วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554

เพื่อความเหมาะสม

๐ กระถางไม้ เคยสง่า อยู่หน้าบ้าน

เกิดรำคาญ ยกไป ไว้ด้านหลัง

แล้วนำเอา ต้นใหม่ ออกไปตั้ง

โดยวาดหวัง ชื่นใจ ได้เชยชม

๐ เก้าอี้นั่ง โต๊ะตู้ อยู่ด้านข้าง

ย้ายที่ทาง โดยอ้าง ความเหมาะสม

ไม่คำนึง ถึงฮวงจุ้ย ทางน้ำลม

เหมือนมีปม ไม่สนใจ ใครทัดทาน

๐ ความเหมาะสม บรรทัดฐาน มันอยู่ไหน

วิชาใด ที่เป็นศาสตร์ มาตรฐาน

วอนผู้รู้ คุรุ วิชาการ

ช่วยวิพากษ์ วิจารณ์ ผ่านสื่อที

...๒๒ กันยา ๕๔..

วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2554

กระดานชนวน

...๑...

๐ เห็นกระดาน ชนวน ชวนนึกถึง.....ในช่วงหนึ่ง ที่เลยผ่าน นานนักหนา

ได้เล่าเรียน เขียนอ่าน มานานช้า.....จากกระดาน แผ่นหนา เพียงแผ่นเดียว

๐ ทั้งเขียนเลข ฝึกหัด คัด ก.ไก่.....เว้นช่องไฟ ฝึกฝน จนชาญเชี่ยว

ได้วาดรูป ขีดเขียน คล่องนักเชียว....ดินสอหิน เพียงแท่งเดียว ทำได้ดี

๐ ยามเลิกเรียน ระหว่างจร ยังร่อนเล่น.....ใช้มันเป็น จานบิน ไปเสียนี่

บางคนทำ กรอบพัง ยังโดนตี.....แต่ก็มี ใจผูกพัน กระดานชนวน

...๒...

๐ สมัยนี้ สังคมไทย เปลี่ยนไปมาก.....อุปกรณ์ มีหลายหลาก นับไม่ถ้วน

ทันสมัย ชวนสนุก ทุกกระบวน.....แม้จะลืม กระดานชนวน ไม่ว่ากัน

๐ ใช้แท็บเล็ต ทัชสกรีน ทั้งลาก-กด.....อย่าลืมบท ลืมบาท วาดความฝัน

อย่าลืมคิด ลืมไขว่คว้า หาชีวัน.....อย่าลืมเลือก ลืมสรร แต่ส่วนดี

.........

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๗ กันยา ๕๔

วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554

บาดแผลอันสากรรจ์ของสันติภาพ



(ภาพเหตุการณ์มหาวินาศกรรม ตึกเวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์ เมืองนิวยอร์ค เมื่อ ๑๑ กันยายน ๒๕๔๔)

๑. สันติภาพโลกร่วมสร้าง.....สั่งสม

สันติสุขที่สังคม....ไขว่คว้า

มวลมนุษย์ที่เกลียวกลม....กำลังก่อ

ดาบอสูรดั่งสายฟ้า....ฟาดเปรี้ยงปราศสูญ

๒. อับอายไปทั่วทั้ง....เอกภพ

ฉากรักถูกปิดจบ....ไปแล้ว

ละครโลกเริ่มฉากรบ....รอบใหม่

อีกเนิ่นนานกว่าแพร้ว....เพริศพริ้งฉากฝัน

๓. ผ่านมาจงผ่านพ้น....ผ่านไป

ลบเถิดลบรอยไฟ....พินาศไหม้

ลืมเถิดลืมเภทภัย....พิษเก่า

รวมพลังรักใหม่ได้....อย่าให้ดาวอื่นหยัน ๐ฯฯ

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด ๑๑ กันยา ๕๔

วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2554

กอไผ่กับสายลมที่เปลี่ยนทาง



(ทุกครั้งที่มองเห็นทิวไผ่ลู่ลมก็อดนึกถึงบรรดาข้าราชการในยามที่ฝ่ายบริหารเปลี่ยนขั้ว ทำให้ป่วนปั่นวุ่นวายใจไปตามๆกัน)


ธรรมชาติ ธรรมดา ของป่าไผ่....มันย่อมไหว เอนลำ ตามลมลู่


ทั้งแถวทิว เปลี่ยทิศทาง ต่างฤดู....เพื่อหยัดอยู่ ทำหน้าที่ กันต่อไป


๐ ครั้นสายลม ปั่นป่วน เปลี่ยนทางบ่อย....ไผ่ก็พลอย หมุนคว้าง ทิศทางใหม่


แม้ขุ่นเคือง อยู่บ้าง ข้างในใจ....แต่กอไผ่ ทุกกอ ก็พร้อมเบน


๐ ถ้าคิดตัด กอไผ่ ให้ตรองก่อน....อย่าตัดทอน ด้วยโกรธแค้น เพราะเคยเห็น


ว่าก่อนนี้ เคยโยน โอนยอดเอน....เอาปลายเบน ลู่ลง ตรงข้ามตน


๐ อย่าฟาดฟัน ด้วยเหตุผล คนอื่นปลูก....อย่าดูถูก จงมองค่า หาเหตุผล


อย่าใช้แรงอำนาจลม อันมากล้น....สร้างรอยหม่น หมองไหม้ แก่ไผ่เลย ๐ฯฯ


....๔ กันยา ๕๔...


วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554

วอนวิญญาณ สืบ นาคะเสถียร

๐ "สืบ" พลีชีพเพื่อให้....สังคมเห็น

สืบป่าสืบประเด็น....เดินหน้า

สืบสงวนส่วนบำเพ็ญ....พิทักษ์ป่า

วิญญาณ "สืบ"ผู้กล้า....ช่วยด้วยป่าหายน์*

*หายน์ หมายถึงหายนะ

......

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑ กันยา ๕๔

วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2554

คนกับข้าว

(ภาพเขียนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ บนผนังถ้ำผาหมอนน้อย อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี

แสดงให้เห็นถึงการรู้จักปลูกข้าวและใช้แรงงานควายในสมัยโบราณ ราว ๕,๐๐๐ ปีมาแล้ว

พันธุ์ข้าวที่ปลูกในสมัยแรกๆจะเป็นข้าวเหนียว ซึ่งชนิดเมล็ดใหญ่จะงอกงามดีในที่สูง

ส่วนชนิดเมล็ดป้อมจะงอกงามดีในที่ลุ่ม ..ภาพและข้อมูลจาก sujitwongthes.com)

๑. พ่อแม่สอน ให้รู้บุญ รู้คุณข้าว....กว่าจะเป็น เมล็ดขาว พราวสลอน

ผ่านกรรมวิธี มากมาย หลายขั้นตอน....ผ่านเย็นร้อน น้ำฝน ปนแดดลม

๒. ทั้งแรงคน แรงวัวควาย ช่วยคราดไถ....ทั้งแรงใจ แรงหวัง ทั้งหวานขม

ทั้งดีร้าย สุขทุกข์ ทั้งลุกล้ม....มันเป็นปม เป็นไป ในท้องนา

๓. คนทำนา บ่าด้าน มือกร้านดำ....ใบหน้าคล้ำ หลังโค้ง โก่งแขนขา

แววตาหม่น คิ้วขมวด ปวดนัยน์ตา....ใส่เสื้อผ้า ขาดวิ่น กลิ่นเหงื่อไคล

๔. ก่อนได้ข้าว สักเกวียน เวียนหัวบ่อย....ช่วงน้ำน้อย คอยฝน จนร่ำไห้

ช่วงน้ำหลาก ภาวนา อย่าพบภัย....ขออย่าให้ ข้าวเน่า น้ำเนานาน

๕. เรื่องของข้าว มิใช่แค่ แก้หิวโหย....หอมข้าวโชย กลิ่นไอ คล้ายไขขาน

บอกเรื่องราว ลึกล้ำ คล้ายตำนาน....เหมือนข้าวมี วิญญาณ ในบุญญา

๖. วอนกินข้าว หมดจด เมื่อคดข้าว....วอนมองข้าว อย่างเชิดชู รู้คุณค่า

วอนให้เกียรติ อุ้มชู ผู้ทำนา....วอนรักษา วัฒนธรรม ทำนาไทย ๐ฯฯ

................

