วันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2553

รอปีใหม่

๑.รอคอย วันคืน ตื่นเต้น.....ไม่นาน ได้เห็น ปีใหม่
ปีกลาย ปลายปี ผ่านไป....หัวใจ ก็เต้น เช่นกัน
๒. ถึงวัน ประเดิม เริ่มปี.....เริ่มมี ความคิด ความฝัน
ปีใหม่ ทำไฉน ให้มัน....แปรผัน เป็นปี ที่ดี
๓.สิ่งที่ ทำได้ ไม่ต่าง....แนวทาง เดิมเดิม ไม่หนี
ทำวัน ทุกวัน ของปี....เป็นวัน เป็นปี เก่าไป
๔.แล้วกลับ มาตั้ง ตารอ....เพื่อขอ ให้ถึง ปีใหม่
มักเป็น เช่นนี้ เรื่อยไป....ไม่ได้ เป็นชิ้น เป็นอัน
๕.เอาเถอะ...ปีใหม่ ครานี้.....จักขอ บ่งชี้ หมายมั่น
อย่างไร จักต้อง ฝ่าฟัน....สร้างฝัน ให้มัน เป็นจริง
๖.อย่างน้อย ปีใหม่ ไม่ท้อ....ไม่ขอ เมินเลย เฉยนิ่ง
บากบั่น สร้างสรรค์ ประวิง....ไม่ทอด ไม่ทิ้ง แนวทาง
๗. ส่วนผล จักเป็น เช่นไร....ก็ไม่กังวล หม่นหมาง
รอวัน วัดผล ปลายทาง....ระหว่าง ปีโน้น อีกที ๐ฯฯ
ศักดิ์เรือง วลี /๒๖ ธันวา ๕๓

วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เดือนหม่น

เดือนหม่น
๑. เมื่อเดือนหม่นคนหมางบ้างหรือไม่.....ด้วยเหตุใดไม่เปล่งปลั่งดังที่หมาย
เห็นกระต่ายร้องไห้ดังใกล้ตาย....จักดูดายต่อไปไม่ได้แล้ว
๒. โอ้ท้องฟ้าเคยไสวใสกระจ่าง....มีม่านพรางจึงมองไม่ผ่องแผ้ว
ทั้งหมอกควันกั้นฟ้าหนาเป็นแนว....คงไม่แคล้วม่านปิดมืดมิดไป
๓. เห็นดาวหมองมองดูหดหู่ยิ่ง....แสงดาวนิ่งไม่ระยับวับวาวใส
แม้ดาวศุกร์เคยสว่างพร่างอำไพ....ประกายไฟในดาวไม่พราวเลย
๔. ความผูกพันอันเคยดีนั้นมีแน่....ลึกลึกแท้ในใจไม่เปิดเผย
นึกเสียดายแสงดาวเดือนเหมือนที่เคย....กระไรเลยเศร้าหมองข้องใจจริง
๕. ถามผู้คนบนโลกโศกไหมนั่น....แสงทองอันส่องสุขถูกทอดทิ้ง
โปรดช่วยกันคลี่ม่านฟ้าอย่างจังจริง....เพื่อพึ่งพิงแสงเดือนดาวยืนยาวไป
๐ฯฯ
บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒๓ ธันวา ๕๓

วันอังคารที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2553

แสงเทียนกับตะวัน


๐ ได้โปรดเถิดเมฆทะมึน
กรุณาเถิดสายลม
....ข้าผู้น้อยกำลังจุดเทียนกลางแสงแดด
โปรดอย่าออกมาปกป้องดวงตะวันเลย
...ข้าผู้น้อยกำลังบูชาแสงอันศักดิ์สิทธิ์
...ข้าผู้น้อยมิได้กระทำท้าทายใดใด
โปรดอย่าได้รบกวนเลย
...ข้าผู้น้อยกำลังขอพลังจากแสงอันยิ่งใหญ่
เมฆทะมึนเอย โปรดเลื่อนลอยออกไปเถิด
สายลมเอย อย่าได้พัดผ่านมาในยามนี้เลย๐๐ฯฯ
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๒ ธันวา ๕๓

วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

หอมเจ็ดชั้น

๐ ส่งกลิ่นหอมสู่ จาตุมหาราชิกา
แล้วนำพาอวลไอวนไปถึง
สรวงสวรรค์ชั้น ดาวดึงส์
ลมรำพึงถึงสวรรค์ชั้น ยามา
๐ ละอองกลิ่นลอยด้นดั้นชั้น ดุสิต
นิรมิต นิมานรดี ที่หรรษา
ปรนิมมิตวสวัตตี มีปุญญา
หอมทั่วฟ้าแล้วหวนหันคืน สวรรค์บนดิน ๐ฯฯ
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒๑ ธันวา ๕๓

สร้อยสายเพชร

๐ บรรจงไล่เรียงร้อย สร้อยสาย
เพชรพร่างอยู่พราวพราย เพริดพริ้ง
ดิน แดด ไม่ดูดาย ลมเร่ง
ธาราไม่ทอดทิ้ง ช่วยฟ้าเจียระไน ๐ฯฯ
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒๑ ธันวา ๕๓

วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2553

สงครามน้ำ สงครามดิน

(ภาพแกะสลักฟาโรห์รามเสสที่ ๒ ในสงครามคาเด็ช)
๑. การสงครามอิงอาศัยในเหตุหลัก....โดยอ้างเอาเกียรติศักดิ์ต้องรักษา
อีกเพื่อผลประโยชน์ฝ่ายอัตตา....หรือลงโทษาเหล่าริปูให้ปราชัย
๒. การฆ่าฟันรบพุ่งมุ่งอำนาจ....ชิงสิทธิ์ขาดให้คงอยู่ผู้ยิ่งใหญ่
สันติภาพจักเกิดมีเมื่อมีชัย....กับข้างใดข้างหนึ่งจึงเลิกรา
๓. คงเคยเห็นเคยรู้อยู่เสมอ....คงได้เจอการโรมรันผันทีท่า
รูปแบบของสงครามพัฒนา....เป้าหมายการรบราสารพัน
๔. อีกไม่นานคงเห็นสงครามน้ำ....ยกพวกนำเข่นฆ่าให้อาสัญ
เพื่อแย่งชิงทรัพยากรอันสำคัญ....ทั้งโรมรันรุกเข้าเอาที่ดิน
๕. พื้นดินแห้งรุมแย่งเอาแหล่งน้ำ....ดินชุ่มฉ่ำคนส่วนใหญ่ใฝ่ถวิล
ทำสงครามยื้อยุดยึดที่ดิน....ไว้ทำกินกันตายต่อต่อไป
๖. ไม่สนใจที่ไปหรือที่มา....ไม่คิดว่าน้ำนั้นมาจากไหน
ไม่สนใจว่าดินนั้นเจ้าของใด....เมื่ออยากได้ใช้กำลังเข้ายึดครอง
๗. รีบช่วยกันวางกฎกติกา....ก่อนสังคมภายหน้าจักหม่นหมอง
ก่อนสงครามดิน-น้ำ ทำเลือดนอง.....ก่อนถิ่นทองของไทยถูกไฟลาม
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒๐ ธันวา ๕๓

วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ถามใจ

(ภาพใบโพสามสี เป็นรูปหัวใจสีขาว)
๑. ขอถามใจของหัวใจไหวไหมนั่น....โดนกระแทกกระทั้นหวั่นไหวไหม
โดนแรงบีบแรงบดกดข้างใน....ทั้งแรงใหญ่แรงน้อยคอยทุบตี
๒. เห็นน้ำอดน้ำทนนั้นสุดยอด....โดนตลอดยังทนจนได้ที่
ยิ่งทนทานยิ่งโดนสับทับทวี....แล้วแบบนี้จะทนไปได้กี่น้ำ
๓. เมื่อยามป่วยไข้รุมเข้าจนหนาวเหน็บ....เมื่อยามเจ็บยังโถมแรงแทงกระหน่ำ
เมื่อยามล้มก็ยังรุมกระทืบซ้ำ....คนจัญไรก็กระทำหยามพักตรา
๔. จึงถามใจของหัวใจยังไหวไหม....ถ้าทนได้ทนสู้อยู่เถิดหนา
ถ้าไม่ไหวเกินพิกัดเต็มอัตรา....จะหยุดเต้นก็ไม่ว่าหยุดไปเลย
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / เขียนไว้เมื่อ ๙ ธันวา ๕๓
หมายเหตุ วรรคที่เป็นสีน้ำเงิน ขอยืมมาจากบทบันทึกอันขมขื่นในบั้นปลาย
ชีวิตของเจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน)ราชทูตคนสำคัยในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์
มหาราช ท่านบันทึกไว้ว่า
"๐ ยามจนคนมันก็ดูหมิ่น....ไอ้หน้าส้นตีนมันก็หลู่ดูถูกได้
ชาติขี้ข้าก็ชะล่าบังอาจใจ....คนจัญไรก็กระทำหยามพักตรา
๐ ยามรวยราวจะโลดแผ่นดินเหิน....จะนั้งนอนยืนเดินเด่นสง่า
นี่ถึงคราวแล้วโอ้พยัคฆา....ต้องกลายเป็นวิฬาร์ไปตามกรรม"
อ่านแล้วสะใจมากเข้ากับชีวิตเราจริงๆ ..ถึงคราวตกอับเสือก็กลับกลายเป็นแมวไปได้เหมือนกัน

อ่อนกับแข็ง

๑. น่าเป็นห่วงสังคมไทยเป็นไข้หนัก....ถึงขั้นชักตาตั้งดังบ้าหมู
พวกนักเลงหัวไม้ใหญ่น่าดู....คงได้รู้ได้เห็นเป็นประจำ
๒. มีปล้นจี้ฆ่าฟันกันไม่เว้น....ก่อการกวนให้ลำเค็ญทุกเช้าค่ำ
อันธพาลวุ่นวายหมายกระทำ....ความระยำรานรุกทุกชุมชน
๓. ในสังคมเคยสงบพบแต่สุข....อบายมุขครอบไว้ให้หมองหม่น
ศีลธรรมเสื่อมถอยด้อยสุดทน....พวกผู้เฒ่าเฝ้าแต่บ่นจนอ่อนแรง
๔. เมื่อศีลธรรมอ่อนแอแก้ไม่ตก....ควรต้องยกกฎหมายให้เข้มแข็ง
เมื่อจิตใจหยาบด้านกร้านรุนแรง....นิติธรรมต้องสำแดงความสำคัญ
๕. ต้องจัดการตามกฎหมายให้เด็ดขาด....ใช้อำนาจเที่ยงตรงและคงมั่น
พร้อมส่งเสริมศีลธรรมไปด้วยกัน....ความสุขสันติ์จึงจะคืนได้ดังเดิม
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๘ ธันวา ๕๓

อภิมหาชลาศัย

(ภาพวาดแสดงสระน้ำในไร่นาตามแนวพระราชดำริ เรื่องเกษตรทฤษฎีใหม่)
๑. เห็นชาวบ้านร้องไห้ในสายน้ำ....ยังจดจำไม่เลือนสะเทือนขวัญ
แต่ต่อมาไม่นานสักกี่วัน....พวกเดียวกันยังยืนงงตรงที่เก่า
๒. น้ำที่นองมันหายไปไหนหมด...สุดรันทดดินระแหงโดนแดดเผา
เห็นตอซังช้ำใจไม่บรรเทา....ต้นข้าวเน่าก็นอนแห้งที่แปลงนา
๓. ตื่นเถิดหนาพี่น้องไทยในประเทศ....เห็นต้นเหตุหรือยังอย่ากังขา
เมื่อฝนตกน้ำมีน้ำก็มา....ไม่มีท่าให้น้ำอยู่น้ำก็ไป
๔. ถ้าทุกที่ขุดสระน้ำทำเป็นแอ่ง...จะเป็นแหล่งน้ำจักพักอาศัย
เป็นที่รองที่รับชลาลัย....ยามน้ำมาไม่ให้ไปจนหมดมวล
๕. ที่สองไร่เป็นสระสักหนึ่งงาน....ที่หลายล้านได้น้ำนับไม่ถ้วน
แต่ละสระเป็นภาพต่อตามกระบวน....เป็นชิ้นส่วนแห่ง"มหาชลาศัย"ในแผ่นดิน
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑๘ ธันวา ๕๓


ในสายตา

๐ ถ้ามองโลกจากท้องฟ้าอวกาศ
ไม่สามารถเห็นตัวตนของคนได้
แต่ละคนเล็กจุลเท่าฝุ่นไอ
เทียบกับโลกอันยิ่งใหญ่ไม่ได้เลย
๐ แต่มุมมองจากเราที่เฝ้าดู
เห็นโลกอยู่ในใจอย่างเปิดเผย
เห็นโลกอยู่อย่างชัดเจนเช่นที่เคย
ไม่ละเลยด้วยสายตาที่ห่วงใย ๐ฯฯ
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๘ ธันวา ๕๓

ลมซา

(ภาพการเผชิญหน้ากันระหว่างเทพธรรมะกับฝ่ายอธรรม)
๑. สายลมพัดกรูกราว....ลือเรื่องราวฉาวจากไหน
เรื่องดังฤาอย่างไร....จึงพัดได้อยู่หลายวัน
๒. เรื่องแปลกฤาเรื่องร้าย....เรื่องน่าอายฤาน่าขัน
๓. กอไผ่กลายเป็นกล้วย....ฤาว่าควายมีสองขา
ฤาลิงเผานครา....นำท่วมฟ้าฤาปลากินดาว
๔. ฤาจิตรกรวิปริต....ผสมสีผิดคิดสามหาว
วาดภาพสร้างเรื่องราว....ทำผ้าขาวให้เปื้อนสี
๕. หลายเฉดผสมมั่ว....เพื่อตนตัวต่อชีวี
ประชาชนชระชาชี....ช้ำฤดีช่างปะไร
๖. ขอเตือนไปทุกหน....ให้อดทนประชาไท
ตั้งสติระลึกไว้....ยึดหลักใหญ่ "ประมาณตน"
๗.ตั้งใจให้จงดี....ไว้ศักดิ์ศรี "มีเหตุผล"
พวกใดมารุมปล้น....จักรอดพ้นด้วย "ภูมิคุ้มกัน" ๐๐ฯฯ
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๘ ธันวา ๕๓
คำว่า "ลมซา"เป็นภาษถิ่นอีสาน หมายถึงการที่ลมพัดแรงมาเป็นระยะ คนโบราณมักจะไถ่ถามกันว่า
ลมพัดเอาข่าวร้ายเรื่องใดมาสู่หนอ

วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

รัตติกาล

(ภาพถ่ายจากอวกาศแสดงให้เห็นเส้นแบ่งวันคืนบนโลก
...ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเนื้อหาของบทเรียงถ้อยร้อยคำนี้)

