วันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2553

สุดท้ายที่แผ่นดิน

๐ เดินทางจากต่ำใต้ ดินดล
ผ่านราก ลำต้น จน กิ่งก้าน
ผ่านพุ่มผ่านใบบน ตา ยอด
จึงผลิกลีบสะอ้าน อวดอ้างรูปโฉม
๐ ดอกไม้ใดใดล้วน งดงาม
บานเบ่งขับรูปนาม สง่าไซร้
เสร็จกิจก็ถึงยาม คืนกลับ
ทุกกลีบทุกดอกไม้ สู่พื้นดินเดิม
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๓๐ กันยา ๕๓

วิจิตรกรรม


๐ วาดภาพโดยร่างด้วย พันธุกรรม
ละเลงธาตุในดินนำ รองพื้น
แดดลมผสมน้ำ ระบายต่อ
จิตรกรยิ่งครึกครื้น ตวัดป้ายแปรงสี ๐๐ฯฯ
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด/๒๙ กันยาส ๕๓

วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553

บุญคุณกล้วย

บุญคุณกล้วย
(คำกลอนอีสาน)
๐ ยามสายลมพานต้อง ใบตองขาดต่อง
ก้ากล้วยก่องค่องน่อง ปลายข่องข่วยกัน
คิดกระสันบาทบั้น น่อยอ่อนเยาว์วัย
คราวเกิดอยู่ถิ่นไกล อยู่ในบ้านนอก
๐ อีแม่บอกให้ฮู่ เคยกินอยู่จังใด๋
เพิ่นได้ไขวาจา ว่าตอนยังน่อย
แม่เพิ่นคอยหย่ำเคี้ยว ข้าวเหนียวนึ่งใหม่
ใส่กับกล้วยสุกพร้อม หอมแท่ทะนีออง
๐ ห่อใบตองกล้วยได้ หมกใส่ไฟฟืน
เพิ่นทนยืนเฝ้าไฟ เหงื่อไหลไคลย้อย
คอยจนสุกหอมแล่ว เอามาป้อนอ่อน
เอามือซอนใส่ปากป้อน ฟายน่ำล่องลง
๐ ใหญ่จนย่างย่งย่ง บ่ได้อ่งลืมหลัง
บุญคุณกล้วยกะยัง บ่ไลลืมแท่
คุณพ่อแม่เพิ่นหย่ำ น่ำลายผสมข้าว
เฮ็ดให้เฮาเติบใหญ่ได้ เดียวนี่ฮ่ำคะนิง
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒๘ กันยา ๕๓

วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553

ลงทัณฑ์สถานใด


๑.ไยเผาไม้ทำป่าไหม้ทำไมเผา
ปล่อยพวกเขาอยู่ต่อไปไม่ได้หรือ
รู้ใช่ไหมต้นไม้ไม่มีมือ
มายกยื้อปกป้องคุ้มครองตน
๒.ไม่มีเท้าวิ่งหนีไปที่ไหน
มีแต่เสียงร่ำไห้ระงมหม่น
ยินหรือไม่เสียงป่าร้องด่าคน
ที่มาปล้นเผา ฆ่า สุดสามานย์
๓.ในการสร้างพงศ์พันธุ์นั้นแสนยาก
มาถางถากสุมไฟไม่สงสาร
กว่าเต็มพื้นยืนแน่นนานแสนนาน
ผู้รุกรานมามล้างอ้างสิทธิ์ใด
๔.รู้ทั้งรู้ที่คนอยู่อย่างสุขสันต์
เพราะพืชพรรณยังประโยชน์อันยิ่งใหญ่
ทุกผืนป่ามีคุณค่ากว่าสิ่งใด
มีแต่ให้กับให้แต่สิ่งดี
๕.ตัดทำไม เผาทำไม ไยไม่คิด
ฆ่าชีวิตทุกชึวิตคิดถ้วนถี่
ต้นไม้ตาย ดินก็ตายไร้ชีวี
น้ำเคยมีก็ต้องตายไปตามกัน
๖.อากาศตาย จุลินทรีย์ก็ถูกฆ่า
สิ่งแวดล้อม สัตว์ป่า ก็อาสัญ
ระบบนิเวศน์วอดวายเห็นไหมนั่น
ที่สำคัญความตายรุกถึงคน
๗.ถ้าเช่นนั้นควรลงทัณฑ์คนเผาป่า
ต้องอาญาพิพากษาหาเหตุผล
คนพวกนี้เจตนา ฆ่า เผา ปล้น
ควรจะโดนลงทัณฑ์สถานใด
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒๘ กันยา ๕๓

วันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2553

น้ำผึ้งหลายหยด


๑.ยุนี่ แหย่นั่น ยันโน่น ตำโน้น ตอกนี้ ตีนั้น
กระทบ กระแทก กระทั้น ปลุกปั่น ปากเปราะ ปรักปรำ
๒.กระดอน กระเด็น กระแดะ กระแนะ กระแหน กระหน่ำ
กระด้าง กระเดื่อง แกะดำ จึงจำ กระเจิด กระเจิง
๓.กระโจน กระจุย กระจาย ระบาย ระเบิด เปิดเปิง
กระเซ็น กระเซอะ กระเซิง ประชัน ชั้นเชิง เชี่ยวชาญ
๔.กระเสือก กระไส ไล่ส่ง ปลดปลง ปองล้าง ปองผลาญ
ตีนิด ตอดหน่อย ชำนาญ ดักดาน ด่าทอ แดกดัน
๕.แข่งขัน คัดค้าน ค่อนขอด แย่ยอด ยัดเยียด เหยียดหยัน
ยั่วยุ ยักแย่ ยักยัน ตอบโต้ ต่อกัน ทันที
๖.ต่างคน ต่างใคร ไม่ยอม เตรียมพร้อม ต่อต้าน เต็มที่
ระวัง ระแวง ราวี ไม่มี โอนอ่อน ผ่อนคลาย
๗.เกะกะ ระราน ก้าวร้าว วาจา สามหาว เสียหาย
หลัการ กำกวม กลับกลาย สุดท้าย ชี้ข้าง ทางตน
๘.ดูดัง จำแลง แกล้งทำ หยดน้ำ ผึ้งพวง ร่วงหล่น
ทีละหยด ราดลง วงวน หลายหน หลายแห่ง หกเรี่ย
๙.ปล่อยไว้ เหตุการณ์ บานปลาย วุ่นวาย หลายปม ละเหี่ย
มะรุม มะตุ้ม นัวเนีย สูญเสีย เสียศูนย์ สับสน
๑๐.เสียศักย์ เสียศรี เรื่องเศร้า แล้วเรา ทั้งผอง หมองหม่น
ขัดข้อง เคืองใจ มืดมน ทุกคน ควรคิด คำนึง
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๗ กันยา ๕๓

วันเสาร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2553

วังวน

๑.ผู้คนหวังหลุดพ้น จากตัวตนที่ตรอมตรม
จากซากของสังคม จากโคลนตมติดมลทิน
๒.จากใจถูกจองจำ จากใต้ต่ำจนใต้ดิน
จากคำที่เคยยิน แม้เคยชินไม่เคยชม
๓.จำใจว่ายข้ามฝั่ง โดยมุ่งหวังพบสุขสม
เรี่ยวแรงเร่งระดม เพื่อไม่จมกลางนที
๔.ลอยคอออกจากฝั่ง ใจที่ตั้งแกร่งเต็มที่
แต่แล้วก็ยังมี แรงโจมตีกระแสตรง
๕.เข้าเขตที่ขับเคี่ยว กระแสเชี่ยวกระแทกส่ง
จนแรงแทบหมดลง เลยเวียนหลงลงวังวน
๖.กี่คนที่เกาะกลุ่ม มากชุมนุมมากกลุ่มคน
ต่างว่ายหนีไม่พ้น อลวนพัลวัน
๗.อลเวงอลหม่าน ต่างพลุกพล่านและผกผัน
ห่างฝั่งออกทุกวัน คว้างตามกันในวังวน
๘.ฝั่งฝันเป็นเพียงฝัน ความจริงนั้นมันสับสน
มองใครมีแต่คน ที่ไม่พ้นวนวังเวิน
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๖ กันยา ๕๓

วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553

สิ่งที่มีคุณค่า

เงินตราเป็นพระเจ้า จริงหรือ?
ทองคำสมมุติคือ ค่าล้น?
เพชรนิลเลิศเลอฤา โลกร่ำ?
จินดามณีร่วงพ้น ทำให้ตายไหม?
ดินดลบันดาลเอื้อ ชีวิต
น้ำดั่งสารศักดิ์สิทธิ์ แน่แท้
แดดดังเทพอิทธิฤทธิ์ วิเศษ
ลมธาตุอากาศแม้ ขาดไร้โลกสลาย
สิ่งดำรงค่าให้ มวลมนุษย์
ใดประสงค์ที่สุด สูงขั้น
มีคุณอันพิศุทธิ์ พิเศษยิ่ง
ค่าใดสำคัญนั้น ใคร่ให้ครวญดู
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒๕ กันยา ๕๓

เก็บใบไม้ไว้ห่อโลก

๐ อย่าโยนใบไม้ขึ้น บนสวรรค์
อย่ากลบลงโลกันต์ จักกลุ้ม
อย่าซุกซ่อนจนมัน เหม็นเน่า
จงนำไปห่อหุ้ม โลกให้เย็นลง ๐๐ฯฯ
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒๔ กันยา ๕๓



วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553

ความหรูหราแห่งยุคสมัย

๑.เวลานี้ทุกแห่งหนที่คนอยู่ มีความหรูความหราเป็นว่าเล่น
แสงสีเสียงปลุกเร้าเช้ายันเย็น ยิ่งหนักเน้นสุดยอดตลอดคืน
๒.พลังงานส่วนรวมทำสวมสิทธิ์ โดยไม่คิดเกรงใจใครเขาอื่น
ใช้ฟุ่มเฟือยทุกเวลาหน้าระรื่น แสนขมขื่นเขาถลุงทรัพยากร
๓.ยิ่งเมืองใหญ่ใช้ไฟฟ้ามหาศาล พากันผลาญยับเยินเกินยอกย้อน
สว่างจ้าแม้เวลาที่หลับนอน ไม่รู้จักหยุดหย่อนกันบ้างเลย
๔.การแข่งขันโฆษณาอย่างบ้าคลั่ง ยกป้ายตั้งมหึมาอย่างผ่าเผย
ติดดวงไฟส่องแสงแจ้งเกินเลย โดยไม่เคยปิดหลอดไฟให้พักงาน
๕.คนส่วนน้อยทำกำไรได้อย่างมาก คนอดอยากยากจนมหาศาล
โลกขาดทุนสูญเสียพลังงาน อีกสสารส่วนรวมสึกหรอไป
๖.ถึงเวลาหรือยังชวนยั้งคิด ลดสักนิดความหรูหราแห่งยุคสมัย
อย่าคิดว่ามีล้นหลามใช้ตามใจ มหาภัยรุกคืบหน้ามาหาเรา
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒๔ กันยา ๕๓

วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553

บุญข้าวสาก (คำกลอนอีสาน)

๑.เพ็งเดือนสิบหมู่เจ้า อ้ายน้องอาวอา
แห่แหนเข้าวัดวา ข้าวปลามาพร้อม
ยกมือวันทาน้อม พระรัตนตรัย
เพื่อขอโชคขอชัย ขอพรพระเจ้า
๒. ให้เหมิดโศกเหมิดเศร้า มีแต่ความสุข
บ่ให้มีความทุกข์ ใดใด๋มาใกล้
เทิงหมากผลให้ได้ เต็มไฮ่นาสวน
ของกินอยากอันควร มั่งมีหลามล้น
๓. แล้วจั่งพากันด้น ลงไปไฮ่นา
นำห่อข้าวปูปลา หมากพลูมีพร้อม
ใบตองห่ออ้อมล้อม ต่องไผต่องมัน
พากันหยายนำกัน แกนาแกไฮ่
๔. เอาของกินไปให้ เอาของใช้ไปหา
ให้พ่อแม่ปู่ย่า ตายายผู้ตายพ้น
ให้ได้กินเหลือล้น ให้อิ่มจนเหลือหลาย
ให้อยู่ดีสำบาย เบิ่งแงงลูกเต้า
๕. ให้ได้ข้าวเต็มเล้า ปลาแดกเต็มไห
ต่ำหูกฝ้ายหมี่ไหม กะให้งามปานย้อย
หากแม่นเลี้ยงควายน้อย กะให้โตใหญ่
ได้ไถนาไวไว บ่มีขัดข้อง
๖. ให้ฟ้าฝนตกต้อง น้ำท่าบริบูรณ์
ขอให้ค้ำให้คูณ เหมิดซุมพี่น้อง
ให้อยู่กันล่องค้อง ถืกกันลองคอง
ความเป็นญาติพี่น้อง อย่าข้องหม่นหมอง พู่นแหล่ว
ศักดิ์เรือง วลึ /บ้านแมกไม้ร้อยเอ็ด / ๒๓ กันยา ๕๓/วันบุญเดือนสิบหรือบุญข้าวสาก

วันเสาร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2553

ที่เห็น ที่เป็น (บทเรียงถ้อยร้อยคำ)

ในวันที่ฉันเริ่มค้นหาตัวเอง
ฉันกลับพบแต่คนแปลกหน้า
ในวันที่ฉันไขว่คว้าหาอนาคต
ฉันกลับเห็นแต่อดีตกาล
ในวันที่ฉันค้นหาความเป็นจริง
ฉันกลับพบแต่ความฝัน
ในวันที่ฉันแหงนหน้ามองหาตาวัน
ฉันกลับพบว่าเป็นรัตติกาล
.....แต่ฉันก็พอใจและภูมิใจ
.......กับสิ่งที่ฉันเห็นและที่ฉันเป็น
กับคนแปลกหน้าที่น่ารัก ผ้มองโลกสวยงาม
และมองผุ้อื่นในแต่แง่ดี
กับอดีตที่แสนสุข น่าจดจำ
และเป็นบทเรียนที่สุดวิเศษ
กับความฝันที่มิใช่เพ้อฝัน
แต่เป็นความใฝ่ฝันที่ดีงาม
กับยามค่ำคืนที่มีแสงนวลของดวงเดือน
และแสงแวววาวของดวงดาวบนท้องฟ้า
รวมทั้งมีแสงระยิบระยับของหิ่งห้อยที่ราวป่า
และแสงเทียนวอมแวมในห้องส่วนตัว
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑๙ กันยา ๕๓

วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553

เทิดทูนและศรัทธา

๐ ใครเกลียดใครโกรธแค้น เคืองใคร
ใครหน่ายใครแหนงใคร คิดค้าน
ใครเอือมระอาใคร ครวญใคร่
ใครต่อใครจักต้าน ตัดไว้ในใจ
๐ สีใดเคยขัดแย้ง สีใด
สีใครตามแต่ใคร เลือกข้าง
สีใดคิดแบบไหน ควรอยู่ ในกรอบ
สีต่างไม่ตามล้าง ต่อต้านต่างสี
๐ พรรคใดต่างมุ่งใช้ อุดมการณ์
ต่างพรรคสมัครสมาน ใหม่ได้
ถึงพรรคจักยืนกราน อย่างเก่า
พรรคอื่นจงอย่าได้ มุ่งร้ายหมายปราม
๐ คนใดคนหนึ่งใช้ สิทธิ์เสรี
กลุ่มคนถึงจะมี กฎป้อง
ควรคิดแต่ทางดี ที่สุด
ยึดถือสิ่งถูกต้อง อยู่ใต้กติกา
๐ โปรดเทิดประเทศไว้ เป็นสำคัญ
อีกทูนสถาบัน หลักไว้
เสริมส่งประชาสันติ์ ปันสุข
รักษาศรัทธาให้ หนักเน้นในใจ
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๘ กันยา ๕๓

โรคของโลก (โคลงสองสุภาพ)

๑.โลกปวดหัวตัวร้อน
สรรพสิ่งยอกย้อน..รุมทึ้งรอบตน
๒.มลพิษครอบคลุมทั้ง
ไฟสุมไม่หยุดยั้ง..รุ่มร้อนละลาย
๓.หลากหลายพยาธิยื้อ
แย่งชิงอยู่อึงอื้อ..ไชเนื้อในพรุน
๔.มูลหมกสกปรกย้ำ
ของเน่าเหม็นราดซ้ำ..สุดกล้ำสุดกลืน
๕.ฝืนทนบาดแผลช้ำ
ขุดเจาะเขา-ดิน-น้ำ..โลกใกล้โลกันต์
๖.ความดันโลกถึงขั้น
สูงกว่าจักทนกลั้น..อยู่ได้ดังเดิม
๗.โลกเริ่มทรุดสุดต้อน
หลายโรคมาแทรกซ้อน..จับไข้ซีดเซียว
๘.เยียวยาโลกอีกครั้ง
สมุนไพรเป็นตัวตั้ง..ต่อต้านโรคา
๙.เอาพฤกษามาป้อน
ทุกป่าปรับคืนย้อน..เพื่อใช้รักษา
๑๐.ผ่าตัดเอาเนื้อร้าย
จากหัวถึงบั้นท้าย..ปลูกเนื้อใหม่แทน
๑๑.วางแผนการใช้น้ำ
รินหลั่งโลกกลืนกล้ำ..ลดไข้โลกที
๑๒.ทุกชีวีบนโลกล้วน
เป็นหมอกันทั่วถ้วน..ร่วมด้วยช่วยกัน
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๗ กันยา ๕๓

วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2553

คาถา

๑.ความเปราะบางอันใด...แซมแทรกในแก่เกล้า

พูนเพิ่มความแตกร้าว...ที่พร้อมบุบสลาย

๒.ใจหมายประคับประคอง...ปรองดองยึดมั่นไว้

ปรารถนาที่จักให้...ค่านั้นคงทน

๓.สับสนจนแทบพลาด...จึงมิอาจเอ่ยอ้าง

ทนอยู่แบบใจคว้าง...คั่งแค้นภายใน

๔.จนใจทนทำใจ...เก็บซ่อนไปแบบนี้

ยอมเลี่ยงยอมหลบลี้...กว่าร้ายละลาย

๕.อับอายอึดอัดอด...รันทดระทมแท้

ยอมคลั่งในอกแปร้...เปี่ยมล้นระวาง

๖.ทนคือธรรมที่ถือ...ซื่อคือยาที่ใช้

เสียสละพอทำได้...จึ่งแพ้เพียงเผิน

๗.ทางเดินมีสะดุด...มีฉุดมีฉากรั้ง

ยังดุ่มเดินโดยตั้ง...สติก้าวยาวไกล

๘.คาถาประจำใจ...คืออภัย-อดทนสู้

ใจเย็น สำนึกรู้...เพื่อพ้นวิกฤตการณ์



วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553

สงคราม

๑.ไม่น่าเชื่อว่าคนบนโลกนี้..ยังเกิดมีการสู้รบไม่จบสิ้น
แม้ล่วงเลยดึกดำบรรพ์ผ่านยุคหิน.ยังถวิลการรบราและฆ่าฟัน
๒.มีสงครามพรมแดนแคว้นใกล้ชิด.สงครามเศรษฐกิจรุกปิดกั้น
สงครามศาสนาและชนชั้น...สงครามอุดมการก็ต่อกร
๓.สงครามต่างระบอบก็ระเบิด.สงครามเกิดมากมายยากไถ่ถอน
สงครามแย่งชิงทรัพยากร.ให้สะท้อนสะเทือนใจสุดจำนรรจ์
๔.สงครามลัทธิสงครามในกลุ่มชน.แล้วมีผลถึงสงครามอันผกผัน
เป็นสงครามเคียดแค้นในเผ่าพันธุ์.เข้าโรมรันประจันบานต้านกันไป
๕.แล้มลามไปเป็นสงครามระหว่างประเทศ.ขยายเขตเป็นสงครามทวีปได้
สงครามโลกคือสงครามมหาประลัย.ขออย่าให้เกิดใหม่ในโลกเรา
หยุด
๖.หยุด หยุด หยุด ยุติทุกสงคราม.ขอประณามผู้ก่อการอันน่าเศร้า
ขอรวมพลทั่วโลกทุกพงษ์เผ่า.รวมพลังเข้าเป็นทัพใหญ่เพียงหนึ่งทัพ
๗.ผนึกกำลังทุกชาติศาสนา.รวมเข้ามาทุกระบอบทุกระดับ
เพื่อเตรียมพร้อมรอนรานต้านทานทัพ.รบกันกับศัตรูของผู้คน
๘.ตั้งทัพหลวงสู้รบกับเชื้อโรค...ราวีกับความโศกความขัดสน
สู้รบกับความอดอยากความยากจน.ให้เราพ้นขีดขั้นอันตราย
๙.ขอให้เรามีชัยไปด้วยกัน.พร้อมแบ่งปันความสุขสรรค์อันหลากหลาย
เพื่อทุกคนบนโลกอยู่สบาย.มหายุทธสุดเป้าหมายได้กำชัย
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด/ ๑๕ กันยา ๕๓

เริ่มกันใหม่

๑.ระเบิดบ้าระบาด.......น่าอนาถใจนักหนา
คิดไปให้ระอา......อนิจจาบ้านเมืองเรา
๒. เคยอยู่อย่างสงบ.....กลับต้องพบกับความเศร้า
ไฟเคียดไม่บรรเทา.....ไฟแค้นเข้าเร้าโรมรัน
๓. เคยรักสามัคคี.....เป็นน้องพี่สมานฉันท์
รอยร้าวมีรายวัน....พร้อมแตกพลันได้ทันที
๔. มีคนชวนปรองดอง.....มีคนจ้องชวนราวี
มีคนปรารถนาดี.....แต่ยังมีประสงค์ร้าย
๕. โกรธเคืองเรื่องใดหนา.....ใจจึงกล้าคิดมุ่งหมาย
ถึงขั้นเข้าทำลาย.....หวังให้ตายตกไปเลย
๖. ข่มขู่กันรายวัน.....ด่าทอกันอย่างเปิดเผย
การอภัยกลับละเลย.....มักลงเอยด้วยรุนแรง
๗. แบ่งแยกชัดเจนขึ้น.....ยากจักฟื้นความเข้มแข็ง
สังคมคว่ำตะแคง.....ต่างตะแบงไปข้างตน
๘. ขัดแย้งขนาดไหน.....ก็คนไทยกันทุกคน
ปิดทางทรชน.....แล้วชูชนเทิดธรรมไท
๙. ลืมบ้างในบางเรื่อง.....ความขุ่นเคืองจงผลักไส
ลบล้างจากหัวใจ.....เริ่มกันใหม่"ไทยด้วยกัน"
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑๕ กันยา ๕๓

วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

ปลูก ปลูก ปลูก

๐ คิดจะปลูกอย่าพะวงจงปลูกเถิด
สิ่งเลอเลิศล้ำค่ามาแต่ไหน
ช่วยจรรโลงโลกามาแต่ไร
คือต้นไม้มีแต่คุณตลอดมา
๐ คิดจะปลูกอย่ารอใครขอร้อง
ขอจงปลูกและปกป้องจนเป็นป่า
จงใส่ใจทุ่มเททุกเวลา
จงเดินหน้าปลูกไม้ด้วยใจเรา
๐ คิดจะปลูกอย่าลังเลจนเหหัน
โดนเยาะหยันไยไพไม่อับเฉา
ลงมือปลูกด้วยมั่นใจไม่หูเบา
แม้ใครเขาทัดทานจงทำใจ
๐ คิดจะปลูกอย่ารอเพื่อขอฤกษ์
รากที่เบิกดินออกงอกสดใส
ยอดที่ผลิแผ่ซ่านกิ่งก้านใบ
นั่นแหละฤกษ์ยิ่งใหญ่ให้มงคล
๐ คิดจะปลูกอย่ามัวหาดาราศาสตร์
"วนศาสตร์"เท่านั้นหนาอย่าสับสน
มากตำรามากเรื่องอลวน
ดูเป็นคนหวาดหวั่นไม่มั่นใจ
๐ คิดจะปลูกมากน้อยอย่าคอยนับ
ควรกำกับทุกต้นให้โตใหญ่
เป็นต้นไม้ที่อุดมสมบูรณ์ไป
มีกิ่งใบดอกผลให้คนเรา
ศักดิ์เรือง วลี / บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๔ กันยา ๕๓

วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2553

ชั่ว/ดี

(ภาพของโลกในเวลากลางคืน ถ่ายจากอวกาศ ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องที่เขยน)
๐ มองโลกทุกมุมล้วน ดีงาม
โลกจริงอาจมีทราม อยู่บ้าง
อย่างไรไม่เคยหยาม หยันหมิ่น
ดี-ชั่ว ดังโครงสร้าง ช่วยให้สมดุลย์
๐ เราเองก็ใช่ร้าย ไปหมด
ดีก็มีปรากฎ อยู่บ้าง
ความชั่วพยายามลด ละเลิก
เอาดีดั่งธงตั้ง ไต่เต้าตามหา
๐ ดี/ชั่ว เขาขีดเส้น ตรงไหน
ฤาว่สุดแต่ใคร ใคร่กั้น
กำแพงต่ำ สูง ใคร กำหนด
กฎกติกาเหล่านั้น รากเหง้าเราวาง
ศักดิ์เรือง วลี/บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๓ กันยา ๕๓

วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2553

เกกมะเหรกเกเร

เกกมะเหรกเกเร
๑.ตอนเด็ก พ่อฉัน หมั่นเตือน
ก่อนออก จากเรือน ไปไหน
จงอย่า วิ่งเล่น ไปไกล
เถลไถล ในทาง ไม่ดี
๒.อย่าเกกมะเหรกเกเร
อย่าเร่ หาเรื่อง น้องพี่
อย่าเป็น นักเลง ต่อยตี
อย่ามี เรื่องราว ระคาย
๓.พอโต ขึ้นมา กล้าใหญ่
แม่ยัง ห่วงใย ไม่หาย
คอยตัก คอยเตือน ไม่วาย
ด้วยหมาย ไม่ให้ เสื่อมเสีย
๔.อย่าสำมะเลเทเมา
อย่าเข้า วงโบก วงเบี้ย
อย่าริ กินเหล้า เมาเบียร์
ปากเสีย สามหาว เช้าเย็น
๕.อย่าไป เกเรเกตุง
เรื่องยุ่ง เรื่องแย่ อย่าเห็น
อย่าเที่ยว ก่อเรื่อง ลำเค็ญ
ละเว้น เรื่องชั่ว อย่าทำ
๖.ยุคนี้ พ่อแม่ ไปไหน
ทำไม ปล่อยลูก ถลำ
ส่งลูก ไปเรียน ไม่ย้ำ
ไม่มี ถ้อยคำ ห้ามปราม
๗.เห็นไหม นักเรียน เขาเบ่ง
กลายเป็น นักเลง ล้นหลาม
วอนท่าน ทบทวน นิยาม
เดินตาม ปู่ยา ตายาย
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๑ กันยา ๕๓

วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2553

บวก ลบ คูณ หาร

๐ เรียนบวก เพื่อรู้เพิ่ม เพื่อรู้เติม ตวงคุณค่า
เพื่อต่อ ยอดศรัทธา เพื่อรู้หา สุขารมณ์
๐ เรียนลบ เพื่อรู้ลด เพื่อรู้ปลด ความขื่นขม
เพื่อรู้ ตัดตรอมตรม เพื่อรู้ข่ม กิเลสลง
๐ เรียนคูณ เพื่อพูนผล ทวีคน ข่ายมั่นคง
ทวีรัก ให้ดำรง ทวีธง ทวีธรรม์
๐ เรียนหาร เพื่อรู้ให้ สิ่งน้อยใหญ่ รู้จัดสรร
อันใด รู้แบ่งปัน เท่าเทียมทัน ทั้งใกล้ไกล
.......................
๐ บวก ลบ คูณ และหาร หากใช้การ ทางกลับไซร้
คำตอบ เห็นเป็นนัย นำพิษภัย สู่พวกเรา
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑๐ กันยา ๕๓