บ้านแมกไม้ หมู่บ้านทุ่งนาหลวง ร้อยเอ็ด /๒๘ สิงหา ๕๔



วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2554

E.POP (กรุณาอย่าอ่านว่า "อีปอบ")

(การแสดงหมอลำของภาคอีสาน มีหลากหลายรูปแบบ คำร้องก็ดี ทำนองก็ดีรวมไปถึงท่าฟ้อนรำ มีความงดงาม

มีความไพเราะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น และยังมีความเป็นสากลคือความสนุกสนานเร้าใจ ถ้ามีการปลุกกระแส

และส่งเสริมให้แพร่หลาย ก็สามารถทำให้เป็นที่นิยมไปในระดับสากลได้ ในต่างประเทศเขายังสร้างกระแสให้วันรุ่นไทย

คลั่งไคล้ได้ อย่างเช่น J.POP ของญี่ปุ่น และ K.POP ของเกาหลี ของเราอาจจะเรียกเป็น E.POPหรือ อีสานป๊อปก็ได้)

๐ ต่างชาติยังเร่งเร้า....ปลุกกระแส

เราไม่คิดดูแล....ต่อต้าน

วัฒนธรรมโดนรังแก....ลามไล่

ไม่นานทั้งเมืองบ้าน....ล่มร้างสมบัติศิลป์

๐ ศิลปะทุกภาคล้วน....ตระการ

คนรุ่นหลังควรสาน....สืบไว้

หลายอย่างมีมาตรฐาน....ระดับโลก

เป็นศิลป์สากลได้....เร่งฟื้นส่งเสริม ๐ฯฯ

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๗ สิงหา ๕๔

พออิ่ม

(สาเก หรือ bread fruit อุดทด้วยคาร์โบไฮเดรท แคลเชียม ไวตามินเอและบี นิยมนำมาเชื่อม แต่ที่บ้าน

เป็นครอบครัวคนอีสานจึงนำมาทำซุบเหมือนซุบหมากมี่ แซ่บดีเหมือนกัน)

๐ เก็บพืชผัก แกงผัด จัดกับข้าว...ของหวานคาว กินใช้จากในสวน

ทั้งสดใหม่ ปลอดภัย ทุกกระบวน...ไม่รบกวน งบประมาณ มากเกินไป

๐ ย้ำกับคน อยู่ข้าง อย่างเข้มงวด...อย่กินอวด กินพออิ่ม ชิมพอไหว

กินพออยู่ อยู่พอยัง ยั้งยาวไกล...อย่าเอาไป เปรียบเปรย ที่เคยมา

๐ ในยุคนี้ อย่าเอาดี ที่เอาหน้า...เอาชีวา ไว้ก่อน จะดีกว่า

ใครเลิศหรู รวยเด่น เป็นอัตตา...ต่างแบบแผน แห่งชีวา ไม่ว่ากัน ๐ฯ

......บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒๖ สิงหา ๕๔

วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เรื่องที่น่าอับอาย

(ภาพจาก my.opera.com ขออนุญาตตั้งชื่อว่า The Parliament theatre)

....๑. หุ่น.....

๐ ไหนใครว่า หมดสมัย ละครหุ่น....ใครว่าหุ่น จะห่างหาย ไม่ได้เห็น

ไหนใครว่า คนรุ่นใหม่ เชิดไม่เป็น....เท่าที่เห็น หุ่นการเมือง เฟื่องฟูเกิน


...๒. กลับคำ...

๐ คำพูดเคยเอ่ยเอื้อน....วาจา

จักไม่รับสถาปนา....แต่งตั้ง

อันตำแหน่งเสนา-....บดี ใดอีก

กลับเปลี่ยนใจอีกครั้ง....อย่างนี้อดสู


....๓. หยาบ....

๐ ฟังวาจา สามหาว ราวยุคหิน....ทั้งก้าวร้าว ดูหมิ่น กันซึ่งหน้า

ทั้งหยาบคาย ราวไม่ใช่ ในสภา....อนิจจา ผู้ทรงเกียรติ น่าเกลียดจัง


....๔. เอียง....

๐ อันตราชู เคยมั่นคง และตรงเที่ยง....ดูดูไป ชักเริ่มเหวี่ยง เอียงและไหว

มีใครตั้ง ตาชั่ง ไว้อย่างไร....จึงทำให้ เกิดปม เสียสมดุล

..............บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๕ สิงหา ๕๔......



วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ทุกคนก่อ ทุกคนแก้

(ภาพจาก imagesofglobalworming.org)

๑. พวกเรา ทุกคน บนโลกา...บีฑา ก่อกรรม ทำลาย

เป็นผู้ เบียดบัง ทำร้าย...สร้างความ เสียหาย ให้โลก

๒. ดังเรา กลุ้มรุม สุมฟืน...หยิบยื่น ความเศร้า ความโศก

ปฐพี สั่นไหว วิปโยค...เป็นโรค ร้อนไฟ ไหม้ลาม

๓. เพียงใช้ เพียงกิน สิ้นเปลือง...ใช้เครื่อง เปรอปรน ล้นหลาม

กินทิ้ง กินขว้าง มูมมาม...มองข้าม สมดุล พอดี

๔. น้ำมัน ไฟฟ้า ประปา...เสื้อผ้า พลิกแพลง แสงสี

โทรศัพท์ ตู้เย็น ทีวี...เปิดปิด ไม่มี ประมาณ

๕. วัสดุ กระดาษ พลาสติก...น้พริก น้ำจิ้ม น้ำหวาน

น้ำปลา ซอส เกลือ น้ำตาล...ใช้เกิน ปริมาณ จำเป็น

๖. เรื่องเล็ก เรื่องน้อย เหล่านี้...มันมีที่มา เราไม่เห็น

ทุกตอน ทำโลกร้อน ลำเค็ญ...ลำบาก ยากเย็น คือเรา

๗. ทุกคน ร่วมด้วย ช่วยได้...เพียงลด การใช้ การเผา

ปลูกต้นไม้ ป้องกัน บรรเทา....โลกเรา อยู่ได้ ไปนาน ๐ฯฯ

...............

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๔ สิงหา ๕๔

วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2554

บทเพลง "วงจรความจน"

(บทเพลงต่อไปนี้ประพันธ์ขึ้นเพื่อใช้ร้องเองและฟังเอง ซึ่งการร้องแต่ละครั้งทำนองก็จะเปลี่ยนไป)

๑. หน้านาปีนี้ ต้นปีมีน้ำ...ชุ่มฉ่ำแช่มชื่น คืนวันสดใส

พืชพรรณธัญญา ปูปลาเต็มไป...ทั้งในท้องไร่ ทั้งในท้องนา

๒. ภาพหวังเริ่มวาด ผุดผาดวาวแวว...พร่างพรายพราวแพรว แพร้วเพริศเจิดจ้า

ทุ่งข้าวเป็นทิว ดังทองทาบทา...โซ่ตรวนเงินตรา คงราหลุดไป

๓. โอ้ฝน..ฝนจ๋า มามากไปแล้ว...รวงทองรวงแก้ว จมน้ำไหวไหว

ความหวังพังภินท์ โบยบินทันใด...น้ำตารินไหล ในใจมืดมน

๔. เป็นอยู่อย่างนี้ หลายปีนานมา...ชีวิตชีวา ฝากฟ้าฝากฝน

ความหิวรันทด ความอดความจน...มันเวียนมันวน ไม่พ้นวงจร

๐ฯฯ

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๓ สิงหา ๕๔

วันพุธที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2554

นักศึก

(สภาพรถประจำทางคันหนึ่งภายหลังจากเกิดเหตุนักศึกษาสองสถาบันซึ่งเป็นคู่อริยกพวกขึ้นตีกัน

จนบาดเจ็บไปจำนวนมาก และสร้างความหวาดกลัวให้แก่ประชาชนทั่วไป ..มักจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเป็นประจำ)

๑. พวกเธอเป็น "นักศึก" ฤา "ศึกษา"...ดูเก่งกล้าท้าทายทำหุนหัน

เห็นพวกเธอราวีทุกวี่วัน...เพียงแต่ต่างสถาบันเป็นฟันแทง

๒. เธออ้างว่าเพื่อศักดิ์ศรีของพี่น้อง...เพื่อรักษาความปรองดองใช่กำแหง

ใครพวกไหนรุกล้ำต้องสำแดง...ทำรุนแรงให้เห็น"ใครเป็นใคร"

