วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2554

กวีสามัญ

๐ เปรียบเป็นยา คือยา แบบพื้นบ้าน
เทียบอาหาร เป็นอาหาร แบบพื้นเมือง
หาสะดวก ปรุงสบาย ไม่หลายเรื่อง
ไม่สิ้นเปลือง เครื่องเครา แลขั้นตอน
๐ ออกรสชาติ จัดจ้าน แบบบ้านนอก
แสดงออก จริงใจ ไม่หลอกหลอน
เพียรสื่อสาร เนื้อหา พาสังวรณ์
ไม่ลึกลับซับซ้อน ไม่ซ่อนปม
๐ พยายามทำ นำพา สรรพ์สาระ
อันที่จะ รักษ์ภาษา ที่เหมาะสม
ตามแบบแผน กวีไทย ให้นิยม
เพื่อสังคม สืบสาน นานสืบไป ๐ฯฯ

ฉันพอใจที่จะเป็น...แม้เป็นเพียงกวีสามัญ
๒๗ มิถุนา ๕๔

วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ไหว้ครูกวี

๑. ขอกราบไหว้ ระลึกพระคุณ สุนทรภู่

ท่านเป็นครู การกวี ที่ยิ่งใหญ่

สร้างผลงาน ร้อยกรอง อันเกรียงไกร

มอบให้ไว้ เป็นสมบัติ ทางวัฒนธรรม

๒. ได้ศึกษา หาอ่าน ผลงานท่าน

เกิดบันดาล แรงใจ ให้ดื่มด่ำ

จึงหัดเขียน เพียรร้อย เรียงถ้อยคำ

โดยน้อมนำ แนวทาง อย่างครูบา

๓. ขอบอกกล่าว วอนว่า อุทาหรณ์

อันบทกลอน เป็นศิลป์ ทางภาษา

เป็นดนตรี สื่อสาร ผ่านวาจา

เป็นเสน่หา ทางสังคม สมเป็นไทย

๔. มาเถิดมา ร่วมด้วย ช่วยสืบสาน

ต่อวิญญาณ กานท์กลอน อักษรไว้

เป็นเพชรงาม เรืองรอง ส่องอำไพ

เป็นเอกลักษณ์ ของไทย ไปนิรันดร์ ๐ฯฯ


บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๖ มิถุนา ๕๔ "วันสุนทรภู่"



วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Happy Birthday ประชาธิปไตยไทย



(หมุดที่ระลึกการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ที่ฝังอยู่ที่ลานพระราชวังดุสิต ด้านข้างพระบรมรูปทรงม้า
มีข้อความจารึกไว้ว่า " ณ ที่นี้ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ เวลาย่ำรุ่ง คณะราษฎรได้ก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญ
เพื่อความเจริญของชาติ")
๐.. ๗๙ ปี ประชาธิปไตย เรายังไป ไม่ไกลพอ
วนเวียน เปลี่ยนวงล้อ แล้ววกงอ คืนวังวน
๐.. ผิวเผิน ดังเดินหน้า แต่ทว่า มาไม่พ้น
ฝั่งธาร อันทุรน ประชาชน ทนรับกรรม
๐.. อำนาจ อันแท้จริง ที่อ้างอิง เป็นประจำ
ที่แท้ เป็นเพียงคำ อันลึกล้ำ ด้วยเล่ห์กล
๐.. ถ้อยคำ ที่รำพึง ล้วนอ้างถึง ประชาชน
เสร็จแล้ว ผู้รับผล คือพวกตน ตลอดมา
๐.. หลายครั้ง ทั้งหลายพวก กอบสะดวก โกยสง่า
ชาวบ้าน สิ้นศรัทธา แล้วก้มหน้า ทนต่อไป
๐.. พวกเรา คนลืมง่าย ครั้นโกรธหาย หัวใจใส
หลายหน ให้อภัย หวังเพียงให้ "ประชาธิปไตย" อยู่ยืนยง ๐ฯฯ

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒๔ มิถุนา ๕๔

วันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2554

กะรัก..กระชัง


๐ กระชังดังกระชุกระชั้น กระชับ
ดูเช่นกระชอนสลอนสลับ แลสล้าง
ดุก-ตะเพียน-ทับทิม จับ กิน-แจก
กะรัีกไม่กะร้าง กะเลี้ยงเพียงพอ