วันอังคารที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2553

ขอบบุญขอบคุณ

(ภาพจากอินเทอร์เน็ต)
๑.หลบแดดบ่ายใต้ร่ม ก้มหัวลอด
กิ่งไม้กอดเกี่ยวแขนอย่างแน่นหนา
แผ่ร่มบุญยอดใบได้พึ่งพา
พอหลบหน้าหนีร้อนผ่อนเป็นเย็น
๒.ปูเสื่อกกทอดกายก็หายหอบ
สิ่งที่ชอบงามงดปรากฎเห็น
มวลดอกไม้ ภู่ ผึ้ง ซึ่งบำเพ็ญ
คอยเคี่ยวเข็นเคลื่อนขับจับวงจร
๓.สิ่งผูกพันพืชสัตว์ไม่ขัดแย้ง
ต่างแสดงต่อไปไม่ยอกย้อน
ต่างสื่อสารนิยามตามขั้นตอน
ได้สะท้อนสัจธรรมนำสุขใจ
๔.สิ่งตอบแทนคืนคนมากล้นค่า
ให้อาหาร ให้ยา ให้อาศัย
ให้ทิพย์ธาตุ ให้อากาศ ลมหายใจ
ส่วนที่เสีย ซับไว้โลกไร้พิษ
๕.อีกให้น้ำ ความชื้น ให้รื่นรมย์
ยื่นสุขสม สดใส ในใจจิต
ได้โปร่งโล่งลื่นไหลในความคิด
มองถูกผิดชัดเจนเห็นอัตตา
๖.แม้ถึงวันสุดท้าย ยืนตายต้น
ใบไม้หล่นร่วงไปยังให้ค่า
ปรับปรุงดินตอบแทนแผ่นโลกา
ด้วยศรัทธา จึงขอบบุญและขอบคุณ
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๘ กันยา ๕๓

วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2553

ยาสามานย์ประจำบ้าน

๑.เช้าวันหนึ่งทิดสีแกมีไข้
จึงแวะไปร้านค้าของน้าสาว
หาเครื่องดื่มเคยสั่งเป็นครั้งคราว
"เอาเหล้าขาวหนึ่งจอก" แกบอกไป
๒.ดวดรวดเดียวเสียวซ่านเพดานปาก
เหงื่อหน้าผากผุดเม็ดเล็ดรินไหล
อาการสั่นก็พลันหายทันใด
ค่อยครรไลไปนาหาเลี้ยงควาย
๓.ครั้นต่อมาตอนสายก่อน "งายแก่"
ก็เห็นแม่ทองบ่อเมียพ่อสาย
แวะมาซื้อเหล้าเบียร์เสียมากมาย
เพื่อแจกจ่ายเลี้ยงดูผู้ช่วยงาน
๔.แกบอกว่าก่อนกินข้าวเอาสักหน่อย
ถึงอร่อยได้รสชาติของอาหาร
พวกลาบก้อยซอยแซ่ ขมเอาการ
มีเหล้าผ่านลำคอก็แซ่บดี
๕.ในตอนเย็นเดินผ่านร้านกองทุน
คนอุดหนุนเหล้าเบียร์เสียอึงมี่
บ้างแก้เมื่อยแก้ปวดหลังก็ยังมี
สั่งของดี สูตรใครก็สูตรมัน
๖.เป็นวิถีชาวบ้านมานานช้า
งานบุญพากินเหล้าเบียร์เสียสนั่น
ก่อนถึงงานเก็บสตางค์อย่างครบครัน
ไว้ทำทาน แล้วฉลองด้วยของเมา
๗.เหนื่อยก็กิน วินก็แก้ แย่ก็ถอน
ยามทุกข์ร้อนเสียทรัพย์สินก็กินเหล้า
ทั้งถูกหวยรวยไพ่ได้บรรเทา
มีเบียร์เหล้ามาพันผูกทุกเวลา
๘.ดังเป็นยาสามัญประจำหมู่บ้าน
ดูแล้วเห็นเป็นสามานย์เสียมากกว่า
หากจะดวดดื่มอย่างไรก็ไม่ว่า
แต่โปรดอย่าเห็นสุราเป็นสามัญ
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๖ กันยา ๕๓