๓. นักศึกเอย เก็บความกล้าไว้ท้าสู้...พวกศัตรูหม่อมิตรคิดผลักไส

ผู้รุกรานแผ่นดินถิ่นของไทย...เก็บความแกร่งพวกเจ้าไว้ใช้ต้านทาน

๔. ถ้าคิดว่าเพื่อรักษาสถาบัน...ให้คิดกันหันมารักสมัครสมาน

"ประเทศไทย" และ "คนไทย"ทั่วสาธารณ์...เป็นสถาบันอันหนึ่งเดียวกับพวกเธอ

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑๘ สิงหา ๕๔

ให้ทำอย่างที่เคย

๑. พวกลูกหลานที่เลี้ยงดูพวกผู้เฒ่า...อย่ารบเร้าเปลี่ยนวิถีชีวีท่าน

ขอให้เป็นขอให้ทำตามต้องการ...เคยทำงาน อยากทำไรให้ท่านทำ

๒. เคยทำไร่ทำนาจนชาชิน...เคยหากินเข้าป่าพงหรือลงน้ำ

เคยเลี้ยงวัวเลี้ยงควายอยู่ประจำ...อย่าห้ามปรามให้ท่านทำอย่างที่เคย

๓. เคยตีกอล์ฟเต้นรำ ทำกับข้าว...เคยตื่นเช้ากวาดบ้านไม่อยู่เฉย

เคยซักผ้าล้างชามอย่าห้ามเลย...ท่านได้ทำสิ่งคุ้นเคย คงสุขใจ

๔. ถ้ากะเกณฑ์ ห้ามทำจะนำทุกข์...ถ้าปั่นปลุกเปลี่ยนแปรแก้วิสัย

ความเป็นสุขตามปกติจะหายไป...อายุขัยของท่านจะสั้นลง

๕. ปล่อยให้เป็นตามที่ท่านอยากเป็น...อย่าเคี่ยวเข็ญเดี๋ยวชีวิตเกิดพิษสง

สารความสุขของท่านถูกบั่นลง...เดี๋ยวก็คงส่งนอนไข้ "ไอ.ซี.ยู."๐ฯฯ


บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๔ สิงหา ๕๔

วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2554

จมในจน

๑. ชาวนา ตั้งตารอ...ไหว้วอนขอ น้ำหล่อเลี้ยง

ยินฝน หล่นมาเพียง...ได้ยินเสียง เทพประทาน

๒. ต้นข้าว งามพราวพร่าง...แผ่กอกว้าง กางประสาน

รวชู ดูตระการ...อีกไม่นาน ละลานตา

๓. อนิจจา น้ำมามาก...หลั่งไหลหลาก ลงท่วมบ่า

รวงทอง ที่รอท่า...เป็นน้ำตา ที่ตรอมตรม

๔. ความหวัง ที่เคยวาด...กลับเป็นทาส ระทมขม

คนนา ร้องระงม...มองข้าวจม จนลับตา

(คนนา บ้าระบม...จำต้องจม ในความจน)

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑๑ สิงหา ๕๔



วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2554

โซมาเลีย ยังรอ

๑. เศรษฐี ผู้ดี มีเงิน....เพลิดเพลิน ประชัน ขันแข่ง

ประมูล เพชรทอง ของแพง....ยื้อแย่ง ของชอบ ครอบครอง

๒. ราคา นับร้อย พันล้าน....หน้าบาน ได้เป็นเจ้าของ

ใช้เงิน มากมาย ก่ายกอง....สนอง ตัณหา กอบโกย

๓. ขณะที่ มีคน จนยาก....อดอยาก ตัวปลิว หิวโหย

ไส้แห้ง แสนโหด โอดโอย....สังขาร ร่วงโรย รอตาย

๔. โอ้หนอ มนุษย์ ร่วมภพ....ส่วนหนึ่ง ดังศพ ใจหาย

อีกส่วน ดังเทพ แปลงกาย...ต่างกัน มากมาย นะคน

๕. สวมเพชร ประกาย ฉายแสง....สำแดง น้ำใจ สักหน

เมตตา แบ่งปัน คนจน...บรรเทา ความทุรน คนโซ...โซมาเลีย

...............

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๔ สิงหา ๕๔

ปรัศนีในผืนป่า

(ยังอาลัยฝูงนกกล้าแห่งแก่งกระจาน)

๐ เจ้าบินวน บนป่าพนาเวศ

เพื่อพิทักษ์ขอบเขต พนาสัณฑ์

เพื่อปกปัก รักษา พนาวัน

เพื่อคุ้มครอง ป้องกัน พนันดร

๐ เป็นด้วยฟ้า อากาศ เกิดวิปริต

ฤาบินผิด พิกัด วิบัติหลอน

ฤาวิกฤติ แกล้งวิกล บนทางจร

จึงล้าอ่อน หมุนคว้าง ลงกลางไพร

๐ มีใครยิง หรือเปล่า เจ้านกน้อย

ปีกจึงห้อย แรงสิ้น บินไม่ไหว

ฤาว่าเกิด อาเพศ ด้วยเหตุใด

รุกขเทพ โปรดจงไข คำตอบที ๐ฯฯ

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๓ สิงหา ๕๔

วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ทวงคืนผืนป่า

๑. ขอชมเชย ปฏิบัติการ อันหาญกล้า

เพื่อทวงคืน ผืนป่า อันไพศาล

ที่ถูกคน ยึดครอง ตามต้องการ

ทั้งรุกราน ทำลาย ทรัพยากร

๒. หากปล่อยปละ ละเลย เฉยต่อไป

คงวอดวาย บรรลัย ไม่หยุดหย่อน

พวกตะกละ รุมกินป่า ไม่อาทร

ผืนดินไทย จักร้าวร้อน ดังไฟลน

๓. ขอให้ทำ อย่างเด็ดขาด ประกาศกร้าว

มันถึงคราว เอาคืน ทุกแห่งหน

เป็นความหวัง เป็นศรัทธา ประชาชน

รอได้ยล ภาพผืนป่า กลับมาคืน

๔. การผ่าตัด ย่อมเจ็บ จนเย็บแผล

อย่ายอมแพ้ แม้คนพาล ต้านขัดขืน

ดำเนินการ อย่างมั่นใจ ในจุดยืน

ต้องทวงคืน ผืนป่า อย่าเกรงกลัว ๐ฯฯ

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒ สิงหา ๕๔

วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

แด่...ผู้หญิง



(วันที่ ๑ สิงหาคม เป็นวันสตรีไทย ใช้ดอกกล้วยไม้แคทลียา "ควีนสิริกิติ์ " เป็นสัญลักษณ์ ส่วนวันสตรีสากล

องค์การสหประชาชาติกำหนดเอาวันที่ ๘ มีนาคม )

๑. พวกผู้ชาย ทุกคน บนโลกนี้

ต่างก็มีพัฒนาการ ผ่านหลายขั้น

ตั้งแต่แรกสนธิ ที่ในครรภ์

เจริญวัน เจริญคืน เจริญวัย

๒. จากสายเลือด สายใจ ใยชีวิต

หญิงคนหนึ่ง คอยอุทิศ อิทธิให้

คอยฟูมฟัก รักยิ่ง อย่างจริงใจ

จนถึงวัน ถึงวัย ได้คลอดมา

๓. เปล่งเสียงร้อง เท่านั้น ที่ทำได้

แล้วนอกนั้น เป็นใคร คอยห่วงหา

ถ้ามิใช่ หญิงซื่อ ชื่อมารดา

จักเติบกล้า มาเป็นชาย ได้อย่างไร

๔. หญิงเพศแม่ ทุกชาย พึงศรัทธา

ให้ความรัก เมตตา สม่ำเสมอ

ขอให้เกียรติ ให้สิทธิ์ เสรีเธอ

อย่าได้เผลอ ทำร้าย ทั้งกายใจ ๐ฯฯ

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑ สิงหา ๕๔

วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เวลาที่รอ

(ภาพจาก heidiandluca.com)

๐ ได้เวลา ดีดี ที่รอคอย

เจ้านกน้อย เอียงคอ รอไยเล่า

รีบเข้ามา บรรเลง บทเพลงเก่า

ที่พวกเรา เคยฟัง มาตั้งนาน

๐ ช่วงเวลา อันสงบ พบได้ยาก

รอนานมาก กว่าว่างเว้น เป็นแก่นสาร

ปราศจาก เสียงกึกก้อง ไม่ต้องการ

ซึ่งระราน รบกวน ชวนระอา

๐ ถึงเวลา หายใจ ได้เต็มปอด

ถึงเวลา ได้โอบกอด ยอดพฤกษา

ถึงเวลา สดับพิณ แห่งดินฟ้า

ถึงเวลา ได้จด บทกวี ๐ฯฯ

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๓๑ กรกฎา ๕๔

วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

กิน กิน กิน

๑. คนบางกลุ่ม มีค่านิยม น่าสมเพช
เกิดกิเลส กับอาหาร ไม่รู้สิ้น

เขาบอกว่า ถ้าอยากกิน ต้องกิน...กิน

ยามแดดิ้น ไม่ได้กิน ตามต้องการ

๒. ครั้นนานเข้า กลุ่มนี้ ในที่สุด

ไม่อาจหยุด พฤติกรรม อันฟุ้งซ่าน

มีความอยาก ความหิว เกินประมาณ

ไม่ช้านาน สะสมภัย ในร่างกาย

๓. ตอนซื้อกิน ต้องจ่าย ใช้เงินมาก

ยิ่งลำบาก ตอนอ้วน มวลขยาย

ต้องเข้าคอร์ส รีดไขมัน อันตราย

ใช้เงินอีก มากมาย คลายส่วนเกิน

๔. ถ้าหากกิน พอดี ที่จำเป็น

ไม่ลำเค็ญ ร่างสันทัด ไม่ขัดเขิน

สบายตัว สบายทรัพย์ เสียเหลือเกิน

ใครที่เพลิน ปากท้อง ลองคิดดู


บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๓๐ กรกฎา ๕๔


วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ภาษาของเรา

๐ ภูมิใจเถิดที่ใช้....ภาษา

เป็นสิ่งแสดงอัตตา....ค่าล้น

จารึกหลักศิลา....แรกเริ่ม

กำเนิดอักษรแต่ต้น....ไทยต้องเตือนใจ

๐ คำไทยไพเราะซึ้ง....สำเนียง

สูงต่ำระดับเสียง....สอดคล้อง

จำนรรจาเสนาะเพียง....พิณพาทย์

เสริมส่งแลปกป้อง....ไม่ให้เสื่อมสลาย

๐ โคลงฉันท์เพลงร่ายด้น....กาพย์กลอน

แบบบทโบราณสอน....สื่อไว้

สมบัติพึงสังวร....วรรณศัพท์

จรรโลงสืบต่อให้....คู่บ้านเมืองนิรันดร์ ๐ฯฯ

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๔ /วันภาษาไทยแห่งชาติ

(เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๐๕ เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินทรงร่วมอภิปรายเรื่อง "ปัญหาการใช้คำไทย"ที่ห้องประชุมคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)



วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ปัญหาของปัญหา

๑. การกินอยู่ มีปัญหา สารพัด...ทั้งการจัด ปัจจัย ให้เหมาะสม

ทั้งการใช้ วิธีการ ผ่านหลายปม...เพื่อสนอง รสนิยม ตามต้องการ

๒. เพียรสรรหา ของกิน ดิ้นรนสู้...เพื่อชีวิต ความเป็นอยู่ ดูวิ่งพล่าน

หาก็ยาก ค่าก็แพง แย่งลนลาน...เหนื่อยอยู่นาน จึงมีกิน มีใช้กัน

๓. ครั้นกินมาก ยากท้อง ต้องหาหมอ...เพื่อไปขอ ยาพิชิต สิ่งปิดกั้น

คอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ พวกไขมัน...ที่อุดตัน รูท่อ พอรอดตาย

๔. ส่วนการอยู่ ก็ดูเพลิน เกินจำเป็น...ทิ้งกากเดน เหม็นเน่า น่าเบื่อหน่าย

ใช้สิ่งของ แบบชุ่ยชุ่ย สุรุ่ยสุร่าย...จนขยะ จะขยาย ไปท่วมคน

๕. ถ้าคนเรา ใช้น้อย และกินน้อย...ไม่ต้องคอย แก้ไข ที่ปลายผล

กินพอดี ไม่หนักใจ ไร้กังวล...ใช้พอตน ห่างปัญหา พาสุขเอย ๐ฯฯ

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๘ กรกฎา ๕๔

วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

แม้ต่างยุคกัน

(ภาพจาก dinodirect.cm)

๑. ภาพวัยเด็ก ของฉัน นั้นสดใส...ง่วนอยู่ใน ท้องทุ่ง อย่างมุ่งมั่น

ใฝ่สอดรู้ เรื่องราว สารพัน...แต่ละวัน สาละวน บนท้องนา

๒. ในยามเล่น ไม่ห่างไกล หนอง นา ห้วย...ม้าก้านกล้วย ควบส่ง ข้ามพงหญ้า

ขี่หลังควาย เดินเล่น เย็นอุรา...แล้วลงท่า ตีกลองน้ำ ในลำชี

๓. ปั้นดินเหนียว เทียวเปลี่ยน แปลงรูปบ่อย...ตัดต้นข่อย ทำลูกข่าง อย่างพวกพี่

ในยามบ่าย เตรียมเหยื่อไว้ ให้พอดี...ลงเบ็ดไว้ เพื่อพรุ่งนี้ มีปลากิน

๔. ในรุ่นลูก การละเล่น เห็นแตกต่าง...ตุ๊กตา ของเล่นสร้าง อย่างมีศิลป์

การ์ตูนดัง หนังสือสวย เพลงรวยริน...มีศิลปิน ในดวงใจตั้งหลายคน

๕. ในรุ่นหลาน ทันสมัย เครื่องไฟฟ้า...มีมือถือ พกพา ไปทุกหน

คอมพิวเตอร์ ไว้เล่นเกม ดูชอบกล...แต่ละคน พูดภาษา ที่น่าห่วง

.........................

๖. ถึงแตกต่าง อย่างไร ในพื้นฐาน...แต่ความรัก ต่อเมืองบ้าน นั้นทุกช่วง

คงมากพอ สืบสาน งานทั้งปวง...ให้โชติช่วง ก้าวหน้า สถาพร ๐ฯฯ

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๖ กรกฎา ๕๔

หยุดไว้ก่อน

๑. หยุดไว้ก่อน ความขัดใจ คนในชาติ

ยั้งไว้ก่อน ความอาฆาต และมาดร้าย

เก็บไว้ก่อน แผนซับซ้อน บ่อนทำลาย

เพลาไว้ก่อน ความมุ่งหมาย ท้าทายชน

๒. ชาติของเรา บอบช้ำหนัก ขนาดนี้

อย่าให้มี ทุกข์โถม โหมอีกหน

ที่ผ่านมา ชาติย่ำแย่ แทบยับย่น

ประชาชน ไม่เยียวยา หาพึ่งใคร

๓. ความขัดแย้ง ทางความคิด พ่นพิษหนัก

ชาติเสียศักดิ์ เสื่อมศรี กว่าทีไหน

ธรรมชาติแปรผัน มหันตภัย

จนสังคม ป่วยไข้ ไปเป็นปี

๔. เศรษฐกิจ นิ่งแน่ แพ้คู่แข่ง

ความขัดแย้ง เรื่องดินแดน แสนบัดสี

ความสูญเสีย บุคลากร ที่เก่งดี

ตรองดูที หยุดทะเลาะ ได้หรือยัง

๕. ได้โปรดเถิด หันหน้า หากันเถิด

รักกันเถิด ช่วยกันเถิด เกิดมนต์ขลัง

ร่วมมือกัน ฟื้นฟูไทย ให้จริงจัง

จะทะเลาะ ใหม่อีกครั้ง ค่อยว่ากัน ๐ฯฯ

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๔ กรกฎา ๕๔

วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ผู้พลีชีพเพื่อผืนป่า

๐ ขอสดุดี ดวงวิญญาณ ทหารกล้า ทั้งช่างภาพ ทีวีห้า ที่ห้าวหาญ


ปฏิบัติงาน ในผืนป่า แก่งกระจาน โดนเหตุการณ์ ไม่คาดฝัน อันมืดดำ


๐ โดยเริ่มต้น ภารกิจหลัก พิทักษ์ป่า แนวชายแดน ไทย/พม่า ที่ค่าล้ำ


เพื่อรักษา ทรัพยากร ก่อนถูกทำ ให้ย่อยยับ โดยอธรรม ที่รุกราน


๐ ช่วง๙วัน คนไทย หัวใจหล่น เราสูญเสีย ๑๗ คน ผู้กล้าหาญ


เฮลิคอปเตอร์ ๓ ลำ ต้องแหลกลาญ เป็นเหตุการณ์ ชวนให้หวั่น และพรั่นพรึง


๐ ขอให้ดวงวิญญาณ ท่านผู้กล้า สถิตใกล้ เทพเทวาหาที่พึ่ง


อยู่ในสรวงสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์ คนอยู่หลัง ยังคำนึง ถึงความดี


๐ พวกเราขอ สืบสาน งานของชาติ พิทักษ์ป่า อย่างสามารถ ให้เต็มที่


ขอต่อสู้ กลุ่มคน ปล้นพงพี เอาชีพพลี เพื่อรักษา ป่าไม้ไทย


บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๔ กรกฎา ๕๔







วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

หมู่บ้านนักเลง

๐ ยังมี หมู่บ้านหนึ่ง เป็นบ้านซึ่ง สุขสงบ

ขัดแย้ง ไม่เคยพบ ความบัดซบ ไม่เคยเห็น

๐ อยู่มา เวลานี้ เกิดกาลี ยุคลำเค็ญ

ชุมชน อันร่มเย็น ดังโดนเวร กรรมเป็นไป

๐ นักเลง เบ่งคับบ้าน คอยระราน พล่านกันใหญ่

นายทุน ผู้เกรียงไกร ซ่องสุมไว้ ใช้คุ้มกัน

๐ ชาวบ้าน ทุกย่านกลัว ต่างซุกหัว ไม่มองหัน

บ้างยอม พร้อมใจกัน เข้าจำนรรจ์ เพื่อจำนน

๐ พวกใดไปลบหลู่ โดนข่มขู่ เข้าหลายหน

หมู่บ้าน อลวน ประชาชน อลเวง

๐ ขอทำนายทายทัก ไม่นานนัก นักเลงเก่ง

จักฆ่าฟัน พวกกันเอง แล้วข่มเหง ผู้เป็นนาย ๐ฯฯ

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒๓ กรกฎา ๕๔



วันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เป็นอย่างนี้ อยู่ร่ำไป

๐ ในครอบครัว ชุมชน ทุกสถาน
ในวงการ กลุ่มคน ทุกชนชั้น
ในองค์กร ศาสนา ทุกสถาบัน
ในชาติพันธุ์ ในสังคม ที่มีคน
๐ มักจะมี ฝ่ายหนึ่ง ซึ่งสร้างสรรค์
อีกฝ่ายนั้น เป็นมุมกลับ ที่สับสน
ฝ่ายหนึ่งมุ่ง ทำดี ด้วยอดทน
อีกฝ่ายสร้าง รอยหมองหม่น ตลอดมา
๐ ดังแสงทอง ทาบทา ยามสายัณห์
ม่านมืดดำ มักรูดพลัน ปิดกั้นฟ้า
รอ..ต้องรอ แสงอรุณ รุ่งทิวา
รอตะวัน ผู้เก่งกล้า กลับมาเรือง ๐ฯฯ