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๐ มิถุนา ๕๔

นิทานน้ำเน่า

.....กาลครั้งหนึ่ง.....
๐ ชายชรา ชมดอกไม้ ใกล้ระเบียง ได้ยินเสียง เรียกหา อยู่หน้าบ้าน
ทั้งพวกหมา เห่ากันใหญ่ ไม่ได้การ รีบลนลาน ออกไปดู ให้รู้ที
๐ นั่นมันกลุ่ม หาเสียง ให้ผู้แทน ซึ่งเที่ยวขอ คะแนน มาถึงนี่
ของเบอร์ไหน พรรคใด รู้ได้ดี "ขอโทษที หมาเห่า อย่าเข้ามา"
๐ มีคนหนึ่ง ในกลุ่มนั้น ยื่นบัตรให้ พร้อมมีใบ ธนบัตร รัดแน่นหนา
คลี่ออกดู นับได้ หลายเงินตรา แต่มูลค่า ไม่คู่ควร ศักดิ์ศรีคน
๐ นึกอนาถ ในใจ อยู่ไม่น้อย มันเสื่อมถอย ขนาดนี้ มากี่หน
คงได้ใจ จึงได้ทำ ไม่จำทน สำนึกตน พ้นฉับไวในดวงแด
๐ ทันไดนั้น เลือดขึ้นหน้า ของตาเฒ่า มือสั่นเทา ชี้หน้า ร้องด่าแม่
"กูไม่ขาย ประเทศไทย ให้พวกแก...ใช่กูแน่ แต่กูมี ศักดิ์ศรีไท"

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑๙ มิถุนา ๕๔

วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ยับยั้ง

(ต้นไม้เท่านนั้นที่จะเป็นปราการสำคัญในการยับยั้งการเติบโตและแพร่กระจายของทะเลทรายได้)

๑. ร้อนรน ฝนหาย ฝายแห้ง ดินระแหง ลมระห่ำ น้ำระเหย

เดือดร้อน ผู้คน ผู้เคย เฉยเมย ไม่มอง เมืองบ้าน

๒. ตามกระแส แห่แหน กระหาย ทำลาย รอบข้าง ล้างผลาญ

เผาดิน เผาป่า มานาน เชี่ยงชาญ ชั้นเชิง เริงรมย์

๓. หลงลืม บำรุง ปรุงโลก ทับโศก สร้างเถ้า เศร้าถม

ดินสลาย ทรายสลอน ว่อนลม ถั่งโถม ไล่ที่ ไล่ทาง

๔. .....มาเถิด เพื่อนมนุษย์ ยั้งหยุด การขยาย ปลายหาง

ยุติ ผืนทราย ปลายทาง ร่วมสร้าง ผืนพรม ห่มดิน

๕. ปลูกป่า ปลูกไม้ ให้มาก หยุดถาก หยุดถาง ทุกถิ่น

เสื้อคลุม ชุ่มชื้น คืนชีวิน คือป่า คลุมดิน คลุมดาว ๐ฯฯ


บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๔

(วันต่อต้านปัญหาภัยแล้ง และฝนแล้งของโลก World Day to Combat Desertification and Drought)

วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2554

หลงเหยื่อ

(กีฬาตกปลาในฤดูกาลนี้ นักตกปลานิยมใช้เหยื่อ "ประชานิยม"
ขอให้ระมัดระวังหน่อยนะพวกปลาทั้งหลาย)

๐๐ ฝูงปลาว่ายวุ่นว้า วนวัง
ละลานแลละลัง ละล้า
เห็นเหยื่อถวิลหวัง วันอิ่ม
หิวจัดฮุบเหยื่อคว้า เจ็บแค้นเบ็ดคม ๐ฯฯ

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด ๑๖ มิถุนา ๕๔

วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2554

พระจันทร์สีส้ม

(ภาพ fullmoon orange เมื่อวันที่ ๑๘ มิ.ย.๕๐ ภาพเก่าจาก oknation.net ...ส่วนในวันที่ ๑๖ มิ.ย.๕๔ เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก โดยเกิดจันทรุปราคาเต็มดวงระหว่างเวลา ๐๒.๒๒.๒๙ ถึง ๐๔.๐๒.๔๒ น. ที่ร้อยเอ็ดก็เห็นเป็นสีส้มรางๆแต่ไม่ชัดเจนเนื่องจากมีเมฆมาก)