รัตติกาล

ม่านอบายอันมืดมิดแลมืดมนแห่งรัตติกาล

จักถูกคลี่เปิดออกได้

โดยรังสีธรรมแห่งดวงตาวัน

แต่..ผู้คนเอย

จงทำใจแลเตรียมพร้อมเสมอ

สำหรับการกลับมา..ของรัตติกาล

ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒๓ พฤศจิกา ๕๓


วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

น้ำแห่งชีวิต

(ภาพจาก dhcdeeka.com)
๐ น้ำคือแม่ แม่คือน้ำ นำชีวิต
ที่อุทิศ หยาดทิพย์ ชโลมโลก
ทั้งมนุษย์ สัตว์พืช ได้บริโภค
อุปโภค จนมีสุข ทุกชีวี
๐ อันบุญคุณ ของน้ำ นั้นล้ำเลิศ
สารประเสริบ สวรรค์ให้ ไว้ที่นี้
โลกมนุษย์ สุดสดใส ที่ได้มี
น้ำหล่อเลี้ยง โลมชีวี เป็นประจำ
๐ หากขาดน้ำ วันใด อยู่ไม่ได้
จงเอาใจ ใส่ใจ ในสายน้ำ
จงอาทร เชิดชู คู่ธารธรรม
เพื่อมีน้ำ แห่งชีวิต นิจนิรันดร์
(วันลอยกระทง ฉันกราบไหว้น้ำ เพื่อรำลึกในบุญคุณ)
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๑ พฤศจิกา ๕๓

ฉัน..(ผู้มีเกียรติ)

๑. ยามฉันกลับสู่บ้าน...รังนอน
กองเกียรติยศรอสลอน...โอบล้อม
ฉันเดินผ่านแถวตอน...เรียงระกะ
วันทยหัตถ์พรึบพร้อม...ยื่นหน้ารายงาน
๒. โมก ชบา พุดซ้อน...บานบุรี
ยี่เข่ง พุดสามสี...คัดเค้า
รำเพย ปีบ มะลุลี...พุดจีบ
เล็บมือนาง บานเช้า...อีกแก้วเจ้าจอม
๓. ประยงค์ หอมเจ็ดชั้น...หิรัญญิการ์
มะลิหลวง กระดังงา...จันทน์กะพ้อ
พวงคราม มธุลดา...สายหยุด
พวงโกเมน ลั่นทมล้อ...สาละ สร้อยอินทนิล
๔. ยังมีอีกมากไม้...หลายทัพ
ยืนรอเพื่อต้อนรับ...ทุกต้น
ถึงฉันโซเซตกอับ...จากที่อื่น
ฉันยังมีเกียรติล้น...ที่บ้านฉันเอง
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๐ พฤศจิกา ๕๓

สีแห่งศรัทธา

๐ สายลมเหนือพัดลมหนาวผ่านเข้ามา...เพื่อบอกปลาอย่าไถลให้คืนหนอง
เพื่อบอกข้าวในนาอย่าคะนอง...ทอดรวงทองรอเคียวมาเกี่ยวเอา
๐ เหมือนข้าวรู้ผู้คนผู้ข้นแค้น...นำชีพแขวนฝากไว้ในต้นข้าว
จึงพร้อมกันขานรับกับเรื่องราว...โบกกรูกราวเป็นเพลงประเลงรอ
๐ แต่งตัวสวยด้วยสีทองทั่วท้องนา...เป็นสีแห่งศรัทธาที่คนขอ
เป็นสีแห่งความรักที่ถักทอ...เป็นสีแห่งความเพียงพอต่อสังคม
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑๙ พฤศจิกา ๕๓

ข้าวล้ม คนลุก

๐ ถึงแม้ ปีนี้ มีน้ำ...ท่วมซ้ำ ท่วมซาก มากครั้ง
แต่ว่า นาดอน ก็ยัง...สะพรั่ง รองทอง รองเรือง
๐ นาทาม ที่น้ำ ไม่ขัง...เปล่งปลั่ง มีรวง สุกเหลือง
เห็นแล้ว หัวใจประเทือง...เป็นเรื่อง มีดี ในร้าย
๐ ข้าวงาม ท่วมท้น ต้นล้ม...โดนลม คอรวง ถ่วงถ่าย
ลงนอน พร้อมเพรียง เรียงราย...ท้าทาย ชาวนา ในที
๐ ข้าวล้ม แต่ดล คนลุก...เป็นสุข สมหวัง ครั้งนี้
รีบเกี่ยว อย่ารอ อย่ารี...โชคดี มีข้าว ไว้กิน
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๘ พฤศจิกา ๕๓

รอเรือ

๐ เรือน้อย ลอยน้ำ ลำนี้...ลำน้อย ลอยลี้ หลับใหล
หลบเร้น ไม่รู้ หรือไร...ใครใคร ลำบาก มากมาย
๐ ล่องลอย ลอยล่อง ท่องน้ำ...คนช้ำ น้ำท่วม เสียหาย
คอยท่า ช่วยเหลือ เรือพาย...ฝากกาย หนีน้ำ นำพา
๐ มีข้าว มีของ ต้องใช้...นำใส่ เรือน้อย ลอยหน้า
นำไป ชุบชูชีวา...พึ่งพา ฮักแพง แบ่งปัน
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๗ พฤศจิกา ๕๓

วันเสาร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

แหล่งน้ำเพื่อชีวิต

๑. การเลือกแหล่งลงหลักเพื่อปักฐาน...แต่โบราณพึ่งพิงอิงอาศัย
โดยถือเอาเรื่องน้ำเป็นเรื่องใหญ่...เพื่อจะได้สุขสันต์ตามครรลอง
๒. ชื่อหมู่บ้านมีแหล่งน้ำขึ้นนำหน้า...ห้วย ลำ ท่า กุด แก้ง แก่ง บึงหนอง
แม่ แคว คุ้ง บุ่ง ซำ คำ แอ่ง คลอง...พุ ซับ ร่อง ปาก อ่าง ราง วัง เวิน
๓. เมื่อมีน้ำชีวิตสุขทุกวิถี...มีวิธีสร้างชีวีอย่างที่หวัง
เป็นสังคมมั่นคงและมั่งคั่ง...เป็นขุมคลังอาหารอันอุดม
๔. มาวันนี้แหล่งน้ำช้ำไปหมด...พื้นที่หดหายไปให้ขื่นขม
ในหน้าแล้งแห้งขอดเป็นขุ่นตม...โดนแดดลมระเหยแห้งระแหงดิน
๕. ครั้นหน้าฝนน้ำมากหลากไหลบ่า...ท่วมไร่นาท่วมบ้านทุกย่านถิ่น
ถึงเวลาหรือยังย้อนยลยิน...หวนถวิลถึงขุมทองที่เคยมี
๖. ช่วยขุดลอกเยียวยามาฟื้นฟู...พวกแหล่งน้ำอันมีอยู่ทุกถิ่นที่
แล้วบำรุงรักษาไว้ให้ดีดี...เราจะมีอ่างเก็บน้ำอยู่ทั่วไป
๗. เมื่อน้ำมามีทางให้ไปได้คล่อง...น้ำไหลล่องปลายทางลงอ่างใหญ่
จะปลูกพืชเพาะพันธุ์ อาบ กินใช้...ก็ทำได้ไม่ขัดสนสักคนเลย
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑๔ พฤศจิกา ๕๓

ผ้าป่าแนวใหม่ (เพื่อแหล่งน้ำ)