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒๒ กรกฎา ๕๔

วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

อนุโมทนา สาธุ

๐ เห็นชวนกัน งดเหล้า เข้าพรรษา

แล้วยาบ้า ยาอี อยู่ที่ไหน

ยังเสพติด เมามัว มั่วต่อไป

แล้วทำไม ไม่ชวนกัน เลิกมันเลย

๐ พวกหวยหุ้น เลขเบอร์ ยังเพ้อฝัน

การพนัน หลายประเด็น เล่นเปิดเผย

เมื่อไรเลิก ลุ่มหลง ได้ลงเอย

เป็นเมืองธรรม น่าชมเชย อย่างเคยมา

๐ การงดเหล้า เข้าพรรษา เวลาสั้น

อยากเหนือชั้น ต้องงดกัน ออกพรรษา

อยากดีเยี่ยม ควรปลอด ตลอดชีวา

จักศรัทธา สาธุ อนุโมทนา ๐ฯฯ

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑๘ กรกฎา ๕๔

วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ส้วมกินได้

๑. ในยุคแรก เริ่มประกวด อวดหม่บ้าน กระตุ้นการ พัฒนา ถิ่นอาศัย

ให้ปรับปรุง ชุมชน จนวิไล พร้อมกันไป กับพัฒนา อาชีพคน

๒. รวมไปถึง การศึกษา อนามัย ความร่วมมือ ร่วมใจ ให้ได้ผล

จึงประกวด ตั้งแต่ ระดับตำบล เลื่อนไปจน ระดับ ประเทศเลย

๓. เห็นชาวบ้าน เร่งทำรั้ว กันยกใหญ่ ติดป้ายชื่อ เรียงไป อย่างเปิดเผย

ปลูกไม้ดอก ไม้ใบ ไว้ชมเชย พวกพืชผัก ก็งอกเงย เต็มครัวเรือน

๔. มีทีเด็ด อย่างไร เตรียมไว้แน่น เกด็บคะแนน เอาไว้ ได้เชือดเฉือน

หวังพิชิต รางวัลหมาย คล้ายดาวเดือน ไม่แชเชือน ตามแนะนำ กรรมการ

๕. ลุงคนหนึ่ง บอกว่ามี "ส้วมกินได้" เขาพาไป ดูให้เห็น เป็นแก่นสาร

บวบ น้ำเต้า คลุมหลังคา ของอาคาร เป็นสถาน "สุขา" ระย้าไป

๖. เขาบอกว่า ทีผักพืช ยืดเต็มรั้ว ยังพูดมั่ว บอกว่า "รั้วกินได้"

พอมันคลุม ที่ส้วมบ้าง เป็นอย่างไร สมควรไหม เรียกรวม "ส้วมกินได้"


บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๖ กรกฎา ๕๔

วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ที่น่าเสียดายกว่า

๑. เสียดาย รายการดี ทางทีวี ที่ควรดู

ดึกดื่น ชวนชื่นชู เพื่อฟื้นฟู ภูมิปัญญา

๒. อีกโชว์ อลังการ ที่ส่งผ่าน ข้ามม่านฟ้า

ทุกมุม ทั่วโลกา ป้อนเข้ามา ล้วนน่าชม

๓. ไยง่วง ช่วงจบข่าว หาวแล้วหาว ไม่เหมาะสม

เสียดาย แหล่งอุดม ความรู้จม อยู่ในจอ

..................

๔. แต่น่า เสียดายกว่า ถ้าหากว่า ถ่างตาต่อ

สิ่งดี ที่เฝ้ารอ ให้ถักทอ ทั้งราตรี

๕. เหนื่อยหนัก มานักแล้ว ฝันเพริดแพร้ว พริ้วพราวศรี

ล่องลอย อย่างเสรี ไปยังที่ ชวนผ่อนคลาย

๖. บริหาร ด้านสมดุล ซึมซับคุณ ขับโทษหาย

เกียร์ว่าง ของร่างกาย ให้พิษคาย คืนพลัง

๗. หยุดไว้ ทั้งความคิด อีกใจจิต อารมณ์หลัง

เติมไฟ ในภวังค์ ตื่นอีกครั้ง เต็มลมปราณ ๐ฯฯ


บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๕ กรกฎา ๕๔

วันพุธที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

อย่าไปเลย...ต่างดาว

๐ ทำโลกเละเทะแล้ว เตรียมหนี

เปลือกโลกโดนย่ำยี ปล่อยร้าง

โลกบริสุทธิ์เกิดราคี โครก่อ

ไยไม่คิดการสร้าง ซ่อมให้หายเสีย

๐ เสาะแสวงถิ่นใหม่ไว้ อาศัย

ดาวเคราะห์เหมาะดวงใด จับจ้อง

อ่าวอวกาศไหน จองจับ

สำรวจสำเร็จป้อง ปักป้ายหมายปอง

๐ ลูกหลานรุ่นหลังลุ้น ลอยทิพย์

สละโลกล่องลอยลิบ เลื่อนฟ้า

หนีโลกมุ่งกะพริบ ดาวใหม่

ยำโลกจนอ่อนล้า หลบลี้ไปไหน

๐ เลิกคิดและเลิกล้ม ความหวัง

ดีชั่วเราก็ยัง อยู่ได้

เลิกฝันเลิกปลูกฝัง โลกอื่น

ทนอยู่โลกเดิมให้ หันหน้าปรับปรุง ๐ฯฯ


บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑๔ กรกฎา ๕๔

วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

คอยฝนจนใจเหี่ยว

(ภาพจาก oknation.net)
๑. เห็นต้นหญ้า ยอดไม้ และใบข้าว ที่เหี่ยวเฉา พับห้อย คอยน้ำฝน
ไม่แตกต่าง อย่างใด กับใจคน ที่หมองหม่น หมดหวัง นั่งเหม่อลอย
๒. หลายเพลา ล่วงเลย ไม่เคยเห็น เพียงกระเซ็น พรมพร่าง บ้างนิดหน่อย
แล้วลับหาย ห่างไป ปล่อยให้คอย เครียดไม่น้อย ที่หน้านี้ ไม่มีน้ำ
๓. ต้นฤดู มีมาพอ ล่อต้นข้าว ให้งอกพราว เขียวพรู ดูชื่นฉ่ำ
จุดประกาย ความหวัง ยังจดจำ งดงามล้ำ พริ้มลม แลประทัง
๔. แต่แล้วก็ ทิ้งช่วง ไม่ห่วงทุ่ง ทิ้งป้าลุง คนนา มาสิ้นหวัง
ดินระแหง แห้งโหย โบยภวังค์ อ่อนกำลัง แรงใจ ไม่ชื่นกัน
๕. โอ้ชีวิต ฝากฝน บนฟากฟ้า วาสนา น้อยไป หรือไรนั่น
แต่ละปี จับเจ่า เฝ้ารอวัน ได้สุขสันต์ สดใส ในท้องนา
๖. ได้โปรดเถิด ฝนฟ้า มาแลเหลียว คนใจเหี่ยว ข้าวใบเฉา เฝ้าคอยหา
ขอสายฝน หวนเร่ เทลงมา ให้ชุ่มฉ่ำ ชุบชีวา นากับคน
๐ฯฯ
บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑๐ กรกฎา ๕๔
(เขียนบทกลอนนี้ไว้เมื่อวันที่ ๙ กรกฎษ ๕๔ พอตกกลางคืนวันนั้นฝกตกลงมาให้เลย)

วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

คุณค่าที่ควรหวงแหน

๑. ดิน-แดด-อากาศ-น้ำ นั่นหรือ
คุณค่าอันจริงคือ ขาดไม่ได้
มนุษย์มุ่งใดฤา ในโลก
หากขาดสี่สิ่งไร้ อยู่ได้อย่างใด
๒. สังคมยุคก่อนนี้ ทุกสมัย
มุ่งประสงค์ชิงชัย ชนะแท้
รบรุกเพื่อลุใน อำนาจ
หวังแผ่อิทธิพลแม้ ไพร่ม้วยพลมรณ์
๓. อนาคตสงครามนั้น เปลี่ยนปรับ
เป็นศึกชิงขุมทรัพย์ อากาศ-น้ำ
ดินแดนทำกินกับ แสงแดด
รบพุ่งช่วงชิงย้ำ เพื่อได้ไปครอง
๔. ชาติใดมีภูมิเอื้อ ผลิตอาหาร
ดินอุดมไม่กันดาร ชุ่มชื้น
มากมีมวลสสาร สะสมอยู่
แสงแดดส่งถึงพื้น ค่ำล้ำเพชรทอง
๕. พึงถนอมที่เอาไว้ ทำกิน
พึงสงวนชีวสิน สอดคล้อง
พึงคุ้มครองสุดชีวิน ชีวาตม์
พึงหวงแหนปกป้อง ยิ่งด้วยชีวัน ๐ฯฯ
บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๙ กรกฎา ๕๔

วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

มีชัยไปพร้อมกัน

๑. การแข่งขัน ตามกฎ กติกา การรักษา มารยาท ในสนาม
การเชื่อฟัง กรรมการ ผู้ติดตาม มันเป็นภาพ อันงดงาม ในสายตา
๒. ความขยัน ทำหน้าที่ ให้ดีสุด มีภาพลักษณ์ อันพิสุทธิ์ เด่นสง่า
การนำทีม ขับเคลื่อน เลื่อนนาวา มันเป็นสิ่ง ที่ตรึงตรา อยู่ในใจ
๓. การเคารพ ประชาชน คนเฝ้าดู การรับรู้ ถูกผิด ติดนิสัย
การรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย สำรวมใน กิริยา และท่าที
๔. เมื่อคราวแพ้ ยิ้มรับ กับพ่ายแพ้ ไม่เล่นแง่ เกี่ยงงอน ในศักดิ์ศรี
ไม่เป็นอย่าง ขี้แพ้ แต่ชวนตี พร้อมยินดี และร่วมมือ ผู้มีชัย
๕. ถ้าแบบนี้ การแข่งขัน มันก็แฟร์ เป็นการแพ้ อย่างสร้างสรรค์ และสดใส
ความปรองดอง ได้เริ่มต้น ในทันใด ไม่ว่าใคร ก็ชนะ ไปด้วยกัน ๐ฯฯ

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๕ กรกฎา ๕๔ (หลังการรู้ผลเลือกตั้ง ๓ กรกฎา ๕๔)

วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

พรมแดน กับ พรหมแดน


๑. คนเรานั้น ดั้นด้น บนทางเดิน บ้างเพลิดเพลิน บ้างทุลัก-ทุเลก้าว

มีสุขทุกข์ ร่วมย่าง ระยะยาว ในบางคราว แทบทรุด หยุดกลางทาง

๒. ทางเดินเรา ถ้าจักเทียบ เลียบพรมแดน มาไกลแสน ยังวกวน ไม่พ้นห่าง

เดินข้ามไป ข้ามมา ตลอดทาง เดินออกบ้าง เข้าบ้าง อยู่อย่างนี้

๓. เส้นพรมแดน ระหว่างขาว ระหว่างดำ ระหว่างกรรม กับเวร เห็นถ้วนถี่

ระหว่างชั่ว ข้ามข้าง ระหว่างดี ระหว่างเศร้า กับยินดี ข้ามจำเจ

๔. ระหว่างถูก กับผิด คิดข้ามบ่อย ระหว่าน้อย กับมาก มักหันเห

ระหว่างเย็น กับร้อน ห่อนลังเล เข้าออกเร่ นอกใน ไม่เว้นวาย

๕. อันพรมแดน ละม้าย คล้ายพรหมขีด ให้ชีวิต ก้าวข้าม ฝั่งขวาซ้าย

ถ้าเมื่อใด ข้ามพรหมแดน อันตราย จากความเป็น สู่ความตาย นั่นปลายทาง ๐ฯฯ

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒ กรกฎา ๕๔

วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

อย่า

๑. ฟังคำพูด ตอกย้ำ เรื่องอำมาตย์ คล้ายตีวัว กระทบคราด อาจรู้ได้
เจตนา พอมองเห็น เป็นเช่นไร อย่าเล่นบท ศรีธนญชัย ให้คนดู
๒. อย่าคิดล้ม เสาหลัก ที่ปักหมุด เรือนจะทรุด บ้านจะพัง ยั้งไม่อยู่
อันโครงสร้าง ดั้งเดิม เริ่มลบหลู่ แล้วพากัน เดินสู่ ประตูใด
๓. การสร้างบ้าน แปลงเมือง เรื่องซับซ้อน อุทาหรณ์ มีให้เห็น เป็นเงื่อนไข
คติหนึ่ง เหมาะเมืองหนึ่ง พึงพอใจ มันมิใช่ของเวียน เปลี่ยนง่ายดาย
๔. หากคิดเปลี่ยน เพียงทดลอง ตามต้องการ ผลกระเทือน มหาศาล ผ่านเป็นสาย
ผลสะท้อน ย้อนเหน็บ เจ็บมากมาย ความกระหาย ลามเผาผลาญ ปานอัคคี
๕. อย่าริเอา เสรีภาพ ของต่างบ้าน มาใช้เป็น มาตรฐาน ของบ้านนี้
อันแบบแผน ขัดกัน มันไม่ดี หยุดทันที อหังการ์ อย่าคิดเลย ๐ฯฯ

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑ กรกฎา ๕๔

วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2554

กวีสามัญ

๐ เปรียบเป็นยา คือยา แบบพื้นบ้าน
เทียบอาหาร เป็นอาหาร แบบพื้นเมือง
หาสะดวก ปรุงสบาย ไม่หลายเรื่อง
ไม่สิ้นเปลือง เครื่องเครา แลขั้นตอน
๐ ออกรสชาติ จัดจ้าน แบบบ้านนอก
แสดงออก จริงใจ ไม่หลอกหลอน
เพียรสื่อสาร เนื้อหา พาสังวรณ์
ไม่ลึกลับซับซ้อน ไม่ซ่อนปม
๐ พยายามทำ นำพา สรรพ์สาระ
อันที่จะ รักษ์ภาษา ที่เหมาะสม
ตามแบบแผน กวีไทย ให้นิยม
เพื่อสังคม สืบสาน นานสืบไป ๐ฯฯ

ฉันพอใจที่จะเป็น...แม้เป็นเพียงกวีสามัญ
๒๗ มิถุนา ๕๔

วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ไหว้ครูกวี

๑. ขอกราบไหว้ ระลึกพระคุณ สุนทรภู่

ท่านเป็นครู การกวี ที่ยิ่งใหญ่

สร้างผลงาน ร้อยกรอง อันเกรียงไกร

มอบให้ไว้ เป็นสมบัติ ทางวัฒนธรรม

๒. ได้ศึกษา หาอ่าน ผลงานท่าน

เกิดบันดาล แรงใจ ให้ดื่มด่ำ

จึงหัดเขียน เพียรร้อย เรียงถ้อยคำ

โดยน้อมนำ แนวทาง อย่างครูบา

๓. ขอบอกกล่าว วอนว่า อุทาหรณ์

อันบทกลอน เป็นศิลป์ ทางภาษา

เป็นดนตรี สื่อสาร ผ่านวาจา

เป็นเสน่หา ทางสังคม สมเป็นไทย

๔. มาเถิดมา ร่วมด้วย ช่วยสืบสาน

ต่อวิญญาณ กานท์กลอน อักษรไว้

เป็นเพชรงาม เรืองรอง ส่องอำไพ

เป็นเอกลักษณ์ ของไทย ไปนิรันดร์ ๐ฯฯ


บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๖ มิถุนา ๕๔ "วันสุนทรภู่"



วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Happy Birthday ประชาธิปไตยไทย



(หมุดที่ระลึกการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ที่ฝังอยู่ที่ลานพระราชวังดุสิต ด้านข้างพระบรมรูปทรงม้า
มีข้อความจารึกไว้ว่า " ณ ที่นี้ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ เวลาย่ำรุ่ง คณะราษฎรได้ก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญ
เพื่อความเจริญของชาติ")
๐.. ๗๙ ปี ประชาธิปไตย เรายังไป ไม่ไกลพอ
วนเวียน เปลี่ยนวงล้อ แล้ววกงอ คืนวังวน
๐.. ผิวเผิน ดังเดินหน้า แต่ทว่า มาไม่พ้น
ฝั่งธาร อันทุรน ประชาชน ทนรับกรรม
๐.. อำนาจ อันแท้จริง ที่อ้างอิง เป็นประจำ
ที่แท้ เป็นเพียงคำ อันลึกล้ำ ด้วยเล่ห์กล
๐.. ถ้อยคำ ที่รำพึง ล้วนอ้างถึง ประชาชน
เสร็จแล้ว ผู้รับผล คือพวกตน ตลอดมา
๐.. หลายครั้ง ทั้งหลายพวก กอบสะดวก โกยสง่า
ชาวบ้าน สิ้นศรัทธา แล้วก้มหน้า ทนต่อไป
๐.. พวกเรา คนลืมง่าย ครั้นโกรธหาย หัวใจใส
หลายหน ให้อภัย หวังเพียงให้ "ประชาธิปไตย" อยู่ยืนยง ๐ฯฯ

