วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ข้าวลอยของคุณตา

(ข้าวลอย หรือข้าวฟางลอย หรือข้าวขึ้น้ำ หรือข้าวนาเมือง)
๑. ตอนฉัน เป็นเด็ก เล็กอยู่...น้ำท่วม ได้ดู ได้เห็น
ได้ลุย ได้ล่อง ได้เล่น...อยู่เป็นประจำ ทุกปี
๒. เคยช่วย ผู้ใหญ่ มุดน้ำ...เกี่ยวกำ รวงข้าว เร็วรี่
ยื้อแย่ง จากน้ำ ทันที...ก่อนที่ จมน้ำ เน่าไป
๓. ช่วงนั้น พวกปลา มีมาก...หลายหลาก กรายกรู หมู่ใหญ่
ตะเพียนขาว และปลาเรือนไฟ...เลาะไป กินข้าว ในนา
๔. พวกเกี่ยว ก็เกาะ เรือพ่วง...อีกพวก รับช่วง เสาะหา
ตาข่าย ขึงรับ จับปลา...ได้มา มากมาย หลายข้อง
๕. ส่วนที่ ผืนนา คุณตาฉัน...ตรงนั้น เป็นนา ตรงหนอง
ปกติ ก็มีน้ำนอง...คุณตาต้อง ปลูกข้าว ขึ้นน้ำ
๖. น้ำหลาก ข้าวค่อย ลอยเลื่อน...เป็นเหมือน แพเขียว คลาคร่ำ
ออกรวง ชูคอ พ้นน้ำ...ปล้องค้ำ ไม่จม ไม่ตาย
๗. น้ำสูง ไม่ห่วง รวงช้ำ...ลอยน้ำ แตกแขนง ยอดขยาย
ฟ่องฟู ชูรวง กระจาย...น้ำหาย เป็นแพ คลุมดิน
๘. แม้รวง ระเนระนาด...สามารถ เก็บเกี่ยวย ได้สิ้น
ทำให้ พอแก้ พอกิน...พอดิ้น พออยู่ ได้นาน
๙. พวกปลา ก็ทำ ปลาร้า...แลกหา ข้าวเปลือก ต่างบ้าน
ที่เคย ช่วยเหลือเจือจาน..................จึงวาน สืบสาน ข้าวลอย
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑ พฤศจิกา ๕๓

วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2553

แหล่งพลังงานอันวิเศษ

(ภาพจาก Baanmaha.com)

๑. หากเปรียบเปรยคนเป็นเช่นรถยนต์....ทั่วทุกหนไร่นาธัญญาหาร

เปรียบได้เป็นเช่นดังแหล่งพลังงาน....เปรียบได้ปานบ่อน้ำมันอันมากมาย

๒. เหล่าโรงโม่โรงสีที่บดแป้ง....ก็คือแหล่งต้มกลั่นอันมุ่งหมาย

แปรรูปเป็นน้ำมันส่งเรียงราย....พร้อมแจกจ่ายสถานีบริการ

๓. ปั๊มน้ำมันสำหรับคนมีอยู่ทั่ว....ทั้งโรงครัวภัตตาคาร ร้านอาหาร

หิวเมื่อใดรู้ได้โดยสัญชาตญาณ....ว่าต้องการเข้าเติมเพิ่มพลัง

๔. พืชพรรณข้าวให้พลังงานอันวิเศษ....ไร้ขอบเขตสร้างคนมีมนต์ขลัง

ให้คนเรามีความคิดมีกำลัง....สืบเผ่าพันธุ์ให้อยู่ยั้งและยืนยง

๕. ช่วยให้คนสร้างสังคมอุดมค่า....รู้รักษาตัวตนพ้นพิษสง

เสริมกลไกในร่างกายให้มั่นคง....เสริมปัญญาที่ธำรงความเป็นคน

๖. ให้มนุษย์หลุดพ้นแล้วค้นคว้า....นวัตกรรมอันก้าวหน้าอย่างมากล้น

ด้วยพลังงานอยู่ยงอย่างคงทน....ทำให้คนสูงค่ากว่าสัตว์ใด

๗. ควรที่คนร่วมมือสมัครสมาน....ช่วยสืบสาน "วัฒนธรรมข้าว" ไว้ให้ได้

เพื่อเป็นฐานพลังงานอันยิ่งใหญ่....อยู่รับใช้สังคมมนุษย์เรา

ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /




วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สิ่งที่พอเหลืออยู่

๑.ตุลาคม ปี ๕๓ มีน้ำมาก....ก็เนื่องจาก"คุณญ่า"แกมาเยี่ยม
แกแผลงฤทธิ์กว้างไกลไร้ทานเทียม....ดูโหดเหี้ยมดุร้ายไม่เมตตา
๒.สุดเศร้าโศกวิโยคใจให้ขื่นขม....เห็นนาล่มจมน้ำไปต่อหน้า
ข้าวกอดรวงจมหายไปต่อตา....พวกพืชผักที่ปลายนาเน่าเนืองนอง
๓.พริก ผักกาด ต้นหอม โหระพา....ทั้งแตงกวา มะละกอปลูกยกร่อง
ทั้งกระเพรา แมงลักกับฟักทอง....ปลูกมากมายก่ายกองพวกของกิน
๔.พอน้ำมาก็จมหายตายไปหมด....พอน้ำลดต้นเถาเน่าไปสิ้น
ที่พอเหลือ ผักบุ้งนา คลุมเต็มดิน....อีกกระถิน กระโดน ที่โพนนา
๕.อ้าวนั่นไง ผักกะแยงออกดอกสวย....ยังไม่ม้วยยืดยอดอยู่ชายป่า
แม้น้ำท่วมยังรอดเด็ดยอดมา....แล้วหาปลามาต้มแกงใส่แจ่วบอง
๖.ซดเข้าไปไล่ลมปมที่กลุ้ม....ลืมหนี้สินที่เร้ารุมสุมสมอง
หอมระรวยใจชื้นคืนเป็นกอง.....นาน้ำนองเหลือผักบุ้ง ผักกะแยง
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด ๒๙ ตุลา ๕๓ (ขณะนี้๓๖ จังหวัดโดนน้ำท่วมหนัก)