ไฟบรรลัยกัลป์

๑.เคยได้ฟังเรื่องไฟบรรลัยกัลป์...เคยนึกขันปู่ย่าว่าเหลวไหล
ท่านพูกเพ้อคุยเฟื่องกันเรื่องไร...ย่อมสงสัยด้วยวัยไร้เดียงสา
๒. ครั้นเติบใหญ่พอเข้าใจในความหมาย...พุทธทำนายเล่าขานมานานช้า
ว่าสามไฟรุมเร้าเผาโลกา...ให้โรยราร้อนรนสุดทนทาน
๓. ไฟราคะ โทสะ โมหะ ร่วม...สามไฟรวมรุมเร้าไหม้เผาผลาญ
เป็นไฟกรด น้ำกรด ลมกกรด ราน...สุมเมืองบ้าน ผู้คน จนวอดวาย
๔. เมื่อก่อนนั้นเคยงงสงสัยหนัก...เริ่มประจักษ์เห็นเค้าจะเข้าข่าย
ไฟเผาคน จนครัวเรือนถูกทำลาย...ลุกลามหมายสู่ชุมชนและบ้านเมือง
๕. ลามประเทศ ลามทวีป ลามหมดโลก...ความทุกข์โศกมากลบลบความเฟื่อง
ความตกต่ำบดบังความรุ่งเรือง...หายนะอย่างต่อเนื่อง ตลอดมา
๖. ความวิบัติปั่นป่วนมวลอาเพศ...มีต้นเหตุสามไฟในพื้นหล้า
เริ่มจากคนไม่กี่คนบนโลกา...แล้วต่อมาติดเชื้อไฟไปมากมาย
๗. หากไม่ดับโลกไหม้บรรลัยแน่...หากไม่แก้ดับไฟให้เชื้อหาย
ไฟลุกโชนเผาทุกคนจนละลาย...คือความหมายแห่งไฟบรรลัยกัลป์
..........................
๘. ช่วยด้วย ช่วยด้วย ช่วยฉันที...ไฟโลกีย์เผาไหม้ในตัวฉัน
คงโดนพิษของไฟบรรลัยกัลป์...จะดับมันอย่างไรใครบอกที
(ป.ล.ขอเป็นวิธีง่ายๆ ด้วยภาษาง่ายๆ เถิดนะ..หลวงพี่)
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๕ กันยา ๕๓

สังคมไม่สมค่า

๑. ปัจจุบันประเทศไทย....ผู้สูงวัยในสังคม
มีมากจนเกิดปม....เป็นสังคมคนชรา
๒. เป็นวัยพักการงาน....พึ่งลูกหลานให้เลี้ยงหา
จนกว่าถึงเวลา....อนิจจาอนิจจัง
๓. เป็นภาระและหน้าที่....อันพึงมีอันพึงหวัง
วัยที่มีพลัง....จักประทังทั้งเลี้ยงดู
๔. เป็นความรับผิดชอบ....อยู่ในกรอบต้องกอบกู้
โดยรัฐต้องอุ้มชู....ความเป็นอยู่ สวัสดิการ
๕. ส่วนใดไม่สำคัญ....เท่าเทียมทันพวกลูกหลาน
วัยเรียน วัยทำงาน....ต้องสืบสานบรรพชน
๖. เรื่องนี้น่าห่วงใย....หนุ่มสาวไทยใจสับสน
เหตุการณ์น่ากังวล....เยาวชนยุคเสเพล
๗. เสพ-ค้า ยาเสพติด....ทำชีวิตให้หักเห
ก้าวร้าวและเกเร....คิดแต่เร่หาอบาย
๘. จับกลุ่มมั่วสุมเพศ....ติดกิเลสอันหลากหลาย
มีเล่ห์เพทุบาย....อีกเมามายการพนัน
๙. ขาดจิตรับผิดชอบ....ออกนอกกรอบเคยสุขสันต์
ครอบครัวเคยพัวพัน....กลับแปรผันเป็นพังภินท์
๑๐.หันหลังให้วัดวา....หันหน้าสุราริน
ยาบ้าเสพอาจินต์....เฮโรอีนและยาอี
๑๑.ยกพวกเข้าโรมรัน....ทั้งยิงกันทั้งต่อยตี
น่าอายเสียสิ้นดี....เป็นอย่างนี้น่าทบทวน
๑๒.สังคมไม่สมค่า....วอนนำพาช่วยสอบสวน
สังคมไม่สมควร....แก้กระบวนกันอย่างไร

ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๕ กันยา ๕๓


วันพุธที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2553

รำเพย

๐ รำเพยรำไพพ้อง...รำแพน
รำเพยรำพันแผน...ตัดพ้อ
รำเพยรำพึงแทน...เราท่าน
รำเพยลำพองล้อ...ลักษณ์ละม้ายลำโพง
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด/๒ กันยา ๕๓

ดอกพุดมาลัย

๐ พุด ไทยโชยกลิ่นห้อม.....หอมหวน
มาลัย ไม่เรรวน....เรียงร้อย
มาลัย มาลีอวล....อบกลิ่น
พุดมาลัย อ่อนช้อย....กำซาบซึ้งเสมอ
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒ กันยา ๕๓

ดอกพุดเศรษฐีสยาม

พุด ไทยเป็นดอกไม้...หอมทน
เศรษฐี-ยาจก ยล...ชื่นได้
สยาม ทั่วทุกหน...เห็นอยู่
นามมงคลปลูกไว้...ช่วยให้ชูใจ
(นามมงคลปลูกไว้...พอได้มีหวัง)
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด/๒ กันยา ๕๓

สืบ

๐ สืบยศสืบศักดิ์ไว้...ประวัติศาสตร์
สืบทรัพยากรชาติ...ไม่มล้าง
สืบอุดมการองอาจ...เป็นเอก
สืบสานงานสืบสร้าง...ร่วมสู้รักษ์พิสัย
ขอคารวะวิญญาณของ สืบ นาคะเสถียร
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกมไม้ ร้อยเอ็ด /๑ กันยา ๕๓