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒๔ มิถุนา ๕๔

วันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2554

กะรัก..กระชัง


๐ กระชังดังกระชุกระชั้น กระชับ
ดูเช่นกระชอนสลอนสลับ แลสล้าง
ดุก-ตะเพียน-ทับทิม จับ กิน-แจก
กะรัีกไม่กะร้าง กะเลี้ยงเพียงพอ

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๐ มิถุนา ๕๔

นิทานน้ำเน่า

.....กาลครั้งหนึ่ง.....
๐ ชายชรา ชมดอกไม้ ใกล้ระเบียง ได้ยินเสียง เรียกหา อยู่หน้าบ้าน
ทั้งพวกหมา เห่ากันใหญ่ ไม่ได้การ รีบลนลาน ออกไปดู ให้รู้ที
๐ นั่นมันกลุ่ม หาเสียง ให้ผู้แทน ซึ่งเที่ยวขอ คะแนน มาถึงนี่
ของเบอร์ไหน พรรคใด รู้ได้ดี "ขอโทษที หมาเห่า อย่าเข้ามา"
๐ มีคนหนึ่ง ในกลุ่มนั้น ยื่นบัตรให้ พร้อมมีใบ ธนบัตร รัดแน่นหนา
คลี่ออกดู นับได้ หลายเงินตรา แต่มูลค่า ไม่คู่ควร ศักดิ์ศรีคน
๐ นึกอนาถ ในใจ อยู่ไม่น้อย มันเสื่อมถอย ขนาดนี้ มากี่หน
คงได้ใจ จึงได้ทำ ไม่จำทน สำนึกตน พ้นฉับไวในดวงแด
๐ ทันไดนั้น เลือดขึ้นหน้า ของตาเฒ่า มือสั่นเทา ชี้หน้า ร้องด่าแม่
"กูไม่ขาย ประเทศไทย ให้พวกแก...ใช่กูแน่ แต่กูมี ศักดิ์ศรีไท"

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑๙ มิถุนา ๕๔

วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ยับยั้ง

(ต้นไม้เท่านนั้นที่จะเป็นปราการสำคัญในการยับยั้งการเติบโตและแพร่กระจายของทะเลทรายได้)

๑. ร้อนรน ฝนหาย ฝายแห้ง ดินระแหง ลมระห่ำ น้ำระเหย

เดือดร้อน ผู้คน ผู้เคย เฉยเมย ไม่มอง เมืองบ้าน

๒. ตามกระแส แห่แหน กระหาย ทำลาย รอบข้าง ล้างผลาญ

เผาดิน เผาป่า มานาน เชี่ยงชาญ ชั้นเชิง เริงรมย์

๓. หลงลืม บำรุง ปรุงโลก ทับโศก สร้างเถ้า เศร้าถม

ดินสลาย ทรายสลอน ว่อนลม ถั่งโถม ไล่ที่ ไล่ทาง

๔. .....มาเถิด เพื่อนมนุษย์ ยั้งหยุด การขยาย ปลายหาง

ยุติ ผืนทราย ปลายทาง ร่วมสร้าง ผืนพรม ห่มดิน

๕. ปลูกป่า ปลูกไม้ ให้มาก หยุดถาก หยุดถาง ทุกถิ่น

เสื้อคลุม ชุ่มชื้น คืนชีวิน คือป่า คลุมดิน คลุมดาว ๐ฯฯ


บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๔

(วันต่อต้านปัญหาภัยแล้ง และฝนแล้งของโลก World Day to Combat Desertification and Drought)

วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2554

หลงเหยื่อ

(กีฬาตกปลาในฤดูกาลนี้ นักตกปลานิยมใช้เหยื่อ "ประชานิยม"
ขอให้ระมัดระวังหน่อยนะพวกปลาทั้งหลาย)

๐๐ ฝูงปลาว่ายวุ่นว้า วนวัง
ละลานแลละลัง ละล้า
เห็นเหยื่อถวิลหวัง วันอิ่ม
หิวจัดฮุบเหยื่อคว้า เจ็บแค้นเบ็ดคม ๐ฯฯ

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด ๑๖ มิถุนา ๕๔

วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2554

พระจันทร์สีส้ม

(ภาพ fullmoon orange เมื่อวันที่ ๑๘ มิ.ย.๕๐ ภาพเก่าจาก oknation.net ...ส่วนในวันที่ ๑๖ มิ.ย.๕๔ เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก โดยเกิดจันทรุปราคาเต็มดวงระหว่างเวลา ๐๒.๒๒.๒๙ ถึง ๐๔.๐๒.๔๒ น. ที่ร้อยเอ็ดก็เห็นเป็นสีส้มรางๆแต่ไม่ชัดเจนเนื่องจากมีเมฆมาก)

๐ มองพระจันทร์ คืนนี้ เป็นสีส้ม
ดูงามสม แปลกตา กว่าคืนไหน
แม้เกิดมี จันทรคราส วิปลาสไป
แต่ดวงจันทร์ ยังแจ่มใส ในนภา
๐ ถึงเงาโลก บดบังไว้ ไม่มืดมิด
แสงอาทิตย์ ยังหักเห เข้าไปหา
ด้วยห่วงจันทร์ จักหม่นไหม้ ไร้ราคา
โอ้ฟากฟ้า ยังจุนเจือ เอื้ออาทร ๐ฯฯ

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด ๑๖ มิถุนา ๕๔

วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2554

รำพึง

(เมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๔ เป็นวันครบรอบ ๑๙ ปี ของการเสียชีวิตของนักร้องลูกทุ่ง "พุ่มพวง ดวงจันทร์ "

ชื่อจริงคือ รำพึง จิตรหาญ ชื่อเล่นคือ "ผึ้ง" ซึ่งมีความสามารถมาก แม้จะอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ แต่มีความเพียรเป็นเลิศ

มีประวัติส่วนตัวน่าสนใจมาก โดยเฉพาะในด้านความมีน้ำใจต่อครอบครัวและญาติพี่น้องน่าสรรเสริญมาก ซึ่ง ครูลพ บุรีรัตน์ หรือวิเชียร

คำเจริญ ได้ถ่ายทอดลงในบทเพลงชื่อ "โลกของผึ้ง" เนื้อหาและท่วงทำนวงกินใจมาก ในวรรคสุดท้ายบอกไว้ชัดเจนว่า ....

"ผึ้งได้กิน ใช่กินเพียงตัว ทางครอบครัวก็อิ่มกัน" บทกลอนที่จะเสนอต่อไปนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากนักร้องคนนี้)

๑. ทุกชีวิต มีภาระ ตั้งแต่เกิด ตรองดูเถิด เป็นความจริง อันยิ่งใหญ่

เป็นหน้าที่ ที่พึงทำ อยู่ร่ำไป ทั้งต่อโลก ต่อสิ่งใด ต่อผู้คน

๒. ต่อป่าไม้ ทะเล และแม่น้ำ ต่อเถื่อนถ้ำ หุบเหว ทุกแห่งหน

ต่อประเทศ ต่อสังคม ต่อชุมชน ต่อเหตุผล ต่อความเชื่อ ต่อความคิด

๓. ที่สำคัญ เรื่องตัว ของตัวเอง ยิ่งต้องเร่ง สนใจ ในถูกผิด

ความรู้สึก อารมณ์ และใจจิต ทั้งชีวิต ต้องดูแล ตลอดไป

๔. ต่อครอบครัว เป็นหน้าที่ รับผิดชอบ ที่ต้องมอบ ความสุข ความสดใส

แม้ตัวเอง ต้องอด ต้องเสี่ยงภัย แต่ต้องให้ ความอิ่มเอม เปรมปรีดี ๐ฯฯ

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด ๑๔ มิถุนา ๕๔

วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เรื่องแปลก

ก่อนวันเลือกตั้ง ๓ กรกฎา ๕๔ ในช่วงที่มีการหาเสียงเป็นเรื่องแปลกที่มีบางพรรคออกมาบอกว่าจะไม่ยอม
ร่วมตั้งรัฐบาลกับบางพรรค แต่ยิ่งจะแปลกหนักขึ้นไปอีกหากมีคนมาบอกว่าจะไม่ร่วมเป็นฝ่ายค้านกับบางพรรค
๑. คำคม มีนมนาน ศพทหาร อย่าด่วนนับ
การศึก ไม่เสร็จสรรพ การรบทัพ ยังขับสู้
๒. อีกคำ ที่เคยยิน จนเคยชิน เป็นคำครู
ไม่มี มิตรคงอยู่ ฤาศัตรู ที่ถาวร
๓. ปัจจุบัน แปลกประหลาด วิปลาส จากคำสอน
เลือกตั้ง ยังหลายตอน เห็นสลอน สะท้อนสาร
๔. ออกปาก ส่งเสียงดัง เตรียมจัดตั้ง ทีมบริหาร
บางคน ออกอาการ เชิงประสาน ปานคนหลัก
๕. บางคน เผยทีท่า ประกาศว่า ไม่ร่วมพรรค
ปิดทาง สมานสมัคร ไม่รับรัก ร่วมทำงาน
๖. ยังดี ที่บอกว่า ไม่ปรารถนา ร่วมรัฐบาล
หากบอก ไม่ร่วมค้าน คงสะท้าน ถึงโลกา ๐ฯฯ
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๓ มิถุนา ๕๔

วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ผู้พิทักษ์คุณธรรม

(ในแวดวงราชกการมักจะมีคำกล่าวเสมอว่า "มาโดยการเมือง มักจะไปด้วยการเมือง" นี่เป็นเรื่องมีเกิดขึ้นจริงแทบทุกยุคทุกสมัย..ต่อจากนี้ไปข้าราชการคงไม่ต้องหวาดผวาว่าจะโดนฝ่ายการเมืองรังแกอีกต่อไปแล้ว เพราะมี ก.พ.ค. หรือคณะกรรมการพิทักระบบคุณธรรม ซึ่งมีผลงานเ้ด่นได้แก่การคืนตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครอง ให้แก่นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิพาณิชย์ )
๑. การเมืองยามเปลี่ยนขั้ว บริหาร
สั่นไหววงราชการ ชัดแจ้ง
ตำแหน่งในวงศ์วาน อำนาจเก่า
หวาดกลัวการกลั่นแกล้ง เขี่ยพ้นหนทาง
๒. บางคนก้าวมาด้วย อุปถัมภ์
ตอนเปลี่ยนแปลงผู้นำ ถูกเด้ง
จำใจทนรับกรรม ไปก่อน
ถึงถูกลอยปล่อยเคว้ง ไม่ท้อรอที
๓. การเมืองส่งคนให้ ได้ดี
การเมืองในบางที ทำร้าย
มาโดยการเมืองมี ตำแหน่ง
ย่อมโดนถูกโยกย้าย ไปด้วยการเมือง
๔. ราชการ ณ วันนี้ มีหวัง
มีคนกลางรับฟัง รับฟ้อง
เคยหวั่นถูกบดบัง เบียดที่
มีระบบคอยปกป้อง เพื่อคุ้มครองทาง
๕. ก.พ.ค.พิทักษ์แท้ คุณธรรม
เป็นหลักเป็นแกนนำ หน่วยกล้า
หากใครคิดก่อกรรม ห่อนง่าย
คนราชการพึงตั้งหน้า รับใช้ประชาชน
บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๑ มิถุึนา ๕๔

ทำใจเอาไว้บ้าง

๑. การแสวงหา อาจประสบ หรือเพียงฝัน การแข่งขัน ตอนจบพบมีสาม
ไม่ชนะ ก็จักพ่าย เป็นฝ่ายตาม ทางที่สาม เสมอกัน นั่นบางเกม
๒. การแข่งขัน ชิงชัย ในเลือกตั้ง ต่างหาเสียง เติมหวัง อย่างข้นเข้ม
ขอคะแนน จากผู้คน จนล้นเต็ม เพื่อปรีดิ์เปรม เป้าหมาย ในปลายทาง
๓. ขอทุกฝ่าย ทำหน้าที่ ให้ดีสุด และอย่าหยุด ความฝัน อันสล้าง
สู้สู้สู้ สู้เถิดหนา อย่าเคว้งคว้าง มุ่งและมั่น ไม่หม่นหมาง อย่างมืดมน
๔. สิ่งที่ขอ คือการสู้ อย่าสุจริต อย่างพิชิต แบบบ้าคลั่ง เพียงหวังผล
เรื่องถูกผิด มองข้ามไป ไม่กังวล มุ่งให้ตน สมหวัง ดังตั้งใจ
๕. ขอทุกคน ทำใจ เอาไว้บ้าง โชคอาจไม่ เข้าข้าง ทุกคนได้
เมื่อมีฝ่าย ขึ้นนำ คว้ากำชัย ย่อมมีฝ่าย ปราชัย ได้เช่นกัน
๖. แพ้ชนะ ให้เป็นเพื่อน เหมือนดังเก่า คิดว่าเรา "คนไทย" ให้ใจมั่น
การปรองดอง แบบไทย คงใช้กัน ร่วมสร้างสรรค์ "ประชาธิปไตย" ให้ยืนยง ๐ฯฯ
บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑๐ มิถุนา ๕๔

วันพุธที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2554

บทเรียนจาก E.Coli

๑. เนื่องมาจากการเมือง การปกครอง มุ่งสนอง ความต้องการ ผ่านระบบ
เร่งเสาะหา ทรัพยากร กันให้พบ เพื่อให้ครบ ครอบคลุม ชุมนุมชน
๒. ด้วยสมอง กับสองมือ พวกมนุษย์ ซึ่งไม่หยุด ฝันไป ใฝ่คิดค้น
สิ่งแวดล้อม โดนรุกไล่ ไม่คงทน อุตสาหกรรม สากล ขยายไกล
๓. พฤติกรรม ของผู้คน ไม่คงที่ ธรรมชาติ ย่อมต้องมี กระทบได้
การกินอยู่ การเดินทาง ทั้งใกล้ไกล การก้าวไป ในคืนวัน อันฝันค้าง
............................................
๔. เหตุต่างต่าง เหล่านี้ ที่เกิดขึ้น สิ่งขัดขืน ต้านเรา เงา ไม่ห่าง
คือเชื้อโรค จุลินทรีย์ ที่เคียงข้าง ย่อมพัฒนา ตัวมันบ้าง ไม่ต่างเรา
๕. จึงมักพบ โรคคน-สัตว์ อุบัติใหม่ อีกบางโรค ที่หายไป เป็นโรคเก่า
กลับอุบัติ คืนซ้ำ ทั้งนำเอา พิษภัยเผา ผู้คน สุดทนทาน
๖. โรคล่าสุด E.Coli O-104 เป็นเชื้อที่ พัฒนา มาพล่าผลาญ
หลายชีวิต โดนคร่า จนวายปราณ โปรดเตรียมการ ต้านต้นตอ โรคต่อไป

(ณวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๔ เชื้อ อีโคไล สายพันธุ์ใหม่ ที่กำลังระบาดในทวีปยุโรป ได้ทำให้คนตายไปแล้ว ๒๔ คน
ในช่วงชีวิตของผมได้มีโรคอุบัติใหม่ให้เห็นแล้วหลายโรค เช่นโรคเอดส์ โรคซาร์ส โรคไข้หวัดนก โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ๒๐๐๙
และโรคจากเชื้ออีโคไล สายพันธุ์ใหม่ ที่กำลังระบาดอยู่ อีกทั้งยังมีโรคเดิมที่เคยหายไปจากโลกแล้วกลับมาอุบัติซ้ำอีกหลายโรค
เช่น โรควัณโรค โรคไข้มาลาเรีย ต่อไปไม่แน่ว่าจะพบโรคอะไรอีก..................)
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๙ มิถุนา ๕๔

วันอังคารที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2554

กีฬาสี

๑. ณ สนามเพลานี้ มากมี
นักกีฬาหลากสี ประกาศสู้
กองเชียร์ยิ่งทวี ธวัชโบก
อีกไม่นานคงรู้ ใครแพ้ใครชนะ
๒. คนชมเริ่มโห่ร้อง รับกัน
พวกใครก็พวกมัน แซ่ซ้อง
ส่งเสียงอย่างสรวลสันต์ เซ็งแซ่
บางกลุ่มประกาศก้อง "อย่าแพ้พวกเรา"
๓. กรรมการจับตาจ้อง มองเขม็ง
อมนกหวีดจนปากเกร็ง แกร่วท้อง
ถือใบเหลือง-แดง เล็ง แลตลอด
ใครแหกกฎเป็นต้อง ไล่พ้นขอบสนาม
๔. พวกที่น่าห่วงนั้น กองเชียร์
กลัวจักมีได้เสีย สุดแก้
กลัวเล่นกันนัวเนีย นอกลู่
กลัวไม่ยอมรับแพ้ เล่นล้ำเลยเกม
๕. จึงขอวิงวอนให้ ทุกสี
ยึดกติกาให้ดี มั่นไว้
ผลเป็นเช่นไรมี รับเถิด
รู้แพ้รู้ชนะได้ อีกรู้อภัย ๐ฯฯ
บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๗ มิถุนา ๕๔