วันอังคารที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2553

คะนึงถึงปี่ซังข้าว

๑.ยามปลายฝนต้นหนาว..กรูกราวลมพัดหน้า
หอมกรุ่นกลิ่นดินหญ้า..พร่างพลิ้วทิวทอง
๒.เนืองนองรวงเบียดใบ..สดใสรวงทับซ้อน
ลมซัดเสียงสะท้อน..ซู่ซึ้งสุขสันต์
๓.ลงมือลงแรงกัน..เกี่ยวพืชพรรณอันแพร้ว
เก็บเกี่ยวกันหมดแล้ว..ไม่ได้เปล่าดาย
๔.ปล่อยควายเล็มตอซัง..ควายยังกินลูกข้าว
ควายอิ่มเอมอะคร้าว..ว่าคุ้มแรงควาย
๕.เดินกรายดึงตอซัง..ตัดยังปลายข้อข้อง
บีบแตกตรงหัวปล้อง..เป่าแล้วเป็นเสียง
๖.ประสานสอดสำเนียง..ถึงเพียงปี่ซังข้าว
แต่ก็หลอมใจน้าว..แนบแน่น ณ นา
...................
๗.ปีนี้อนิจจา..ในนามีแต่น้ำ
ตอซังยิ่งฟกช้ำ..เน่าแล้วไม่เหลือ
๘.พอจุนเจือทำปี่..จึงไม่มีปี่แก้ว
จนต้องทำใจแล้ว..ห่อนร้อนรนใจ
๙.แต่ภัยอันใหญ่หลวง..คนทั้งปวงขาดข้าว
ใจยิ่งสุดรอนร้าว..ร่ำไห้ระงม
๑๐.ควายก็ขมใจขื่น..ค่ำคืนนอนในน้ำ
ไม่มีฟางหอมล้ำ..เคี้ยวเอื้องซังเหม็น
..............
โคลงสามสุภาพ โดย ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๘ ตุลา ๕๓

วันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ร้อนโลก (ตอนที่ ๔ ราไฟ)

๑. ผู้ทำ โลกช้ำเฉา..คือพวกเรานี้ใช่ไหม
ลงมือ และลงไม้..คอยสุมไฟ ใส่เชื้อฟืน
๒. ดังนั้น จึงขอร้อง..เราทั้งผอง ใช่ใครอื่น
ช่วยกัน หาจุดยืน..ช่วยโลกฟื้น ทรมาน
๓. ควรเรา หันหน้ามา..ขันอาสา เข้าประสาน
ช่วยกัน ดำเนินการ..หยุดก่อการ แบบก่อกวน
๔. เริ่มต้น เลิกตัดไม้..รักษาไว้ ป่าสงวน
ปลูกเพิ่ม เติมต่อมวล..พฤกษาล้วน มากมีคุณ
๕. ลดใช้ พลังงาน..หยุดเผาผลาญ ธาตุเสื่อมสูญ
น้ำมัน อันต้นทุน..เสียสมดุล ที่ใต้ดิน
๖. ลดน้อย ปริมาณ..พลังงาน ที่เคยชิน
หันหา แสงระวิน..ไม่มลทิน แถมมากมาย
๗. พลังลม พลังน้ำ..ชีวภาพซ้ำ ย่อยสลาย
พลังคลื่น ซัดหาดทราย..พลังกาย ก็สำคัญ
๘. ไฟฟ้า ประหยัดไว้..ใช้ของใด ให้ยึดมั่น
"ฉลากเขียว" ควรดูกัน..เพราะของนั้น รักษ์โลกเรา
๙. ออกแบบ ของทุ่งอย่าง..ใช้แนวทาง ที่ไม่เขลา
พลังงาน ใช้บรรเทา..แล้วไม่เผา เพิ่มไฟฟืน
๑๐.ช่วยกัน ปลุกกระแส..ผู้นำแพร่ แนวคิดใหม่
เพื่อโลก ยืนยาวไป..ร่วมราไฟ ให้โลกเย็น
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๕ ตุลา ๕๓



วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2553

มหาราช "ที่รักของปวงชน"