(ภาพบันทึกการขุดลอกบึงพลาญชัยของเมืองร้อยเอ็ด ช่วงปีพ.ศ. ๒๔๖๙ -๒๔๗๑
แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมแรงในการรักษาและฟื้นฟูแหล่งน้ำของชุมชน)
ผ้าป่าแนวใหม่(เพื่อแหล่งน้ำ)
๑. ยามน้ำมากหลากไหลไปกว้างขวาง...เนื่องจากทางให้ไหลไม่เหลือหลอ
ทั้งห้วยหนองคลองบึงเคยมากพอ...ถูกตันท่อถมดินจนสิ้นทาง
๒. สมัยก่อนมีห้วยคลองเป็นร่องน้ำ...เพื่อทอดนำน้ำไหลไปเบื้องล่าง
ซึ่งมีบึงมีหนองรองเป็นอ่าง...ธรรมชาติสร้างสมดุลเสมอมา
๓. มาวันนี้ห้วยไม่เห็นน่าเป็นห่วง...ถึงเวลาต้องทักท้วงทวงถามหา
พวกลำห้วยคูคลองเคยมีมา...จักต้องฟื้นคืนค่าทั้งหนองบึง
๔. ควรร่วมแรงร่วมจัดร่วมศรัทธา...กองกฐินผ้าป่าให้ทั่วถึง
เคยทอดสร้างอารามจนงามซึ้ง...เปลี่ยนมาคิดคำนึงถึงแหล่งน้ำ
๕. ลองฉีกแนวทอดกฐินทอดผ้าป่า...หาทุนมาฟื้นแหล่งน้ำให้งามล้ำ
ช่วยขุดลอกบึงหนองคลองประจำ...อีกทั้งนำเงินไปไถ่ห้วยคืน
๖. เพียงหนึ่งปีที่ทำบุญเพื่อแหล่งน้ำ...คงช่วยทำลำห้วยหายเขินตื้น
อีกบึงหนองรองรับน้ำได้ยั่งยืน...ความชุ่มชื้นคืนมาหาแผ่นดิน
๗. เรื่องน้ำท่วมคงบรรเทาเบาลงมาก...ก็เนื่องจากน้ำระบายถ่ายได้สิ้น
เมื่อน้ำมาน้ำมีที่รองริน...เสริมชีวินสุขสันต์แบบบรรพกาล
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑๓ พฤศจิกา ๕๓

วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ดอกไม้ที่พร้อมบาน

๐ เติมเต็มคุณค่าได้ นานวัน
รูปทรงแทรกสีสัน ใส่ให้
แอบอบร่ำไออัน อวลกลิ่น
แซมรักซุกซ่อนไว้ พรั่งพร้อมจึ่งบาน
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๑/๑๑/๕๓

วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

รักร่วมชาติ

๐ เอาแดดลม ประสมน้ำ ประสมฟ้า
เอาหินผา ดินทราย หมายประสาน
เอาพืชพรรณ อัญมณี มีประมาณ
เอาข้าวปลา อาหาร อันอุดม
๐ เอาบรรดา สิ่งดี ที่มีค่า
เอาเข้ามา รวมกัน ผสาน ผสม
เป็นสมบัติ เป็นคุณค่า ของสังคม
หว่านไปพรม พรายพร่าง อย่างสมดุล
๐ ความประสงค์ หวังขจัด ความขัดแย้ง
คนร่วมแรง ร่วมใจ ไม่ว้าวุ่น
เลิกรบรา ฆ่าฟัน หันเจือจุน
ให้ต้นทุน มีเท่า มีเทียมกัน
๐ เกิดมาแล้ว ร่วมกัน ในชาตินี้
อยากให้ มีจิตใจ ใฝ่รักมั่น
"รักร่วมชาติ" ในชาตินี้ ขอเท่านั้น
ชาติหน้ามันเป็นเช่นไร ไม่ขอเลย
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๐ พฤศจิกา ๕๓

วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ปัญหาที่มองเห็น (แบบชาวบ้าน)

(ภาพบึงพลาญชัยกลางเมืองร้อยเอ็ด ..ซึ่งเป็นเมืองที่วางผังเมืองดีมาแต่โบราณ คือมีคูน้ำรอบเมือง
และยังมีบึงใจกลางเมือง เมื่อมีการขุดลอกให้ดี สามารถระบายน้ำได้ดีและรวดเร็ว น้ำจึงไม่ท่วมเมือง)
๑. โบราณ การสร้างเมือง...นับเป็นเรื่อง ละเอียดอ่อน
ที่ตั้ง แห่งนาคร...เป็นที่ดอน จึงจะดี
๒. ไม่ไกล จากแหล่งน้ำ...ช่วยชูค้ำ นำสุขี
หล่อเลี้ยง โลมชีวี...สมเป็นที่ เพาะพืชพรรณ
๓. คูน้ำ ขุดรอบเมือง...นับเป็นเรื่อง ที่เหนือชั้น
ข้าศึก หากโรมรัน...มีน้ำกั้น ยากรุกราน
๔. อีกทั้ง เป็นพื้นที่...รองวารี ของเมืองบ้าน
ไหลลง ระบายธาร...ไม่ร้าวราน ยามน้ำหลั่ง
๕. เมืองเก่า ณ วันนี้...ทุกถิ่นที่ น้ำท่วมขัง
ด้วยว่า การวางผัง...ขยายยัง แถบชานเมือง
๖. ที่อาศัย บ้านจัดสรร...ถมดินกัน อย่างสิ้นเปลือง
รายรอบ ชายขอบเคือง...ทางเลี่ยงเมือง แถมเข้าไป
๗. ดินสูง จึงปิดล้อม...ถนนอ้อม โอบเมืองไว้
ตัวเมือง ดังกระทะใหญ่...รับการไหลคืนวารี
๘. ลำห้วยและคลองซอย...ร่องใหญ่น้อย ที่เคยมี
ถูกถม ตันทุกที่...ไม่เห็นมี เหลือห้วยใด
๙. น้ำหลาก อย่าโทษน้ำ...ธรรมชาติ น้ำต้องไหล
จากสูง ไล่ลงไป...ลงต่ำใต้ ธรรมดา ๐๐ฯฯ
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๙ พฤศจิกา ๕๓

วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

น้ำก้อนใหญ่

๐ อันภาษา พาสื่อสาร ผ่านสมัย
มีเกิดใหม่ ใส่สีสัน มาเสมอ
ใช้บางถ้อย ร้อยคำ เรียงบำเรอ
คงได้เจอ ได้นำ จำนรรจา
๐ จากการเกิด อุทกภัย ในปีนี้
ทำให้มี อุบัติ วัจนะภาษา
เป็นรายงาน ข่าวสาร ผ่านสื่อมา
"น้ำก้อนใหญ่ ไหลบ่า จากเขื่อนชลฯ"

ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๘ พฤศจิกา ๕๓


วันเสาร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

นับถือ

๑. เห็นพี่น้องของเราชาวปักษ์ใต้....โดนพิษภัยพายุซัดพัดถล่ม
เรือประมงหลายลำคว่ำล่มจม....ทั้งวิกฤติดินพังถมถึงล้มตาย
๒. อีกบ้านช่องทรัพย์สินพังสิ้นหมด....สุดรันทดญาติพี่น้องต้องสูญหาย
ที่ทำกิน สวนยางถูกทำลาย....คนไม่ตายก็เหมือนตายไปทั้งเป็น
๓. ก่อนหน้านี้นับสิบปีไม่มีสุข....มีแต่ทุกข์คุกคามเป็นว่าเล่น
ทั้งระเบิดปืนเปรี้ยง เสี่ยงเช้าเย็น....มีการฆ่าการเข่นเป็นรายวัน
๔. มาวันนี้เคราะห์กรรมซ้ำเติมใส่....โอ้พี่น้องชาวใต้ไหวไหมนั่น
เห็นหลายคนยังยิ้มได้ไม่มีหวั่น....ทำใจได้อย่างไรกันนั่นยอดคน
๕. จึงนับถือในจิตใจของพี่น้อง....ขอยกย่องชูเชิดอย่างเลิศล้น
ขอส่งใจเอาใจช่วยทุกทุกคน....ให้ผ่าพ้นวิกฤติการณ์กันเสียที
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๗ พฤศจิกา ๕๓


วันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

มีได้ มีเสีย

๐ น้ำมากมีผลได้...ผลเสีย
นาลุ่มลุยนัวเนีย...ในน้ำ
นาดอนไม่อ่อนเพลีย...เสียเที่ยว
กอข้าวงอกงามล้ำ...ทุ่งพลิ้วรวงทอง
๐ นาดอนเก็บเกี่ยวแล้ว...แลหลัง
นาลุ่มน้ำท่วมขัง...เน่าแล้ว
ผลผลิตแบ่งปันยัง...นาลุ่ม
ไทยช่วยไทยให้แคล้ว...คลาดพ้นทุกข์ภัย
๐ นอกเหนือจากเรื่องข้าว...เรื่องนา
เรื่องอื่นยังพอหา...ส่วนได้
ประสบการณ์อันมีค่า...ความแกร่ง
อีกน้ำใจเราไซร้...มีให้โลกเห็น ๐๐ฯฯ
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๖ พฤศจิกา ๕๓

วันพฤหัสบดีที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

โชคร้าย แต่เคราะห์ดี

(ภาพตัวอย่างภูเขาไฟที่กำลังปะทุ
มีอยู่ในหลายประเทศ แต่ที่ประเทศไทยไม่มีแล้ว)
๑. เมืองไทย ของเรานี้....อุดมดี มีแผ่นดิน
ที่เป็น แหล่งทำกิน....มีทรัพย์สินอันโสภา
๒. อู่ข้าว คู่อู่น้ำ....วัฒนธรรม ล้ำเลอค่า
คนไทย แต่ไรมา....มีศรัทธา สามัคคี
๓. ผืนดิน ที่ราบลุ่ม....ใช้จนคุ้ม ทุกพื้นที่
ผลิตผล อันมากมี....เป็นโชคดี เหนือโชคใด
๔. แต่แล้ว ดังโชคร้าย....โลกกลับกลาย หลายพิสัย
ภาวะ โลกร้อนไซร้....มาทำให้ ไทยต้องเศร้า
๕. ที่ลุ่ม ใกล้แหล่งน้ำ....พื้นที่ต่ำ ใต้เชิงเขา
ถูกทับ ทนรับเอา....น้ำไหลเข้า เต็มอัตรา
๖. น้ำมา น้ำตาไหล....ไทยช่วยไทย ซับน้ำตา
แต่เรา ยังเบากว่า....หลายพารา ในโลกนี้
๗. เคราะห์ดี ที่เมืองไทย....แผ่นดินไหว เราไม่มี*
ภูเขาไฟ ดับเข้าที่....และไม่มี ทุพภิกขภัย ๐๐ฯฯ
..................
* แผ่นดินไหวอาจมีอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นรุนแรง

ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๕ พฤศจิกา ๕๓


วันพุธที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ฉากต่อไป

(ภาพจาก esanclick.com)
๑. เมื่อไม่นานเราเปลี่ยนฉากจากสีเขียว...เป็นน้ำเชี่ยวเจิ่งนองเต็มท้องที่
ทั้งถนนใหญ่น้อยซอกซอยมี...น้ำล้นปรี่เป็นคูคลองทุกช่องทาง
๒. มองทางไหนมีแต่น้ำไม่มีท่า...มองทุ่งนาดังคลื่นเห่ทะเลกว้าง
ภาพข้าวหลอนยิ่งทำให้ใจลอยคว้าง...สุดอ้างว้างวิเวกและวังเวง
๓. เมื่อน้ำมาไม่นานน้ำก็ไป...ไม่ทันไรพลันเปลี่ยนฉากอย่างรีบเร่ง
เป็นลมหนาวพัดกราวราวกับเพลง...ที่บรรเลงสั่นสะท้านบ้านสะเทือน
๔. ภาพผู้คนผิงไฟอิงไอฟ้า...ภาพไฟป่าหมอกควันนั้นยิ่งเหมือน
ม่านสลัวละครเศร้าเร้าใจเตือน...ไม่ลืมเลือนบทเศร้าปีเก่าก่อน
๕. ฉากต่อไปคงเดาได้ไม่ยาก...ดินแห้งผากแตกระแหงแข่งสิงขร
ความแห้งแล้งรุมรุกทุกดินดอน...ความรุ่มร้อนเผาดินแดนแสนกว้างไกล
๖. มันยังเป็นละครเก่าเศร้าซ้ำซาก...แต่ไม่อยากให้กังวลจนหวั่นไหว
ขอคนไทยจงเชื่อมั่นประเทศไทย...มาลัยน้ำใจมีให้กันทุกฉากตอน

ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๔ พฤศจิกา ๕๓


วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ข้าวลอยของคุณตา

(ข้าวลอย หรือข้าวฟางลอย หรือข้าวขึ้น้ำ หรือข้าวนาเมือง)
๑. ตอนฉัน เป็นเด็ก เล็กอยู่...น้ำท่วม ได้ดู ได้เห็น
ได้ลุย ได้ล่อง ได้เล่น...อยู่เป็นประจำ ทุกปี
๒. เคยช่วย ผู้ใหญ่ มุดน้ำ...เกี่ยวกำ รวงข้าว เร็วรี่
ยื้อแย่ง จากน้ำ ทันที...ก่อนที่ จมน้ำ เน่าไป
๓. ช่วงนั้น พวกปลา มีมาก...หลายหลาก กรายกรู หมู่ใหญ่
ตะเพียนขาว และปลาเรือนไฟ...เลาะไป กินข้าว ในนา
๔. พวกเกี่ยว ก็เกาะ เรือพ่วง...อีกพวก รับช่วง เสาะหา
ตาข่าย ขึงรับ จับปลา...ได้มา มากมาย หลายข้อง
๕. ส่วนที่ ผืนนา คุณตาฉัน...ตรงนั้น เป็นนา ตรงหนอง
ปกติ ก็มีน้ำนอง...คุณตาต้อง ปลูกข้าว ขึ้นน้ำ
๖. น้ำหลาก ข้าวค่อย ลอยเลื่อน...เป็นเหมือน แพเขียว คลาคร่ำ
ออกรวง ชูคอ พ้นน้ำ...ปล้องค้ำ ไม่จม ไม่ตาย
๗. น้ำสูง ไม่ห่วง รวงช้ำ...ลอยน้ำ แตกแขนง ยอดขยาย
ฟ่องฟู ชูรวง กระจาย...น้ำหาย เป็นแพ คลุมดิน
๘. แม้รวง ระเนระนาด...สามารถ เก็บเกี่ยวย ได้สิ้น
ทำให้ พอแก้ พอกิน...พอดิ้น พออยู่ ได้นาน
๙. พวกปลา ก็ทำ ปลาร้า...แลกหา ข้าวเปลือก ต่างบ้าน
ที่เคย ช่วยเหลือเจือจาน..................จึงวาน สืบสาน ข้าวลอย
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑ พฤศจิกา ๕๓

วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2553

แหล่งพลังงานอันวิเศษ

(ภาพจาก Baanmaha.com)

๑. หากเปรียบเปรยคนเป็นเช่นรถยนต์....ทั่วทุกหนไร่นาธัญญาหาร

เปรียบได้เป็นเช่นดังแหล่งพลังงาน....เปรียบได้ปานบ่อน้ำมันอันมากมาย

๒. เหล่าโรงโม่โรงสีที่บดแป้ง....ก็คือแหล่งต้มกลั่นอันมุ่งหมาย

แปรรูปเป็นน้ำมันส่งเรียงราย....พร้อมแจกจ่ายสถานีบริการ

๓. ปั๊มน้ำมันสำหรับคนมีอยู่ทั่ว....ทั้งโรงครัวภัตตาคาร ร้านอาหาร

หิวเมื่อใดรู้ได้โดยสัญชาตญาณ....ว่าต้องการเข้าเติมเพิ่มพลัง

๔. พืชพรรณข้าวให้พลังงานอันวิเศษ....ไร้ขอบเขตสร้างคนมีมนต์ขลัง

ให้คนเรามีความคิดมีกำลัง....สืบเผ่าพันธุ์ให้อยู่ยั้งและยืนยง

๕. ช่วยให้คนสร้างสังคมอุดมค่า....รู้รักษาตัวตนพ้นพิษสง

เสริมกลไกในร่างกายให้มั่นคง....เสริมปัญญาที่ธำรงความเป็นคน

๖. ให้มนุษย์หลุดพ้นแล้วค้นคว้า....นวัตกรรมอันก้าวหน้าอย่างมากล้น

ด้วยพลังงานอยู่ยงอย่างคงทน....ทำให้คนสูงค่ากว่าสัตว์ใด

๗. ควรที่คนร่วมมือสมัครสมาน....ช่วยสืบสาน "วัฒนธรรมข้าว" ไว้ให้ได้

เพื่อเป็นฐานพลังงานอันยิ่งใหญ่....อยู่รับใช้สังคมมนุษย์เรา

ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /




วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สิ่งที่พอเหลืออยู่

๑.ตุลาคม ปี ๕๓ มีน้ำมาก....ก็เนื่องจาก"คุณญ่า"แกมาเยี่ยม
แกแผลงฤทธิ์กว้างไกลไร้ทานเทียม....ดูโหดเหี้ยมดุร้ายไม่เมตตา
๒.สุดเศร้าโศกวิโยคใจให้ขื่นขม....เห็นนาล่มจมน้ำไปต่อหน้า
ข้าวกอดรวงจมหายไปต่อตา....พวกพืชผักที่ปลายนาเน่าเนืองนอง
๓.พริก ผักกาด ต้นหอม โหระพา....ทั้งแตงกวา มะละกอปลูกยกร่อง
ทั้งกระเพรา แมงลักกับฟักทอง....ปลูกมากมายก่ายกองพวกของกิน
๔.พอน้ำมาก็จมหายตายไปหมด....พอน้ำลดต้นเถาเน่าไปสิ้น
ที่พอเหลือ ผักบุ้งนา คลุมเต็มดิน....อีกกระถิน กระโดน ที่โพนนา
๕.อ้าวนั่นไง ผักกะแยงออกดอกสวย....ยังไม่ม้วยยืดยอดอยู่ชายป่า
แม้น้ำท่วมยังรอดเด็ดยอดมา....แล้วหาปลามาต้มแกงใส่แจ่วบอง
๖.ซดเข้าไปไล่ลมปมที่กลุ้ม....ลืมหนี้สินที่เร้ารุมสุมสมอง
หอมระรวยใจชื้นคืนเป็นกอง.....นาน้ำนองเหลือผักบุ้ง ผักกะแยง
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด ๒๙ ตุลา ๕๓ (ขณะนี้๓๖ จังหวัดโดนน้ำท่วมหนัก)

วันอังคารที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2553

คะนึงถึงปี่ซังข้าว

๑.ยามปลายฝนต้นหนาว..กรูกราวลมพัดหน้า
หอมกรุ่นกลิ่นดินหญ้า..พร่างพลิ้วทิวทอง
๒.เนืองนองรวงเบียดใบ..สดใสรวงทับซ้อน
ลมซัดเสียงสะท้อน..ซู่ซึ้งสุขสันต์
๓.ลงมือลงแรงกัน..เกี่ยวพืชพรรณอันแพร้ว
เก็บเกี่ยวกันหมดแล้ว..ไม่ได้เปล่าดาย
๔.ปล่อยควายเล็มตอซัง..ควายยังกินลูกข้าว
ควายอิ่มเอมอะคร้าว..ว่าคุ้มแรงควาย
๕.เดินกรายดึงตอซัง..ตัดยังปลายข้อข้อง
บีบแตกตรงหัวปล้อง..เป่าแล้วเป็นเสียง
๖.ประสานสอดสำเนียง..ถึงเพียงปี่ซังข้าว
แต่ก็หลอมใจน้าว..แนบแน่น ณ นา
...................
๗.ปีนี้อนิจจา..ในนามีแต่น้ำ
ตอซังยิ่งฟกช้ำ..เน่าแล้วไม่เหลือ
๘.พอจุนเจือทำปี่..จึงไม่มีปี่แก้ว
จนต้องทำใจแล้ว..ห่อนร้อนรนใจ
๙.แต่ภัยอันใหญ่หลวง..คนทั้งปวงขาดข้าว
ใจยิ่งสุดรอนร้าว..ร่ำไห้ระงม
๑๐.ควายก็ขมใจขื่น..ค่ำคืนนอนในน้ำ
ไม่มีฟางหอมล้ำ..เคี้ยวเอื้องซังเหม็น
..............
โคลงสามสุภาพ โดย ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๘ ตุลา ๕๓

วันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ร้อนโลก (ตอนที่ ๔ ราไฟ)

๑. ผู้ทำ โลกช้ำเฉา..คือพวกเรานี้ใช่ไหม
ลงมือ และลงไม้..คอยสุมไฟ ใส่เชื้อฟืน
๒. ดังนั้น จึงขอร้อง..เราทั้งผอง ใช่ใครอื่น
ช่วยกัน หาจุดยืน..ช่วยโลกฟื้น ทรมาน
๓. ควรเรา หันหน้ามา..ขันอาสา เข้าประสาน
ช่วยกัน ดำเนินการ..หยุดก่อการ แบบก่อกวน
๔. เริ่มต้น เลิกตัดไม้..รักษาไว้ ป่าสงวน
ปลูกเพิ่ม เติมต่อมวล..พฤกษาล้วน มากมีคุณ
๕. ลดใช้ พลังงาน..หยุดเผาผลาญ ธาตุเสื่อมสูญ
น้ำมัน อันต้นทุน..เสียสมดุล ที่ใต้ดิน
๖. ลดน้อย ปริมาณ..พลังงาน ที่เคยชิน
หันหา แสงระวิน..ไม่มลทิน แถมมากมาย
๗. พลังลม พลังน้ำ..ชีวภาพซ้ำ ย่อยสลาย
พลังคลื่น ซัดหาดทราย..พลังกาย ก็สำคัญ
๘. ไฟฟ้า ประหยัดไว้..ใช้ของใด ให้ยึดมั่น
"ฉลากเขียว" ควรดูกัน..เพราะของนั้น รักษ์โลกเรา
๙. ออกแบบ ของทุ่งอย่าง..ใช้แนวทาง ที่ไม่เขลา
พลังงาน ใช้บรรเทา..แล้วไม่เผา เพิ่มไฟฟืน
๑๐.ช่วยกัน ปลุกกระแส..ผู้นำแพร่ แนวคิดใหม่
เพื่อโลก ยืนยาวไป..ร่วมราไฟ ให้โลกเย็น
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๕ ตุลา ๕๓



วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2553

มหาราช "ที่รักของปวงชน"

๐ กำกุหลาบสีชมพูนั่งอยู่นาน

ก่อนกราบกรานเหนือเกล้าฯเข้าถวาย

ด้วยสำนึกพระมหากรุณาฯอันมากมาย



น้ำใจอันท่วมท้น กับน้ำฝนที่ล้นท่วม

๑.โอ้ว่า นาข้า นาข้าว..เห็นแล้ว ใจร้าว เศร้าหมอง
สะเทือน สะท้อน ย้อนมอง..น้ำนอง ท้องนา ท้าทาย
๒.ทุ่มเท ทำมา กับมือ..นี่หรือ คือฝัน อันหมาย
สวรรค์ ที่หวัง วอดวาย..หดหาย ที่เห็น เป็นเหว
๓.เดินทาง ทนทาน นานช้า..พลาดท่า คว้าลม ล้มเหลว
เคราะห์ร้าย พุ่งพรวด รวดเร็ว..ทั้งเลว ทั้งร้าย รวมกัน
๔.สุดฝืน ยืนสั่น งันงก..วิตก อกไหว ใจหวั่น
วันนี้ วันหน้า นานวัน..กว่าขวัญ กลับคืน ฟื้นใจ
..................................
๕.ท่ามกลาง หว่างทุกข์ กับทน..ผู้คน ล้นหลาม ถามไถ่
ทั้งที่ หนทาง ห่างไกล..ทั้งใกล้ ก็มา ปลอบปลุก
๖.หนุ่มสาว คนเฒ่า คนแก่..เผื่อแผ่ ผ่อนคลาย ความทุกข์
ข้าวของ จัดสรร ปันสุข..แบ่งเบา อยู่ทุก เวลา
๗.ยอมยาก ลำบาก ลำบน..ทุกคน ลัดเลาะ เสาะหา
พวกเขา ยอมเหนื่อย เมื่อยล้า..เพื่อมา มุ่งมั่น บรรเทา
๘.เห็นแล้ว ก่อเกิด กำลัง..มีหวัง หายโศก หายเศร้า
นี่หนอ พี่น้อง ไทยเรา..รุมเข้า ร่วมด้วย ช่วยกัน
๙.โอ้ว่า น้ำใจ ท่วมท้น..สูงกว่า น้ำฝน แล้วนั่น
คนไทย ไม่เคย ทิ้งกัน..ตื้นตัน สุดกลั้น น้ำตา
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒๓ ตุลา ๕๓

วันพฤหัสบดีที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ร้อนโลก (ตอนที่ ๒ เป็นไปแล้ว)

๑.ผลพวงจากภาวะเรือนกระจก..น่าวิตกโลกร้อนไม่ผ่อนหาย
น้ำแข็งที่ขั้วโลกเริ่มละลาย..การเคลื่อนย้ายเปลือกโลกก็รุนแรง
๒.แผ่นน้ำแข็งในพื้นโลกพังถล่ม..อีกล่มจมเลื่อนถอยธารน้ำแข็ง
ฤดูกาลแบบเดิมเริ่มเปลี่ยนแปลง..ความแห้งแล้งพายุ ฝน อลเวง
๓.อุณหภูมิสูงระดับขยับเรื่อย..การเน่าเปื่อยซากพืชสัตว์อัตราเร่ง
ไฟลามป่าฟ้าสลัวน่ากลัวเกรง..ฝนละเลงดินถล่มโคลนตมนอง
๔.น้ำทะเลสูงขึ้นกลืนชายฝั่ง..กระทบยังสัตว์หลายพันธุ์นั้นหม่นหมอง
ย้ายถิ่นฐานขึ้นที่สูงมุ่งครอบครอง..ดินแดนของสัตว์อื่นเห็นดื่นไป
๕.การย้ายที่พืชสัตว์ขัดระบบ..อพยพมั่วสนั่นเกิดหวั่นไหว
ทั้งสับสนทิศทางที่จะไป..มีทั้งไร้ถิ่นที่อย่างหมีขาว
๖.บางพืชพรรณผลิใบได้เร็วขึ้น..ด้วยความร้อนความชื้นไล่ความหนาว
พืชผลิตสารบางอย่างบางครั้งคราว..จึงนำเอาภูมิแพ้แพร่กระจาย
๗.มีหลายแห่งทะเลสาบท่สาบสูญ..น้ำต้นทุนระเหยแห้งเหือดหาย
จุลินทรีย์พันธุ์ใหม่เกิดมากมาย..อันตรายแพร่เข้าสู่ในหมู่คน
๘.สิ่งที่มีชีวิตบางเผ่าพันธุ์..ต้องสูญสิ้นสายพันธุ์อันมีผล
มีบางสายกลายพงศ์ไม่คงทน..จึงสับสนอ่อนไหวในสายพันธุ์
๙.การเปลี่ยนไปในวิถีแห่งชีวิต..ยากพิชิตเกินแก้ความแปรผัน
นาฬิกาชีวภาพปรับไม่ทัน..จึงป่วนปั่นหวั่นไหวในทุกทาง
๑๐.ขอถามว่าน่ากลัวใช่หรือไม่..ฝากเอาไว้ให้คิดสะกิดบ้าง
เป็นไปแล้วอย่านอนใจอย่าปล่อยวาง..จงช่วยสร้างภูมิคุ้มกันแก่โลกา
ศักดิ์เรือง วลี /๒๐ ตุลา ๕๓



ร้อนโลก (ตอนที่ ๑ อุ่นโลกจนร้อน)

๑.ก๊าซเรือนกระจกหุ้ม รอบหาว
โลกอุ่นอบไอราว ห่มผ้า
ตอนแรกโลกหายหนาว ดีอยู่
พอผ่านไปนานช้า เริ่มร้อนสะสม
๒.โลกรับแต่แรงร้อน รังสี
ยากส่งคืนระวี คลายร้อน
บรรยากาศเพิ่มมากมี มวลใหม่
มลพิษส่งทับซ้อน อบอ้าวไอวน
๓.คาร์บอนไดออกไซด์ สังเคราะห์
ไนตรัสออกไซด์เกาะ กำแพงกั้น
มีเทนหมักบ่มเพาะ พอกเพิ่ม
เป็นผืนผ้าหลายชั้น ห่มให้โลกเรา
๔.ทุกมือบนโลกนี้ ร่วมทอ
สานเยื่อถักใย ม- รณะ ขึ้น
ยามใดกันเล่าหนอ จักคลี่
เอาออกพอช่วยฟื้น โลกให้หายใจ
ศักดิ์เรือง วลี /๑๘ ตุลา ๕๓