๐ มองพระจันทร์ คืนนี้ เป็นสีส้ม
ดูงามสม แปลกตา กว่าคืนไหน
แม้เกิดมี จันทรคราส วิปลาสไป
แต่ดวงจันทร์ ยังแจ่มใส ในนภา
๐ ถึงเงาโลก บดบังไว้ ไม่มืดมิด
แสงอาทิตย์ ยังหักเห เข้าไปหา
ด้วยห่วงจันทร์ จักหม่นไหม้ ไร้ราคา
โอ้ฟากฟ้า ยังจุนเจือ เอื้ออาทร ๐ฯฯ

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด ๑๖ มิถุนา ๕๔

วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2554

รำพึง

(เมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๔ เป็นวันครบรอบ ๑๙ ปี ของการเสียชีวิตของนักร้องลูกทุ่ง "พุ่มพวง ดวงจันทร์ "

ชื่อจริงคือ รำพึง จิตรหาญ ชื่อเล่นคือ "ผึ้ง" ซึ่งมีความสามารถมาก แม้จะอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ แต่มีความเพียรเป็นเลิศ

มีประวัติส่วนตัวน่าสนใจมาก โดยเฉพาะในด้านความมีน้ำใจต่อครอบครัวและญาติพี่น้องน่าสรรเสริญมาก ซึ่ง ครูลพ บุรีรัตน์ หรือวิเชียร

คำเจริญ ได้ถ่ายทอดลงในบทเพลงชื่อ "โลกของผึ้ง" เนื้อหาและท่วงทำนวงกินใจมาก ในวรรคสุดท้ายบอกไว้ชัดเจนว่า ....

"ผึ้งได้กิน ใช่กินเพียงตัว ทางครอบครัวก็อิ่มกัน" บทกลอนที่จะเสนอต่อไปนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากนักร้องคนนี้)

๑. ทุกชีวิต มีภาระ ตั้งแต่เกิด ตรองดูเถิด เป็นความจริง อันยิ่งใหญ่

เป็นหน้าที่ ที่พึงทำ อยู่ร่ำไป ทั้งต่อโลก ต่อสิ่งใด ต่อผู้คน

๒. ต่อป่าไม้ ทะเล และแม่น้ำ ต่อเถื่อนถ้ำ หุบเหว ทุกแห่งหน

ต่อประเทศ ต่อสังคม ต่อชุมชน ต่อเหตุผล ต่อความเชื่อ ต่อความคิด

๓. ที่สำคัญ เรื่องตัว ของตัวเอง ยิ่งต้องเร่ง สนใจ ในถูกผิด

ความรู้สึก อารมณ์ และใจจิต ทั้งชีวิต ต้องดูแล ตลอดไป

๔. ต่อครอบครัว เป็นหน้าที่ รับผิดชอบ ที่ต้องมอบ ความสุข ความสดใส

แม้ตัวเอง ต้องอด ต้องเสี่ยงภัย แต่ต้องให้ ความอิ่มเอม เปรมปรีดี ๐ฯฯ

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด ๑๔ มิถุนา ๕๔

วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เรื่องแปลก

ก่อนวันเลือกตั้ง ๓ กรกฎา ๕๔ ในช่วงที่มีการหาเสียงเป็นเรื่องแปลกที่มีบางพรรคออกมาบอกว่าจะไม่ยอม
ร่วมตั้งรัฐบาลกับบางพรรค แต่ยิ่งจะแปลกหนักขึ้นไปอีกหากมีคนมาบอกว่าจะไม่ร่วมเป็นฝ่ายค้านกับบางพรรค
๑. คำคม มีนมนาน ศพทหาร อย่าด่วนนับ
การศึก ไม่เสร็จสรรพ การรบทัพ ยังขับสู้
๒. อีกคำ ที่เคยยิน จนเคยชิน เป็นคำครู
ไม่มี มิตรคงอยู่ ฤาศัตรู ที่ถาวร
๓. ปัจจุบัน แปลกประหลาด วิปลาส จากคำสอน
เลือกตั้ง ยังหลายตอน เห็นสลอน สะท้อนสาร
๔. ออกปาก ส่งเสียงดัง เตรียมจัดตั้ง ทีมบริหาร
บางคน ออกอาการ เชิงประสาน ปานคนหลัก
๕. บางคน เผยทีท่า ประกาศว่า ไม่ร่วมพรรค
ปิดทาง สมานสมัคร ไม่รับรัก ร่วมทำงาน
๖. ยังดี ที่บอกว่า ไม่ปรารถนา ร่วมรัฐบาล
หากบอก ไม่ร่วมค้าน คงสะท้าน ถึงโลกา ๐ฯฯ
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๓ มิถุนา ๕๔

วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ผู้พิทักษ์คุณธรรม

(ในแวดวงราชกการมักจะมีคำกล่าวเสมอว่า "มาโดยการเมือง มักจะไปด้วยการเมือง" นี่เป็นเรื่องมีเกิดขึ้นจริงแทบทุกยุคทุกสมัย..ต่อจากนี้ไปข้าราชการคงไม่ต้องหวาดผวาว่าจะโดนฝ่ายการเมืองรังแกอีกต่อไปแล้ว เพราะมี ก.พ.ค. หรือคณะกรรมการพิทักระบบคุณธรรม ซึ่งมีผลงานเ้ด่นได้แก่การคืนตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครอง ให้แก่นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิพาณิชย์ )
๑. การเมืองยามเปลี่ยนขั้ว บริหาร
สั่นไหววงราชการ ชัดแจ้ง
ตำแหน่งในวงศ์วาน อำนาจเก่า
หวาดกลัวการกลั่นแกล้ง เขี่ยพ้นหนทาง
๒. บางคนก้าวมาด้วย อุปถัมภ์
ตอนเปลี่ยนแปลงผู้นำ ถูกเด้ง
จำใจทนรับกรรม ไปก่อน
ถึงถูกลอยปล่อยเคว้ง ไม่ท้อรอที
๓. การเมืองส่งคนให้ ได้ดี
การเมืองในบางที ทำร้าย
มาโดยการเมืองมี ตำแหน่ง
ย่อมโดนถูกโยกย้าย ไปด้วยการเมือง
๔. ราชการ ณ วันนี้ มีหวัง
มีคนกลางรับฟัง รับฟ้อง
เคยหวั่นถูกบดบัง เบียดที่
มีระบบคอยปกป้อง เพื่อคุ้มครองทาง
๕. ก.พ.ค.พิทักษ์แท้ คุณธรรม
เป็นหลักเป็นแกนนำ หน่วยกล้า
หากใครคิดก่อกรรม ห่อนง่าย
คนราชการพึงตั้งหน้า รับใช้ประชาชน
บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๑ มิถุึนา ๕๔

ทำใจเอาไว้บ้าง

๑. การแสวงหา อาจประสบ หรือเพียงฝัน การแข่งขัน ตอนจบพบมีสาม
ไม่ชนะ ก็จักพ่าย เป็นฝ่ายตาม ทางที่สาม เสมอกัน นั่นบางเกม
๒. การแข่งขัน ชิงชัย ในเลือกตั้ง ต่างหาเสียง เติมหวัง อย่างข้นเข้ม
ขอคะแนน จากผู้คน จนล้นเต็ม เพื่อปรีดิ์เปรม เป้าหมาย ในปลายทาง
๓. ขอทุกฝ่าย ทำหน้าที่ ให้ดีสุด และอย่าหยุด ความฝัน อันสล้าง
สู้สู้สู้ สู้เถิดหนา อย่าเคว้งคว้าง มุ่งและมั่น ไม่หม่นหมาง อย่างมืดมน
๔. สิ่งที่ขอ คือการสู้ อย่าสุจริต อย่างพิชิต แบบบ้าคลั่ง เพียงหวังผล
เรื่องถูกผิด มองข้ามไป ไม่กังวล มุ่งให้ตน สมหวัง ดังตั้งใจ
๕. ขอทุกคน ทำใจ เอาไว้บ้าง โชคอาจไม่ เข้าข้าง ทุกคนได้
เมื่อมีฝ่าย ขึ้นนำ คว้ากำชัย ย่อมมีฝ่าย ปราชัย ได้เช่นกัน
๖. แพ้ชนะ ให้เป็นเพื่อน เหมือนดังเก่า คิดว่าเรา "คนไทย" ให้ใจมั่น
การปรองดอง แบบไทย คงใช้กัน ร่วมสร้างสรรค์ "ประชาธิปไตย" ให้ยืนยง ๐ฯฯ
บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑๐ มิถุนา ๕๔