๐ กำกุหลาบสีชมพูนั่งอยู่นาน

ก่อนกราบกรานเหนือเกล้าฯเข้าถวาย

ด้วยสำนึกพระมหากรุณาฯอันมากมาย



น้ำใจอันท่วมท้น กับน้ำฝนที่ล้นท่วม

๑.โอ้ว่า นาข้า นาข้าว..เห็นแล้ว ใจร้าว เศร้าหมอง
สะเทือน สะท้อน ย้อนมอง..น้ำนอง ท้องนา ท้าทาย
๒.ทุ่มเท ทำมา กับมือ..นี่หรือ คือฝัน อันหมาย
สวรรค์ ที่หวัง วอดวาย..หดหาย ที่เห็น เป็นเหว
๓.เดินทาง ทนทาน นานช้า..พลาดท่า คว้าลม ล้มเหลว
เคราะห์ร้าย พุ่งพรวด รวดเร็ว..ทั้งเลว ทั้งร้าย รวมกัน
๔.สุดฝืน ยืนสั่น งันงก..วิตก อกไหว ใจหวั่น
วันนี้ วันหน้า นานวัน..กว่าขวัญ กลับคืน ฟื้นใจ
..................................
๕.ท่ามกลาง หว่างทุกข์ กับทน..ผู้คน ล้นหลาม ถามไถ่
ทั้งที่ หนทาง ห่างไกล..ทั้งใกล้ ก็มา ปลอบปลุก
๖.หนุ่มสาว คนเฒ่า คนแก่..เผื่อแผ่ ผ่อนคลาย ความทุกข์
ข้าวของ จัดสรร ปันสุข..แบ่งเบา อยู่ทุก เวลา
๗.ยอมยาก ลำบาก ลำบน..ทุกคน ลัดเลาะ เสาะหา
พวกเขา ยอมเหนื่อย เมื่อยล้า..เพื่อมา มุ่งมั่น บรรเทา
๘.เห็นแล้ว ก่อเกิด กำลัง..มีหวัง หายโศก หายเศร้า
นี่หนอ พี่น้อง ไทยเรา..รุมเข้า ร่วมด้วย ช่วยกัน
๙.โอ้ว่า น้ำใจ ท่วมท้น..สูงกว่า น้ำฝน แล้วนั่น
คนไทย ไม่เคย ทิ้งกัน..ตื้นตัน สุดกลั้น น้ำตา
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒๓ ตุลา ๕๓

วันพฤหัสบดีที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ร้อนโลก (ตอนที่ ๒ เป็นไปแล้ว)

๑.ผลพวงจากภาวะเรือนกระจก..น่าวิตกโลกร้อนไม่ผ่อนหาย
น้ำแข็งที่ขั้วโลกเริ่มละลาย..การเคลื่อนย้ายเปลือกโลกก็รุนแรง
๒.แผ่นน้ำแข็งในพื้นโลกพังถล่ม..อีกล่มจมเลื่อนถอยธารน้ำแข็ง
ฤดูกาลแบบเดิมเริ่มเปลี่ยนแปลง..ความแห้งแล้งพายุ ฝน อลเวง
๓.อุณหภูมิสูงระดับขยับเรื่อย..การเน่าเปื่อยซากพืชสัตว์อัตราเร่ง
ไฟลามป่าฟ้าสลัวน่ากลัวเกรง..ฝนละเลงดินถล่มโคลนตมนอง
๔.น้ำทะเลสูงขึ้นกลืนชายฝั่ง..กระทบยังสัตว์หลายพันธุ์นั้นหม่นหมอง
ย้ายถิ่นฐานขึ้นที่สูงมุ่งครอบครอง..ดินแดนของสัตว์อื่นเห็นดื่นไป
๕.การย้ายที่พืชสัตว์ขัดระบบ..อพยพมั่วสนั่นเกิดหวั่นไหว
ทั้งสับสนทิศทางที่จะไป..มีทั้งไร้ถิ่นที่อย่างหมีขาว
๖.บางพืชพรรณผลิใบได้เร็วขึ้น..ด้วยความร้อนความชื้นไล่ความหนาว
พืชผลิตสารบางอย่างบางครั้งคราว..จึงนำเอาภูมิแพ้แพร่กระจาย
๗.มีหลายแห่งทะเลสาบท่สาบสูญ..น้ำต้นทุนระเหยแห้งเหือดหาย
จุลินทรีย์พันธุ์ใหม่เกิดมากมาย..อันตรายแพร่เข้าสู่ในหมู่คน
๘.สิ่งที่มีชีวิตบางเผ่าพันธุ์..ต้องสูญสิ้นสายพันธุ์อันมีผล
มีบางสายกลายพงศ์ไม่คงทน..จึงสับสนอ่อนไหวในสายพันธุ์
๙.การเปลี่ยนไปในวิถีแห่งชีวิต..ยากพิชิตเกินแก้ความแปรผัน
นาฬิกาชีวภาพปรับไม่ทัน..จึงป่วนปั่นหวั่นไหวในทุกทาง
๑๐.ขอถามว่าน่ากลัวใช่หรือไม่..ฝากเอาไว้ให้คิดสะกิดบ้าง
เป็นไปแล้วอย่านอนใจอย่าปล่อยวาง..จงช่วยสร้างภูมิคุ้มกันแก่โลกา
ศักดิ์เรือง วลี /๒๐ ตุลา ๕๓



ร้อนโลก (ตอนที่ ๑ อุ่นโลกจนร้อน)