ขอใจให้ควาย

๑.สัตว์เอ๋ยสัตว์ ในโลกนี้
ล้วนแต่มีความผูกพันกันทุกหน
ทั้งเกี่ยวข้องกับวิถีชีวีคน
หนีไม่พ้นเป็นเพื่อนร่วมโลกไป
๒.สัตว์บางพันธุ์ใกล้ชิดสนิทยิ่ง
ได้พึ่งพิง พึ่งพา อิงอาศัย
ยิ่งสายพันธุ์สัตว์เลี้ยงของชาติไทย
เป็นดังมิตรที่ชิดใกล้เคยใช้งาน
๓.เช่นช้างม้าวัวควาย หลายประเภท
มีคุณค่าพิเศษมหาศาล
สัตว์แสนรู้ที่มีคุณูปการ
รับเหตุการณ์คู่ชาติคู่แผ่นดิน
๔.ลองพินิจให้ชัดสัตว์พันธุ์หนึ่ง
เป็นที่ซึ้งบรรยายไม่จบสิ้น
ถึงบุญคุณที่ฝากไว้ในธรณินทร์
ช่วยเสริมสร้างที่ทำกินอย่างเกลียวกลม
๕.หลายพันปีผ่านมาทำหน้าที่
ให้เรามีที่เพาะปลูกจนสุขสม
ช่วยบุกเบิกนาสวนควรชื่นชม
ดินอุดมสมพืชพรรณพวกธัญญา
๖.สมัยก่อนไม่มีเครืองจักรกล
ผู้ช่วยคนคือควายผู้เชื่องช้า
ลากคราดไถเทียมเกวียนในไร่นา
สร้างสังคมพัฒนามาถูกทาง
๗.ทำให้คนมีกินไม่ขาดแคลน
เสริมแว่นแคว้นมั่นคงในโครงสร้าง
เพิ่มขยายเศรษฐกิจหลายทิศทาง
พร้อมปลูกฝังภูมิปัญญาประชาไทย
๘.ควายกับคนดิ้นรนมาด้วยกัน
ร่วมรังสรรค์ประสบการณ์อันยิ่งใหญ่
กลายเป็นฐานเศรษฐกิจ ประสิทธิ์ชัย
ที่ชาติไทยจักรุ่งเรืองนิรันดร
๙.มาวันนี้มีจักรกลคนลืมเจ้า
จึงวอนเว้าขอใจให้กาสร
อนุรักษ์จุนเจือเอื้ออาทร
นำควายย้อนคืนนาอีกคราเอย
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๒ ตุลา ๕๓

ร้อนโลก (ตอนที่ ๓ เรื่องของเด็กๆ)

๑.มีสองคำควรจำให้ขึ้นใจ..ถึงไม่ใช่คำใหม่เท่าใดนัก
เพราะว่าคนทั่วไปก็รู้จัก..เคยท้วงทักต่อเหตุการณ์มานานช้า
๒.สองคำนี้นำวจีชี้ให้เห็น..ภาษาสเปน "เอลนิโญ่" "ลานิญ่า"
ลานิญ่าหมายถึง "บุตรธิดา"..เอลนิโญ่ แปลว่า "บุตรของพระเจ้า"
๓.การเปลี่ยนแปลงแห่งภูมิอากาศ..นั้นสามารถเปลี่ยนโลกให้โศกเศร้า
การไหลเวียนกระแสน้ำก็ทำเอา..โลกอับเฉาเฉไฉไปไม่หยุด
๔.เอลนิโญ่เกิดจากลมสินค้าอเมริกาใต้..พัดเลียบไปชายฝั่งมหาสมุทร
กระแสน้ำเย็นออสเตรเลียกลับไหลรุด..ขนาศูนย์สูตรย้อนทวนไหลสวนทาง
๕.เกิดแห้งแล้งทางตะวันตกอเมริกาใต้..ทั้งทำให้ออสเตรเลีย-เอเซีย หมาง
มีฝนน้อยแล้งร้อนค่อนระคาง..คนอ้างว้างไร้ฝนจนอาวรณ์
๖.ลานิญ่าเป็นเหตุการณ์ตรงกันข้าม..อุณหภูมิของน้ำลดความร้อน
เขตศูนย์สูตรแปซิฟิกองศาอ่อน..ผลสะท้อนเกิดพายุ เฮอริเคน
๗.ทางตะวันตกเฉียงเหนือแปซิฟิก..เกิดผันพลิกฝนตกไม่มีเว้น
พายุฝนในเอเซียก็เกินเกณฑ์..คงเคยเห็นฝนถล่มจมบ้านเมือง
๘.รายละเอียดปลีกย่อยยังมีมาก..แต่ก็ยากบรรยายได้ทุกเรื่อง
ด้วยภาษาบทกลอนค่อนฝืดเคือง..ใช้สิ้นเปลืองเกรงความหมายจะผันแปร
๙.ที่สำคัญอยากให้ได้ตระหนัก..ว่าโลกรักของเราเศร้าแน่แน่
หากโลกร้อนอ่อนไหวจนอ่อนแอ..ผ้ต้องแก้และป้องกันนั้น "พวกเรา"
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒๒ ตุลา ๕๓

วันจันทร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2553

หนาวในใน

หนาวในใน
๐ แม้หนาวฝน หนาวลม แสนขมขื่น
พอทนฝืน หนาวกาย ได้เสมอ
แม้เรื่องร้าย มากมี ที่ผ่านเจอ
ก็เพียงเพ้อ พร่ำบ่น แล้วทนไป
๐ แต่คราวนี้ หนาวในใน ใจสะท้อน
วิญญาณหลอน ขวัญหล่น ทนไม่ไหว
ที่เมืองร้าง นาล่ม บ้านจมไป
เห็นวิบัติ บรรลัย เต็มนัยน์ตา
๐ ข้าวจะกิน ใช่แต่ห่วง ในช่วงนี้
ช่วงต่อไป เป็นปี ถึงปีหน้า
เงินใช้สอย จะได้ จากใดมา
ให้เหน็บหนาว อุรา น้ำตาคลอ
............
๐ ได้ยินเสียง ร้องออกมา ว่าสู้สู้
ลมหายใจ เรายังอยู่ จงสู้ต่อ
สังคมไทย ไม่ทิ้งกัน มั่นใจพอ
ขออย่าท้อ อย่าอดสู สู้ต่อไป
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑๙ ตุลา ๕๓
ช่วงที่มีน้ำท่วมหนักที่สุดในหลายจังหวัด

วันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ชีวิตกับนิยาย

๐ ชีวิตจริงยิ่งกว่าในนิยาย
ในเรื่องจริงกับนิยายคล้ายกันยิ่ง
มีมากมายที่นิยายเป็นเรื่องจริง
ทั้งนิยายทั้งเรื่องจริงอ้างอิงกัน
๐ โปรดจงใช้วิจารณญาณในการดู
ทั้งเรื่องสู้เรื่องทุกข์เรื่องสุขสันต์
แยกให้ออกบอกให้รู้ดูให้ทัน
ว่าเรื่องจริง-นิยาย นั้นมันช่วงใด
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๖ ตุลา ๕๓

วันพฤหัสบดีที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2553

๑๔ ตุลา

๐ ๑๔ ตุลาโน้น เราสู้เพื่อผู้ใด
๑๔ ตุลานั้น ประชาธิปไตยเราใฝ่หา
๑๔ ตุลานี้ พอมีหวังดังไขว่คว้า
๑๔ ตุลาหน้า ขอเต็มใบได้ไหมเอย
...............
(๑๔ ตุลาหน้า ขอเต็มใบ..ไปนิรันดร์) ๐๐ฯฯ
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑๔ ตุลา ๒๕๕๓