วันพุธที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2554

บทเรียนจาก E.Coli

๑. เนื่องมาจากการเมือง การปกครอง มุ่งสนอง ความต้องการ ผ่านระบบ
เร่งเสาะหา ทรัพยากร กันให้พบ เพื่อให้ครบ ครอบคลุม ชุมนุมชน
๒. ด้วยสมอง กับสองมือ พวกมนุษย์ ซึ่งไม่หยุด ฝันไป ใฝ่คิดค้น
สิ่งแวดล้อม โดนรุกไล่ ไม่คงทน อุตสาหกรรม สากล ขยายไกล
๓. พฤติกรรม ของผู้คน ไม่คงที่ ธรรมชาติ ย่อมต้องมี กระทบได้
การกินอยู่ การเดินทาง ทั้งใกล้ไกล การก้าวไป ในคืนวัน อันฝันค้าง
............................................
๔. เหตุต่างต่าง เหล่านี้ ที่เกิดขึ้น สิ่งขัดขืน ต้านเรา เงา ไม่ห่าง
คือเชื้อโรค จุลินทรีย์ ที่เคียงข้าง ย่อมพัฒนา ตัวมันบ้าง ไม่ต่างเรา
๕. จึงมักพบ โรคคน-สัตว์ อุบัติใหม่ อีกบางโรค ที่หายไป เป็นโรคเก่า
กลับอุบัติ คืนซ้ำ ทั้งนำเอา พิษภัยเผา ผู้คน สุดทนทาน
๖. โรคล่าสุด E.Coli O-104 เป็นเชื้อที่ พัฒนา มาพล่าผลาญ
หลายชีวิต โดนคร่า จนวายปราณ โปรดเตรียมการ ต้านต้นตอ โรคต่อไป

(ณวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๔ เชื้อ อีโคไล สายพันธุ์ใหม่ ที่กำลังระบาดในทวีปยุโรป ได้ทำให้คนตายไปแล้ว ๒๔ คน
ในช่วงชีวิตของผมได้มีโรคอุบัติใหม่ให้เห็นแล้วหลายโรค เช่นโรคเอดส์ โรคซาร์ส โรคไข้หวัดนก โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ๒๐๐๙
และโรคจากเชื้ออีโคไล สายพันธุ์ใหม่ ที่กำลังระบาดอยู่ อีกทั้งยังมีโรคเดิมที่เคยหายไปจากโลกแล้วกลับมาอุบัติซ้ำอีกหลายโรค
เช่น โรควัณโรค โรคไข้มาลาเรีย ต่อไปไม่แน่ว่าจะพบโรคอะไรอีก..................)
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๙ มิถุนา ๕๔

วันอังคารที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2554

กีฬาสี

๑. ณ สนามเพลานี้ มากมี
นักกีฬาหลากสี ประกาศสู้
กองเชียร์ยิ่งทวี ธวัชโบก
อีกไม่นานคงรู้ ใครแพ้ใครชนะ
๒. คนชมเริ่มโห่ร้อง รับกัน
พวกใครก็พวกมัน แซ่ซ้อง
ส่งเสียงอย่างสรวลสันต์ เซ็งแซ่
บางกลุ่มประกาศก้อง "อย่าแพ้พวกเรา"
๓. กรรมการจับตาจ้อง มองเขม็ง
อมนกหวีดจนปากเกร็ง แกร่วท้อง
ถือใบเหลือง-แดง เล็ง แลตลอด
ใครแหกกฎเป็นต้อง ไล่พ้นขอบสนาม
๔. พวกที่น่าห่วงนั้น กองเชียร์
กลัวจักมีได้เสีย สุดแก้
กลัวเล่นกันนัวเนีย นอกลู่
กลัวไม่ยอมรับแพ้ เล่นล้ำเลยเกม
๕. จึงขอวิงวอนให้ ทุกสี
ยึดกติกาให้ดี มั่นไว้
ผลเป็นเช่นไรมี รับเถิด
รู้แพ้รู้ชนะได้ อีกรู้อภัย ๐ฯฯ
บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๗ มิถุนา ๕๔

วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เปลี่ยนที่ เปลี่ยนทาง

๑. จากรอยแยก ยับย่น บนภูผา คือที่มา ของเมือง อันเฟื่องฟุ้ง
เป็นตึกราม บ้านช่อง ของเมืองกรุง เป็นตึกสูง ยอดเฉียด เบียดท้องฟ้า
๒. จากรอยโค่น รอยคัด ตัดต้นไม้ จากรอยไถ รอยถาก จากผืนป่า
คือความสุข ความสบาย ด้านนานา ของผู้คน ในพารา มาเนิ่นนาน
๓. จากแรงสูบ แรงผลัก แรงชักน้ำ จากรอยช้ำ รอยเฉือน ฉุดฉ่าฉาน
จากรอยตัก รอยตวง จ้วงสายธาร เป็นความสุข ความสำราญ อันเกินไป
๔. จากรอยปน รอยป้าย ในอากาศ จากรอยปาด รอยเปื้อน เคลื่อนเข้าใส่
จากแรงพวย แรงพุ่ง พ่นพิษภัย จากเปลวไฟ เปลวควัน อันตราย
๕. มันเปลี่ยนที่ เปลี่ยนทาง ธรรมชาติ ตามหวังวาด ของมนุษย์ สุดกระหาย
เปลี่ยนธรรมดา เป็นผิดแผก แตกกระจาย นั่น..ความตาย กำลังตาม คุกคามเรา
๖. โปรดชะลอ การเปลี่ยนทาง การเปลี่ยนที่ พอให้มีช่องกว้าง อันว่างเปล่า
ให้ธรรมชาติ ได้พักฟื้น คืนลำเนา พอบรรเทา ความบอบช้ำ ดำเนินนาน ๐ฯฯ
บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๕ มิถุนา ๕๔ (วันสิ่งแวดล้อมโลก)