๑.ก๊าซเรือนกระจกหุ้ม รอบหาว
โลกอุ่นอบไอราว ห่มผ้า
ตอนแรกโลกหายหนาว ดีอยู่
พอผ่านไปนานช้า เริ่มร้อนสะสม
๒.โลกรับแต่แรงร้อน รังสี
ยากส่งคืนระวี คลายร้อน
บรรยากาศเพิ่มมากมี มวลใหม่
มลพิษส่งทับซ้อน อบอ้าวไอวน
๓.คาร์บอนไดออกไซด์ สังเคราะห์
ไนตรัสออกไซด์เกาะ กำแพงกั้น
มีเทนหมักบ่มเพาะ พอกเพิ่ม
เป็นผืนผ้าหลายชั้น ห่มให้โลกเรา
๔.ทุกมือบนโลกนี้ ร่วมทอ
สานเยื่อถักใย ม- รณะ ขึ้น
ยามใดกันเล่าหนอ จักคลี่
เอาออกพอช่วยฟื้น โลกให้หายใจ
ศักดิ์เรือง วลี /๑๘ ตุลา ๕๓

ขอใจให้ควาย

๑.สัตว์เอ๋ยสัตว์ ในโลกนี้
ล้วนแต่มีความผูกพันกันทุกหน
ทั้งเกี่ยวข้องกับวิถีชีวีคน
หนีไม่พ้นเป็นเพื่อนร่วมโลกไป
๒.สัตว์บางพันธุ์ใกล้ชิดสนิทยิ่ง
ได้พึ่งพิง พึ่งพา อิงอาศัย
ยิ่งสายพันธุ์สัตว์เลี้ยงของชาติไทย
เป็นดังมิตรที่ชิดใกล้เคยใช้งาน
๓.เช่นช้างม้าวัวควาย หลายประเภท
มีคุณค่าพิเศษมหาศาล
สัตว์แสนรู้ที่มีคุณูปการ
รับเหตุการณ์คู่ชาติคู่แผ่นดิน
๔.ลองพินิจให้ชัดสัตว์พันธุ์หนึ่ง
เป็นที่ซึ้งบรรยายไม่จบสิ้น
ถึงบุญคุณที่ฝากไว้ในธรณินทร์
ช่วยเสริมสร้างที่ทำกินอย่างเกลียวกลม
๕.หลายพันปีผ่านมาทำหน้าที่
ให้เรามีที่เพาะปลูกจนสุขสม
ช่วยบุกเบิกนาสวนควรชื่นชม
ดินอุดมสมพืชพรรณพวกธัญญา
๖.สมัยก่อนไม่มีเครืองจักรกล
ผู้ช่วยคนคือควายผู้เชื่องช้า
ลากคราดไถเทียมเกวียนในไร่นา
สร้างสังคมพัฒนามาถูกทาง
๗.ทำให้คนมีกินไม่ขาดแคลน
เสริมแว่นแคว้นมั่นคงในโครงสร้าง
เพิ่มขยายเศรษฐกิจหลายทิศทาง
พร้อมปลูกฝังภูมิปัญญาประชาไทย
๘.ควายกับคนดิ้นรนมาด้วยกัน
ร่วมรังสรรค์ประสบการณ์อันยิ่งใหญ่
กลายเป็นฐานเศรษฐกิจ ประสิทธิ์ชัย
ที่ชาติไทยจักรุ่งเรืองนิรันดร
๙.มาวันนี้มีจักรกลคนลืมเจ้า
จึงวอนเว้าขอใจให้กาสร
อนุรักษ์จุนเจือเอื้ออาทร
นำควายย้อนคืนนาอีกคราเอย
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๒ ตุลา ๕๓

ร้อนโลก (ตอนที่ ๓ เรื่องของเด็กๆ)

๑.มีสองคำควรจำให้ขึ้นใจ..ถึงไม่ใช่คำใหม่เท่าใดนัก
เพราะว่าคนทั่วไปก็รู้จัก..เคยท้วงทักต่อเหตุการณ์มานานช้า
๒.สองคำนี้นำวจีชี้ให้เห็น..ภาษาสเปน "เอลนิโญ่" "ลานิญ่า"
ลานิญ่าหมายถึง "บุตรธิดา"..เอลนิโญ่ แปลว่า "บุตรของพระเจ้า"
๓.การเปลี่ยนแปลงแห่งภูมิอากาศ..นั้นสามารถเปลี่ยนโลกให้โศกเศร้า
การไหลเวียนกระแสน้ำก็ทำเอา..โลกอับเฉาเฉไฉไปไม่หยุด
๔.เอลนิโญ่เกิดจากลมสินค้าอเมริกาใต้..พัดเลียบไปชายฝั่งมหาสมุทร
กระแสน้ำเย็นออสเตรเลียกลับไหลรุด..ขนาศูนย์สูตรย้อนทวนไหลสวนทาง
๕.เกิดแห้งแล้งทางตะวันตกอเมริกาใต้..ทั้งทำให้ออสเตรเลีย-เอเซีย หมาง
มีฝนน้อยแล้งร้อนค่อนระคาง..คนอ้างว้างไร้ฝนจนอาวรณ์
๖.ลานิญ่าเป็นเหตุการณ์ตรงกันข้าม..อุณหภูมิของน้ำลดความร้อน
เขตศูนย์สูตรแปซิฟิกองศาอ่อน..ผลสะท้อนเกิดพายุ เฮอริเคน
๗.ทางตะวันตกเฉียงเหนือแปซิฟิก..เกิดผันพลิกฝนตกไม่มีเว้น
พายุฝนในเอเซียก็เกินเกณฑ์..คงเคยเห็นฝนถล่มจมบ้านเมือง
๘.รายละเอียดปลีกย่อยยังมีมาก..แต่ก็ยากบรรยายได้ทุกเรื่อง
ด้วยภาษาบทกลอนค่อนฝืดเคือง..ใช้สิ้นเปลืองเกรงความหมายจะผันแปร
๙.ที่สำคัญอยากให้ได้ตระหนัก..ว่าโลกรักของเราเศร้าแน่แน่
หากโลกร้อนอ่อนไหวจนอ่อนแอ..ผ้ต้องแก้และป้องกันนั้น "พวกเรา"
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒๒ ตุลา ๕๓

