงแห่งความสุข
เป็นเพลงแห่งความหวัง
เป็นเพลงแห่งความฝัน........
.......แต่ในบ้านอีกหลัง...กลับมีคนได้ยิน...
เป็นเพลงแห่งความเศร้า
เป็นเพลงแห่งความสิ้นหวัง
เป็นเพลงแห่งความเจ็บปวด
......................
สายลมยามค่ำคืน
แอบล่วงรู้ถึงความในใจแห่งผู้คนทั้งหมด
จึงพัดกระโชกผ่านไป...
แล้วบ่นพึมพำ...ว่า
...โถ..คนหนอคน
มันเป็นเพียงนกละเมอเท่านั้น
....และมันก็เป็นเพลงเดียวกันแท้ๆ
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๘ มิถุนา ๕๓

ชายผู้ซึ่งตาบอดสี

เรือสำเภาลำเก่าคร่ำ
ผ่านการเดินทางมาเนิ่นนาน
ผ่าน่านน้ำนับไม่ถ้วน
ผ่านมรสุมจนชินชา
ผ่าหินโสโครกก็บ่อยครั้ง
พังแล้วพังอีก....ซ่อมแล้วซ่อมอีก
แต่ก็ฝ่าคลื่นลมไปจนได้ทุกครั้ง
...ราวปาฏิหาริย์
ณ เพลานี้..โพล้เพล้ใกล้พลบค่ำ
ท้องฟ้าเบื้องตะวันออกแดงฉาน
เบื้องตะวันตกก็สาดแสงหลากสีที่จัดจ้านไม่แพ้กัน
เบื้องบนแหงนขึ้นมองดูก็อึมครึม มืดครึ้มหม่นทะมึน
ตะวันลับขอบฟ้าลงไปแล้ว
แต่แสงยังน่ากลัวเป็นสัญญาณที่รู้กันในหม่นักเดินเรือ
...ว่าในค่ำคืนนี้จะต้องผจญพายุใหญ่แน่นอน
.....ภายในเรือลำนี้นอกจากบุคคลอื่นที่กำลังวิตกกันอย่างมาก
ยังมีชายอีกคนหนึ่ง
.....ชายผู้ซึ่งตาบอดสี
เขาไม่รู้สึกกังวลกับสีที่เปลี่ยนไปในท้องฟ้า
เขากำลังเฝ้าประคับประคองเมล็ดแห่งพืชพรรณนานาในอุ้งมือ
เป็นเมล็ดพันธุ์ที่หลากหลายและมีคุณค่าต่อมวลมนุษยชาติ
ซึ่งเขาได้รับตกทอดมาจากบรรพชน
และรวบรวมจากที่ต่างๆที่เรือแล่นไปถึง
เขาพร้อมที่จะปกป้องเมล็ดพืชพรรณเหล่านี้ด้วยชีวิต
โดยหวังว่า
...สักวันหนึ่ง
เรือผ่านมรสุมร้ายไปได้
และเข้าถึงฝั่งใดฝั่งหนึ่งบนผืนแผ่นดินใหญ่
เขาจะนำเมล็ดพันธุ์เหล่านี้
ไปหว่านและเพาะพันธุ์ลงบนผืนแผ่นดิน
เพื่อให้เจริญงอกงาม เป็นพืชพรรณอันพิสุทธิ์
ยังคุณค่าให้แก่มวลมนุษยชาติ
อย่างจีรังและยั่งยืนนิรันดร์
......โอ้....ชายผู้น่าสรรเสริญ
ชายผู้ซึ่ง ณ ขณะนี้ เขามีตาที่บอดสี
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด/บทเรียงร้อยถ้อยคำนี้ เขียนเมื่อวันที่
๒๐ พฤษภา ๒๕๕๓

วันพุธที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ลืม

ลืม
๑. เหตุการณ์ที่ผ่านมา หวาดผวาพาหวั่นไหว
คิดดูด้วยเหตุใด จึงเมืองไทยวิกฤตการณ์
๒. เคยอยู่อย่าสันติ มิได้มีภัยแผ้วพาล
อยู่มาเพลิงพุ่งพล่าน ไหม้เผาผลาญย่านกลางเมือง
๓. ในกรุงต่างจังหวัด ปรากฎชัดพวกก่อเรื่อง
จราจลจนขุ่นเคือง ยากปลดเปลื้องจากความจำ
๔. เหตุเกิดยากลืมเลือน ยอกใจเตือนเหมือนตอกย้ำ
ห้ามใจไม่จดจำ จักควรทำเพื่อบรรเทา
๕. ลืม ลืม...ลืมเสียเถิด จิตประเสริฐไม่อับเฉา
คนไทยไม่ควรเศร้า กับเรื่องร้าวในเผ่าพงษ์
๖. ผ่านมาให้ผ่านไป โปรดทำใจไร้พิษสง
ล้างใจคลายพะวง เรื่องร้ายคงค่อยเลือนราง
๗. ฝันร้ายผ่านพ้นแล้ว จิตผ่องแผ้วพบสว่าง
ร่วมกันรังสรรค์ทาง ที่สืบสร้างสังคมไทย
๘. ลืมเถิดเรื่องเลวร้าย อันมากมายหลายเภทภัย
ลืมมันก้าวผ่านไป สู่วันใหม่ไม่รอรี
๙. ให้อภัยแก่ทุกคน ทุกแห่งหนล้วนน้องพี่
คิดใหม่ในสิ่งดี สามัคคีพี่น้องไทย
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒ มิถุนา ๕๓

จำ

จำ

๑. จงจำให้ขึ้นใจ สังคมไทยมีศักดิ์ศรี

เชิดชูคุณความดี สามัคคีมีน้ำใจ

๒. อยู่กัน ฉันพี่น้อง รักปรองดองทั้งผองไทย

เอื้อเฟื้อมีเยื่อใย ศาสนาใดไม่ต่างกัน

๓. จงจำภาพงดงาม ทุกเขตคามครองสุขสันต์

ขาดเหลือเจือจุนกัน คอยแบ่งปันด้วยปราณี

๔. รอยยิ้มพิมพ์ใบหน้า รักศรัทธาทุกวิถี

ผูกจิตมิตรไมตรี จนเป็นที่โลกเลื่องลือ

๕. จงจำสิ่งชูชัย ประเพณีไทยที่ยึดถือ

วัฒนธรรมสำคัญคือ กระแสธารที่ยืนยง

๖. จงจำไว้ให้มั่น สถาบันอันสูงส่ง

กษัตริย์ไทยเทิดไว้คง คู่ไตรรงค์ไปนิรันดร์

๗. ทบทวนสิ่งดีงาม ขอให้จำคำจำนรรจ์

ก่อนก่อการใดกัน ยั้งให้ทันทวนความจำ

ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒ มิถุนา ๕๓