แบบไทยไทย

๑. สุดกังขา ประชาธิปไตย แบบไทยไทย ไยจึงใช้ พรรคการเมือง เปลืองนักหนา
ตั้งพรรคเล็ก พรรคน้อย ทยอยมา ดังดารา ประดับประดา ฟ้าการเมือง
๒. ในตอนแรก มักอ้าง อุดมการณ์ ครั้นนานนาน แตกคอ เพราะมีเรื่อง
ขัดใจกัน อารมณ์ ก็ขุ่นเคือง อีกน้อยใจ เนืองเนือง เรื่องตำแหน่ง
๓. ตอนชวนกัน ตั้งพรรค รักกันยิ่ง พอเอาเข้า จริงจริง ชักกำแหง
ผลประโยชน์ ขัดกัน พลันสำแดง พูดเสียงแข็ง ว่าไม่แคร์ แล้วแปรพักตร์
๔. ในบางครั้ง อาจมี ลูกพี่ใหม่ ชอบน้ำใจ อีกเขา กระเป๋าหนัก
จึงผละจากพรรคเก่า เข้าสมัคร เป็นลูกพรรค ที่มีทุน หนุนได้นาน
๕. นโยบาย คล้ายกัน มันก็ง่าย ที่จะถ่าย ที่จะเท เร่เปลี่ยนฐาน
ออกมุ้งนี้ เข้ามุ้งนั้น อย่างเชี่ยวชาญ มีเหตุผล หรือหน้าด้าน อ่านไม่รู้
๖. ถึงอย่างไร ควรจะมอง เป็นสีสัน มิใช่มอง แบบขำขัน ให้หดหู่
ถึงเวลา ลงคะแนน ต้องตรองดู ใครคือผู้ ควรนำพาประเทศไทย ๐ฯฯ
บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๕ มิถุนา ๕๔

เศร้า

๑. หวังได้เห็น ภาพใหม่ อันหมดจด ลบภาพพจน์ มัวหมอง ของวันเก่า
เปิดประวัติศาสตร์ สดใส ในบ้านเรา กลับต้องเศร้า สิ้นหวัง นั่งมึนงง
๒. นักการเมือง ยังหาเสียง เยี่ยงเคยหา ไม่ก้าวหน้า แถมถอยหลัง ดังเคยหลง
คืนเข้าคลอง ท่องน้ำเหม็น เช่นเคยลง กลอุบาย ยังคงใช้ หลายวิธี
๓. มีด่าทอ เกรี้ยวกราด สาดวาทะ ออกโทสะ ใส่ร้ายและป้ายสี
การข่มขู่ ขัดขวาง ยังคงมี ทั้งย่ำยี เหยียดหยัน รายวันไป
๔. มารยาท แบบไทย หาไม่พบ คงคิดคบ แก้แค้น วางแผนใหญ่
การก่อกวน กิจกรรม รำคาญใจ ยังทำให้ เรื่องบัดสี มีทุกวัน
๕. ความเกลียดชัง ต่างขั้ว ค่อนข้างชัด คำปรองดอง ตระบัดสัตย์ ไปแล้วนั่น
แสดงออกชัดเจน คงเห็นกัน ทั้งกรีดป้าย กลั่นแกล้ง แรงเหลือร้าย
๖. หนักหนักเข้า ถึงกับฆ่า คร่าชีวิต การจะคิด สมานฉันท์ นั้นอย่าหมาย
เลือกตั้งเสร็จ อาจมีศึก รอเรียงราย เป็นเคราะห์ร้าย ที่รอรุม สุมบ้านเรา ๐ฯฯ
บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด ๔ มิถุนา ๕๔