วันจันทร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2553

หนาวในใน

หนาวในใน
๐ แม้หนาวฝน หนาวลม แสนขมขื่น
พอทนฝืน หนาวกาย ได้เสมอ
แม้เรื่องร้าย มากมี ที่ผ่านเจอ
ก็เพียงเพ้อ พร่ำบ่น แล้วทนไป
๐ แต่คราวนี้ หนาวในใน ใจสะท้อน
วิญญาณหลอน ขวัญหล่น ทนไม่ไหว
ที่เมืองร้าง นาล่ม บ้านจมไป
เห็นวิบัติ บรรลัย เต็มนัยน์ตา
๐ ข้าวจะกิน ใช่แต่ห่วง ในช่วงนี้
ช่วงต่อไป เป็นปี ถึงปีหน้า
เงินใช้สอย จะได้ จากใดมา
ให้เหน็บหนาว อุรา น้ำตาคลอ
............
๐ ได้ยินเสียง ร้องออกมา ว่าสู้สู้
ลมหายใจ เรายังอยู่ จงสู้ต่อ
สังคมไทย ไม่ทิ้งกัน มั่นใจพอ
ขออย่าท้อ อย่าอดสู สู้ต่อไป
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑๙ ตุลา ๕๓
ช่วงที่มีน้ำท่วมหนักที่สุดในหลายจังหวัด

วันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ชีวิตกับนิยาย

๐ ชีวิตจริงยิ่งกว่าในนิยาย
ในเรื่องจริงกับนิยายคล้ายกันยิ่ง
มีมากมายที่นิยายเป็นเรื่องจริง
ทั้งนิยายทั้งเรื่องจริงอ้างอิงกัน
๐ โปรดจงใช้วิจารณญาณในการดู
ทั้งเรื่องสู้เรื่องทุกข์เรื่องสุขสันต์
แยกให้ออกบอกให้รู้ดูให้ทัน
ว่าเรื่องจริง-นิยาย นั้นมันช่วงใด
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๖ ตุลา ๕๓

วันพฤหัสบดีที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2553

๑๔ ตุลา

๐ ๑๔ ตุลาโน้น เราสู้เพื่อผู้ใด
๑๔ ตุลานั้น ประชาธิปไตยเราใฝ่หา
๑๔ ตุลานี้ พอมีหวังดังไขว่คว้า
๑๔ ตุลาหน้า ขอเต็มใบได้ไหมเอย
...............
(๑๔ ตุลาหน้า ขอเต็มใบ..ไปนิรันดร์) ๐๐ฯฯ
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑๔ ตุลา ๒๕๕๓

วันพุธที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ด้วยแรงใจ

๑.๖๘ วันใต้บาดาล..เหมืองทรมาน ๓๓ คน
รวมถึงคนหลายคน..ที่ทุกข์ทนกระวนกระวาย
๒.ทุกฝ่ายมีความหวัง..ต่างก็ตั้งใจมุ่งหมาย
ให้ทุกคนพ้นความตาย..เดินเรียงรายจากรูดิน
๓.หายใจได้เต็มที่..มีชีวีเต็มชีวิน
ได้ยลและได้ยิน..คนเคยชินในครอบครัว
๔.เห็นดาวเห็นดวงเดือน..ไม่รางเลือนไม่มืดมัว
หายหวั่นหายหวาดกลัว..ได้ยิ้มหวัวมีเสรี
๕.ในเหมืองเหมือนนรก..ดังหล่นตกอเวจี
หนึ่งวันนานเท่าปี..โอ้ชีวีช่างมืดมน
๖.ด้วยแรงแห่งดวงใจ..ที่รับ-ให้ อย่างเหลือล้น
จากคนที่ข้างบน..บวกใจคนที่ข้างใน
๗.แรงใจให้แก่กัน..จึงรังสรรค์ทางสดใส
ฟ้าจึงเปิดทางให้..ทุกคนได้หลุดพ้นกัน
๘.แล้วถึงวันที่รอ..น้ำตาคลอ อย่างสุขสันต์
คนพรากได้พบกัน..สมใจพลันด้วยแรงใจ
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑๓ ตุลา ๕๓
(บทกวีนี้เขียนขึ้นทันทีที่ได้เห็นภาพการช่วยเหลือคนงานเหมืองทองแดง
ในประเทศชิลี ที่ถล่มตั้งแต่วันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๓ ขึ้นมาได้คนแรกเมื่อเวลา
๑๐.๑๒ น.ของวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๓ โดยใช้แคปซูลฟีนิกซ์ หย่อนลงไปช่วย)

วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2553

แสนยานุภาพ

๑.กองทัพ แผ่นดินไทย..ยังยิ่งใหญ่ เกรียงไกรอยู่
พึงคิด พินิจดู..เราพร้อมสู้ อย่างทะนง
๒.ทัพหน้า ที่หนาแน่น..เต็มแว่นแคว้น ศักย์สูงส่ง
ข้าวไทย ยังอาจอง..เชิดชูธง ธวัชชัย
๓.ถั่วเหลือง มันสำปะหลัง..ข้าวโพดยัง เป็นทัพใหญ่
พืชผัก ผลไม้..หมู เป็ด ไก่ กุ้ง ปู ปลา
๔.น้ำตาล อาหารสำเร็จ..บรรจุเสร็จ แบบก้าวหน้า
สมุนไพร ตำรับยา..พร้อมอาสา เข้าโรมรัน
๕.น้ำมันปาล์ม ยางพารา..อีกเสื้อผ้า พวกแพรพรรณ
เครื่องประดับ ที่รังสรรค์..ผนึกกัน อย่างเจาะจง
๖.ศิลปะ วัฒนธรรม..หัตถกรรม แห่งเผ่าพงศ์
ธรรมชาติ ที่ธำรง..ยังยืนยง เป็นสายใย
๗.ทัพหลัก ควรปกป้อง..อย่าเปิดช่อง ให้ทัพไหน
เข้ามา แทรกภายใน..เราคนไทย ช่วยดูแล
๘.เสริมพล ให้พร้อมสรรพ..บำรุงทัพ เป็นไทยแท้
ชาติเรา จักไม่แพ้..ไม่อ่อนแอ ไม่อาวรณ์
๙.สร้างทรัพย์แสนยานุภาพ..เป็นคมดาบ ด้านทรัพยากร
มั่งคั่ง นิรันดร..ไม่สั่นคลอน ความมั่นคง
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๑ ตุลา ๕๓

วันเสาร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เลือกข้าง

๑.สองกลุ่มคนดิ้นรนคนละทาง..ฝ่ายหนึ่งสร้างอีกฝ่ายซ้ำทำลายสิ้น
มีบางกลุ่มเผาป่าไม้ทำลายดิน..หลายชีวินปลูกป่าขึ้นมาแทน
๒.คนบางกลุ่มปล่อยพิษสงลงแหล่งน้ำ..ฝ่ายตรงข้ามทักท้วงอย่างหวงแหน
มีบางพวกรุกภูเขาให้เปล่าแปน..ทั่วแว่นแคว้นยังมีคนคอยฟื้นฟู
๓.บางกลุ่มคนกระหน่ำทำโลกร้อน..มีคนผ่อนร้อนคลายหายอดสู
มีบางพวกคดโกงกันน่าดู..ยังมีผู้สัตย์ซื่อสุจริตชน
๔.คนบางกลุ่มมั่วสุมยาเสพติด..มีคนคิดต่อต้านด้วยเหตุผล
มีบางพวกเกเรทรชน..ยังมีคนสรรค์สร้างอย่างสัมมา
๕.คนบางกลุ่มสนับสนุนความวุ่นวาย..กลุ่มมุ่งหมายสันติมีมากกว่า
มีบางพวกชอบรุนแรงกำแหงท้า..กลุ่มศรัทธาสันติธรรมยังพอมี
๖.โปรดจงคิดตรึกตรองคนสองฝ่าย..พวกพระเอกกับผู้ร้ายสองค่ายนี้
เลือกข้างใดคิดดูเสียให้ดี..อย่ารอรีร่วมสร้างพลังชน
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑๐ ตุลา ๕๓


เครื่องมือ

๐ ปัจจุบันคนทอดทิ้ง..ศีลธรรม
ป่วยการยกบาปกรรม..มาอ้าง
สวรรค์นรกเป็นเรื่องขำ..เสียนี่
คำสอนกรอกหูข้าง..ออกข้างไม่ขลัง
๐ สถานการณ์อย่างนี้..แนะนำ
บันทึกพฤติกรรม..โดยกล้อง
ควบคุมจริยธรรม..แนวใหม่
แทนศีลธรรมปกป้อง..แก่ผู้สาธุชน
ศักดิ์เรือง วลี /๑๐ ตุลา ๕๓

วันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2553

พักตรากฤติบรรณ

๑.เป็นดัง สังคม พิเศษ..ใช้ญาณ วิเศษ สื่อสาร

กว้างไกล ไปสุด ประมาณ..ทุกย่าน ทุกถิ่น ถึงกัน

๒.ไม่เลือก เชื้อชาติ ภาษา..เข้ามา คับคั่ง สังสันทน์

ทุกเพศ ทุกวัย ไม่กั้น..เพิ่มกัน เป็นมิตร มากมาย

๓.เผื่อแผ่ ความคิด ความอ่าน..ประสบการณ์ มีมาก หลากหลาย

ได้เจอ รู้จัก ทักทาย..ภาพถ่าย เสียงเพลง แบ่งปัน

๔.แลกเปลี่ยน ข่าวสาร สาระ..ธรรมะ ปรัชญา เสกสรร

ไถ่ถาม ทุกข์สุข สัมพันธ์..ขำขัน สะกิด ติดดาว

๕.สนุกสนาน ด้านภาษา..ทั้งวัยชรา หนุ่มสาว

รับรู้ หลากรส เรื่องราว..แพรวพราว เทคโนโลยี

๖.วันวัน รีบหันใบหน้า..เข้าหา หนังสือ แสงสี

จดจ่อ หน้าจอ ดูที..ว่ามี ข้อความ เพื่อนใด

ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๙ ตุลา ๕๓



วันพฤหัสบดีที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ทุ่งรอทวง

๑.ทุ่งเอ๋ยทุ่งรอทวง..เห็นรวงชูคอไหวไหว
ยินเสียงเรียกช่วยไวไว..เห็นใบโผล่พ้นเพียงปลาย
๒.รวงทองนับแสนนับล้าน..น้ำผ่านพลันล่มจมหาย
หัวอกคนทำแทบตาย..วอดวายวิโยคอกตรม
๓.ความหวังพังลงตรงหน้า..ใจล้าสุดฝืนขื่นขม
ต้นทุนกำไรระงม..กอดคอกันจมน้ำตาย
๔.น้ำตาไม่เหลือจะไหล..น้ำใจอยู่ไหนใจหาย
น้ำป่าหลากมาท้าทาย..แทบล้มละลายร้ายเกิน
๕.เห็นภาพเลือนลางกลางน้ำ..เจ้าหนี้ยืนค้ำทำเขิน
แต่ปากร้องมาทวงเงิน..ยับเยินอย่างนี้ยังทวง
๖.ทรุดตัวลงตรงโคลนตม..ดังคมมีดปักหนักหน่วง
ทุ่งเอ๋ย โอ้ทุ่งรอทวง..โบกมือลารวงหมดแรง
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด/ ๘ ตุลา ๕๓

วันพุธที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ไม่เปิดเผย เลยเปิดโปง

(ภาพใบบังบัว)
๑.คนทุกคนในสังคมสมควรรู้..ควรได้ดูของจริงทุกสิ่งสรรค์
ที่อุบัติที่เป็นไปในทุกวัน..ได้ตามทันได้เรียนรู้คู่กันไป
๒.ในระบบของสังคมควรเปิดสู้..ไม่ปิดหูปิดตาให้บอดใบ้
ควรเปิดเผยเรื่องจริงทุกสิ่งไซร้..ไม่ว่าใครทำอะไรที่ไหนกัน
๓.ไม่ว่าร้ายไม่ว่าดีเกิดที่ใด..ไม่เข้าใครออกใครไม่เหหัน
ถ้ามันเป็นความจริงทุกสิ่งนั้น..ไม่ปิดกั้นการรับรู้ของผู้คน
๔.ถ้าเช่นนี้ก็ไม่มีที่ระแวง..ความขัดแย้งลดไปไม่สับสน
เมื่อฟ้าใสใครต่อใครได้ยินยล..ทะลุพ้นมิติใหม่ได้มุมมอง
๕.ถ้าเมื่อใดปิดบังความจริงไว้..เหมือนปิดไฟให้มืดมิดหมดทั้งห้อง
ย่อมมีคนค้นหาไฟมาส่อง..เพื่อได้มองเพื่อผ่อนคลายสบายใจ
๖.หากสังคมมืดมัวไม่เปิดเผย..กระไรเลยจะไม่มีที่สงสัย
ย่อมมีคนแคะคุ้ยจากภายใน..มาตีแผ่ออกไปแบบเปิดโปง
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๗ ตุลา ๕๓

ใดหนอที่หล่อเลี้ยง

๑.ถามข่าว ชาวเมืองใหญ่ เป็นอย่างไร กันบ้างหนอ
ชีวิต มีเพียงพอ หรือไม่พอ กันเพียงใด
๒.ข้าวสาร ที่ส่งมา กุ้งปูปลา เนื้อนมไข่
หมูเห็ด และเป็ดไก่ พอกินใช้ หรือไม่นั่น
๓.พืชผัก ผลไม้ สดจากไร่ ส่งไม่อั้น
จากสวน ส่งเร็วพลัน กลัวไม่ทัน รับประทาน
๔.กะปิ เกลือเม็ดขาว อีกกับข้าว ทั้งคาวหวาน
น้ำปลา ทั้งน้ำตาล ขนส่งผ่าน กันหลายต่อ
๕.พัสตรา พวกผ้าแพร ฝ้ายไหมแท้ บรรจงทอ
ส่งมา ให้ห่มห่อ กรีดกรายป้อ ประชันกัน
๖.กินอิ่ม และนอนอุ่น ขอพวกคุณ โปรดมองหัน
ไปดูผู้ฝ่าฟัน สู้บากบั่น สร้างสรรค์มา
๗.เขาเหนื่อย อยู่กลางทุ่ง อีกเขายุ่ง อยู่กลางป่า
เขายาก อยู่กลางนา ทั้งเขาล้า กลางทะเล
๘.มีเงิน อย่าเพลินใช้ แบ่งปันไป ไม่หันเห
ช่วยเขา คนซวนเซ ที่ทุ่มเท เพื่อพวกคุณ
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๖ ตุลา ๕๓

เสียงบ่นจากต้นไม้


๑.ในตอนนั้นพวกเรานี้แสนดีใจ
ที่เราได้เดินทางอย่างสง่า
เข้าบ้านใหม่สดใสวิไลตา
คนคอยท่าพวกเราเข้าประจำ
๒.เราทุกต้นเตรียมพร้อมทำหน้าที่
ที่พึงมีให้ประเสริฐและเลิศล้ำ
ทั้งความสวยความงามความเป็นธรรม
ทั้งจะนำความสมดุลความสุนทรี
๓.เรากำลังพัดวีสิ่งดีให้
กำลังไล่ความชั่วร้ายให้หลีกหนี
กำลังเรียกความมั่นคงสามัคคี
กำลังมีพลังเสริมเพิ่มศรัทธา
๔.แล้ว..มาถอนออกไปทำไมนี่
หรือว่ามีใครสะกิดใครอิจฉา
หรือว่ามีดวงดาวสั่งเข้ามา
รู้ไหมว่า..พวกเราเศร้าเพียงใด
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๕ ตุลา ๕๓

วันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2553

หนูไม่รู้

๐ ถ้าไม่บอกให้รู้ หนูไม่รู้
ถ้าไม่ชี้ให้ดู หนูไม่เห็น
หนูจึงเป็นอย่างที่จำต้องเป็น
หนูรู้เห็นเพียงเท่าเขาให้ดู
๐ เรื่องของหนูมีคนรู้อยู่สองคน
ว่าตั้งต้นอย่างไร ใครไม่รู้
ปิดตาไว้คนทั่วไปไม่ได้ดู
ปิดใจไว้ไม่อยู่รู้แก่ใจ
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๔ ตุลา ๕๓


สั่งฟ้าลาฝน

๐ สับสนฝนสั่งฟ้า..ลงริน
ฤาว่าฝนลาดิน..สู่ฟ้า
แสงเสียงที่ยลยิน..เลื่อนลั่น
เป็นสัญญาณลมฟ้า..เปลี่ยนหน้าอีกหน
๐ ครืนครืนเสียงสั่งสิ้น..สะเทือนใจ
ฝนมาฝนก็ไป..เวียนซ้ำ
ดินหวังสิ่งใดไหน..อีกนั่น
ฝนที่ฝังฝากน้ำ..ดินได้ดำรง
๐ คนยังฝากฝันไว้..กับฝน
ฝนท่วมจิตใจคน..คลั่งได้
ปีใดไม่มีฝน..คนด่า
ปีที่ฝนดีไซร้..ต่างปลื้มปรีดิ์เปรม
๐ อย่างไรคนเรานี้..ยังรอ
ยังยืนยื่นคำขอ..ฝนฟ้า
ยังหวังจักถักทอ..ฝันต่อ
ยังรอถึงเหนื่อยล้า..ร่ำร้องเรียกฝน
๐ ระหว่างรอขอให้..สัญญา
จักรักดินรักษา..แหล่งน้ำ
รักทะเล ภูผา..รักป่า
รอท่าฝนกลับย้ำ..เพื่อได้สมดุลย์
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๔ ตุลา ๕๓

วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553

แมลงปอ

๑.ตอนฉันยังเขลาเยาว์วัย วิ่งไล่แมลงปอตามป่า
วิ่งเล่นตามไร่ตามนา เริงร่าระรานแมลง
๒.เจ้าปอปีกบางยุ่มย่าม ยิ่งยามแดดยอทอแสง
บินว่อนผาดโผนพลิกแพลง อวดตัวสีแดงสีดำ
๓.สีเหลืองสีเทาน้ำเงิน เพลิดเพลินพลิกหงายพลิกคว่ำ
ร่อนมาร่อนไปร่ายรำ สูงต่ำขึ้นลงเรื่อยเรียง
๔.ยามนั่งตกปลาริมฝั่ง ปอยังกรีดปีกสั่นเสียง
โฉบเฉี่ยวลดเลี้ยวเลียบเคียง บินเฉียงลงฉับจับคัน
๕.คันเบ็ดไม้ไผ่ไหวไหว กระตุกไวไวแล้วนั่น
เจ้าปอยึดไว้ไม่หวั่น จับมั่นยึดแน่นไม่วาง
๖.เมื่อปลาลากสายปลายคัน แล้วพลันลากเหยื่อออกห่าง
เจ้าปอบินวับวนคว้าง ระหว่าฉันง่วนงัดปลา
..............
๗.ฉันกลับถิ่นเก่าอีกครั้ง ไปนั่งตกเบ็ดริมท่า
ไม่มีแมลงปอป้อมา ผ่านหน้าผ่านตาสักตัว
๘.คันเบ็ดก็ไม่ไหวติง สนิทนิ่งเนิ่นนานน่าหวัว
ปลาหายไม่มีแม้ตัว แมลงปอก็กลัวกระไร
๙.คงมีเคมีสังเคราะห์ บ่มเพาะหมักหมมโถมใส่
นิเวศนิวาสเปลี่ยนไป ขับไล่ทั้งปลาทั้งปอ
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒ ตุลา ๕๓

ช่องห่างระหว่างคน

๐ สองภาพวางทับซ้อน ไม่สวย
ภาพหนึ่งเป็นคนรวย เหลือล้น
อีกภาพคนระรวย ไส้กิ่ว
ระยะห่างสองภาพพ้น กว่าเอื้อมมือถึง
๐ มองไกลนึกว่าใกล้ ชิดกัน
เห็นภาพอยู่ทุกวัน ค่ำเช้า
ความจริงมันผกผัน ผิดแผก
รวยสุข-จนจำเศร้า ห่างชั้นเกินกัน
๐ คนรวยซื้อเพชรให้ แมวหมา
คนจนเขี่ยขยะหา ของใช้
นี่อะไรกันนักหนา โลกมนุษย์
ช่วยขยับสองภาพให้ เข้าใกล้กันที
ศักดิ์เรือง วลี/ บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑ ตุลา ๕๓