วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554

เพื่อความเหมาะสม

๐ กระถางไม้ เคยสง่า อยู่หน้าบ้าน

เกิดรำคาญ ยกไป ไว้ด้านหลัง

แล้วนำเอา ต้นใหม่ ออกไปตั้ง

โดยวาดหวัง ชื่นใจ ได้เชยชม

๐ เก้าอี้นั่ง โต๊ะตู้ อยู่ด้านข้าง

ย้ายที่ทาง โดยอ้าง ความเหมาะสม

ไม่คำนึง ถึงฮวงจุ้ย ทางน้ำลม

เหมือนมีปม ไม่สนใจ ใครทัดทาน

๐ ความเหมาะสม บรรทัดฐาน มันอยู่ไหน

วิชาใด ที่เป็นศาสตร์ มาตรฐาน

วอนผู้รู้ คุรุ วิชาการ

ช่วยวิพากษ์ วิจารณ์ ผ่านสื่อที

...๒๒ กันยา ๕๔..

วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2554

กระดานชนวน

...๑...

๐ เห็นกระดาน ชนวน ชวนนึกถึง.....ในช่วงหนึ่ง ที่เลยผ่าน นานนักหนา

ได้เล่าเรียน เขียนอ่าน มานานช้า.....จากกระดาน แผ่นหนา เพียงแผ่นเดียว

๐ ทั้งเขียนเลข ฝึกหัด คัด ก.ไก่.....เว้นช่องไฟ ฝึกฝน จนชาญเชี่ยว

ได้วาดรูป ขีดเขียน คล่องนักเชียว....ดินสอหิน เพียงแท่งเดียว ทำได้ดี

๐ ยามเลิกเรียน ระหว่างจร ยังร่อนเล่น.....ใช้มันเป็น จานบิน ไปเสียนี่

บางคนทำ กรอบพัง ยังโดนตี.....แต่ก็มี ใจผูกพัน กระดานชนวน

...๒...

๐ สมัยนี้ สังคมไทย เปลี่ยนไปมาก.....อุปกรณ์ มีหลายหลาก นับไม่ถ้วน

ทันสมัย ชวนสนุก ทุกกระบวน.....แม้จะลืม กระดานชนวน ไม่ว่ากัน

๐ ใช้แท็บเล็ต ทัชสกรีน ทั้งลาก-กด.....อย่าลืมบท ลืมบาท วาดความฝัน

อย่าลืมคิด ลืมไขว่คว้า หาชีวัน.....อย่าลืมเลือก ลืมสรร แต่ส่วนดี

.........

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๗ กันยา ๕๔

วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554

บาดแผลอันสากรรจ์ของสันติภาพ



(ภาพเหตุการณ์มหาวินาศกรรม ตึกเวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์ เมืองนิวยอร์ค เมื่อ ๑๑ กันยายน ๒๕๔๔)

๑. สันติภาพโลกร่วมสร้าง.....สั่งสม

สันติสุขที่สังคม....ไขว่คว้า

มวลมนุษย์ที่เกลียวกลม....กำลังก่อ

ดาบอสูรดั่งสายฟ้า....ฟาดเปรี้ยงปราศสูญ

๒. อับอายไปทั่วทั้ง....เอกภพ

ฉากรักถูกปิดจบ....ไปแล้ว

ละครโลกเริ่มฉากรบ....รอบใหม่

อีกเนิ่นนานกว่าแพร้ว....เพริศพริ้งฉากฝัน

๓. ผ่านมาจงผ่านพ้น....ผ่านไป

ลบเถิดลบรอยไฟ....พินาศไหม้

ลืมเถิดลืมเภทภัย....พิษเก่า

รวมพลังรักใหม่ได้....อย่าให้ดาวอื่นหยัน ๐ฯฯ

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด ๑๑ กันยา ๕๔

วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2554

กอไผ่กับสายลมที่เปลี่ยนทาง



(ทุกครั้งที่มองเห็นทิวไผ่ลู่ลมก็อดนึกถึงบรรดาข้าราชการในยามที่ฝ่ายบริหารเปลี่ยนขั้ว ทำให้ป่วนปั่นวุ่นวายใจไปตามๆกัน)


ธรรมชาติ ธรรมดา ของป่าไผ่....มันย่อมไหว เอนลำ ตามลมลู่


ทั้งแถวทิว เปลี่ยทิศทาง ต่างฤดู....เพื่อหยัดอยู่ ทำหน้าที่ กันต่อไป


๐ ครั้นสายลม ปั่นป่วน เปลี่ยนทางบ่อย....ไผ่ก็พลอย หมุนคว้าง ทิศทางใหม่


แม้ขุ่นเคือง อยู่บ้าง ข้างในใจ....แต่กอไผ่ ทุกกอ ก็พร้อมเบน


๐ ถ้าคิดตัด กอไผ่ ให้ตรองก่อน....อย่าตัดทอน ด้วยโกรธแค้น เพราะเคยเห็น


ว่าก่อนนี้ เคยโยน โอนยอดเอน....เอาปลายเบน ลู่ลง ตรงข้ามตน


๐ อย่าฟาดฟัน ด้วยเหตุผล คนอื่นปลูก....อย่าดูถูก จงมองค่า หาเหตุผล


อย่าใช้แรงอำนาจลม อันมากล้น....สร้างรอยหม่น หมองไหม้ แก่ไผ่เลย ๐ฯฯ


....๔ กันยา ๕๔...


วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554

วอนวิญญาณ สืบ นาคะเสถียร

๐ "สืบ" พลีชีพเพื่อให้....สังคมเห็น

สืบป่าสืบประเด็น....เดินหน้า

สืบสงวนส่วนบำเพ็ญ....พิทักษ์ป่า

วิญญาณ "สืบ"ผู้กล้า....ช่วยด้วยป่าหายน์*

*หายน์ หมายถึงหายนะ

......

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑ กันยา ๕๔

วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2554

คนกับข้าว

(ภาพเขียนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ บนผนังถ้ำผาหมอนน้อย อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี

แสดงให้เห็นถึงการรู้จักปลูกข้าวและใช้แรงงานควายในสมัยโบราณ ราว ๕,๐๐๐ ปีมาแล้ว

พันธุ์ข้าวที่ปลูกในสมัยแรกๆจะเป็นข้าวเหนียว ซึ่งชนิดเมล็ดใหญ่จะงอกงามดีในที่สูง

ส่วนชนิดเมล็ดป้อมจะงอกงามดีในที่ลุ่ม ..ภาพและข้อมูลจาก sujitwongthes.com)

๑. พ่อแม่สอน ให้รู้บุญ รู้คุณข้าว....กว่าจะเป็น เมล็ดขาว พราวสลอน

ผ่านกรรมวิธี มากมาย หลายขั้นตอน....ผ่านเย็นร้อน น้ำฝน ปนแดดลม

๒. ทั้งแรงคน แรงวัวควาย ช่วยคราดไถ....ทั้งแรงใจ แรงหวัง ทั้งหวานขม

ทั้งดีร้าย สุขทุกข์ ทั้งลุกล้ม....มันเป็นปม เป็นไป ในท้องนา

๓. คนทำนา บ่าด้าน มือกร้านดำ....ใบหน้าคล้ำ หลังโค้ง โก่งแขนขา

แววตาหม่น คิ้วขมวด ปวดนัยน์ตา....ใส่เสื้อผ้า ขาดวิ่น กลิ่นเหงื่อไคล

๔. ก่อนได้ข้าว สักเกวียน เวียนหัวบ่อย....ช่วงน้ำน้อย คอยฝน จนร่ำไห้

ช่วงน้ำหลาก ภาวนา อย่าพบภัย....ขออย่าให้ ข้าวเน่า น้ำเนานาน

๕. เรื่องของข้าว มิใช่แค่ แก้หิวโหย....หอมข้าวโชย กลิ่นไอ คล้ายไขขาน

บอกเรื่องราว ลึกล้ำ คล้ายตำนาน....เหมือนข้าวมี วิญญาณ ในบุญญา

๖. วอนกินข้าว หมดจด เมื่อคดข้าว....วอนมองข้าว อย่างเชิดชู รู้คุณค่า

วอนให้เกียรติ อุ้มชู ผู้ทำนา....วอนรักษา วัฒนธรรม ทำนาไทย ๐ฯฯ

................

บ้านแมกไม้ หมู่บ้านทุ่งนาหลวง ร้อยเอ็ด /๒๘ สิงหา ๕๔



วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2554

E.POP (กรุณาอย่าอ่านว่า "อีปอบ")

(การแสดงหมอลำของภาคอีสาน มีหลากหลายรูปแบบ คำร้องก็ดี ทำนองก็ดีรวมไปถึงท่าฟ้อนรำ มีความงดงาม

มีความไพเราะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น และยังมีความเป็นสากลคือความสนุกสนานเร้าใจ ถ้ามีการปลุกกระแส

และส่งเสริมให้แพร่หลาย ก็สามารถทำให้เป็นที่นิยมไปในระดับสากลได้ ในต่างประเทศเขายังสร้างกระแสให้วันรุ่นไทย

คลั่งไคล้ได้ อย่างเช่น J.POP ของญี่ปุ่น และ K.POP ของเกาหลี ของเราอาจจะเรียกเป็น E.POPหรือ อีสานป๊อปก็ได้)

๐ ต่างชาติยังเร่งเร้า....ปลุกกระแส

เราไม่คิดดูแล....ต่อต้าน

วัฒนธรรมโดนรังแก....ลามไล่

ไม่นานทั้งเมืองบ้าน....ล่มร้างสมบัติศิลป์

๐ ศิลปะทุกภาคล้วน....ตระการ

คนรุ่นหลังควรสาน....สืบไว้

หลายอย่างมีมาตรฐาน....ระดับโลก

เป็นศิลป์สากลได้....เร่งฟื้นส่งเสริม ๐ฯฯ

บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๗ สิงหา ๕๔