วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

รักร่วมชาติ

๐ เอาแดดลม ประสมน้ำ ประสมฟ้า
เอาหินผา ดินทราย หมายประสาน
เอาพืชพรรณ อัญมณี มีประมาณ
เอาข้าวปลา อาหาร อันอุดม
๐ เอาบรรดา สิ่งดี ที่มีค่า
เอาเข้ามา รวมกัน ผสาน ผสม
เป็นสมบัติ เป็นคุณค่า ของสังคม
หว่านไปพรม พรายพร่าง อย่างสมดุล
๐ ความประสงค์ หวังขจัด ความขัดแย้ง
คนร่วมแรง ร่วมใจ ไม่ว้าวุ่น
เลิกรบรา ฆ่าฟัน หันเจือจุน
ให้ต้นทุน มีเท่า มีเทียมกัน
๐ เกิดมาแล้ว ร่วมกัน ในชาตินี้
อยากให้ มีจิตใจ ใฝ่รักมั่น
"รักร่วมชาติ" ในชาตินี้ ขอเท่านั้น
ชาติหน้ามันเป็นเช่นไร ไม่ขอเลย
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๐ พฤศจิกา ๕๓

วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ปัญหาที่มองเห็น (แบบชาวบ้าน)

(ภาพบึงพลาญชัยกลางเมืองร้อยเอ็ด ..ซึ่งเป็นเมืองที่วางผังเมืองดีมาแต่โบราณ คือมีคูน้ำรอบเมือง
และยังมีบึงใจกลางเมือง เมื่อมีการขุดลอกให้ดี สามารถระบายน้ำได้ดีและรวดเร็ว น้ำจึงไม่ท่วมเมือง)
๑. โบราณ การสร้างเมือง...นับเป็นเรื่อง ละเอียดอ่อน
ที่ตั้ง แห่งนาคร...เป็นที่ดอน จึงจะดี
๒. ไม่ไกล จากแหล่งน้ำ...ช่วยชูค้ำ นำสุขี
หล่อเลี้ยง โลมชีวี...สมเป็นที่ เพาะพืชพรรณ
๓. คูน้ำ ขุดรอบเมือง...นับเป็นเรื่อง ที่เหนือชั้น
ข้าศึก หากโรมรัน...มีน้ำกั้น ยากรุกราน
๔. อีกทั้ง เป็นพื้นที่...รองวารี ของเมืองบ้าน
ไหลลง ระบายธาร...ไม่ร้าวราน ยามน้ำหลั่ง
๕. เมืองเก่า ณ วันนี้...ทุกถิ่นที่ น้ำท่วมขัง
ด้วยว่า การวางผัง...ขยายยัง แถบชานเมือง
๖. ที่อาศัย บ้านจัดสรร...ถมดินกัน อย่างสิ้นเปลือง
รายรอบ ชายขอบเคือง...ทางเลี่ยงเมือง แถมเข้าไป
๗. ดินสูง จึงปิดล้อม...ถนนอ้อม โอบเมืองไว้
ตัวเมือง ดังกระทะใหญ่...รับการไหลคืนวารี
๘. ลำห้วยและคลองซอย...ร่องใหญ่น้อย ที่เคยมี
ถูกถม ตันทุกที่...ไม่เห็นมี เหลือห้วยใด
๙. น้ำหลาก อย่าโทษน้ำ...ธรรมชาติ น้ำต้องไหล
จากสูง ไล่ลงไป...ลงต่ำใต้ ธรรมดา ๐๐ฯฯ
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๙ พฤศจิกา ๕๓

วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

น้ำก้อนใหญ่

๐ อันภาษา พาสื่อสาร ผ่านสมัย
มีเกิดใหม่ ใส่สีสัน มาเสมอ
ใช้บางถ้อย ร้อยคำ เรียงบำเรอ
คงได้เจอ ได้นำ จำนรรจา
๐ จากการเกิด อุทกภัย ในปีนี้
ทำให้มี อุบัติ วัจนะภาษา
เป็นรายงาน ข่าวสาร ผ่านสื่อมา
"น้ำก้อนใหญ่ ไหลบ่า จากเขื่อนชลฯ"

ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๘ พฤศจิกา ๕๓


วันเสาร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

นับถือ

๑. เห็นพี่น้องของเราชาวปักษ์ใต้....โดนพิษภัยพายุซัดพัดถล่ม
เรือประมงหลายลำคว่ำล่มจม....ทั้งวิกฤติดินพังถมถึงล้มตาย
๒. อีกบ้านช่องทรัพย์สินพังสิ้นหมด....สุดรันทดญาติพี่น้องต้องสูญหาย
ที่ทำกิน สวนยางถูกทำลาย....คนไม่ตายก็เหมือนตายไปทั้งเป็น
๓. ก่อนหน้านี้นับสิบปีไม่มีสุข....มีแต่ทุกข์คุกคามเป็นว่าเล่น
ทั้งระเบิดปืนเปรี้ยง เสี่ยงเช้าเย็น....มีการฆ่าการเข่นเป็นรายวัน
๔. มาวันนี้เคราะห์กรรมซ้ำเติมใส่....โอ้พี่น้องชาวใต้ไหวไหมนั่น
เห็นหลายคนยังยิ้มได้ไม่มีหวั่น....ทำใจได้อย่างไรกันนั่นยอดคน
๕. จึงนับถือในจิตใจของพี่น้อง....ขอยกย่องชูเชิดอย่างเลิศล้น
ขอส่งใจเอาใจช่วยทุกทุกคน....ให้ผ่าพ้นวิกฤติการณ์กันเสียที
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๗ พฤศจิกา ๕๓


วันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

มีได้ มีเสีย

๐ น้ำมากมีผลได้...ผลเสีย
นาลุ่มลุยนัวเนีย...ในน้ำ
นาดอนไม่อ่อนเพลีย...เสียเที่ยว
กอข้าวงอกงามล้ำ...ทุ่งพลิ้วรวงทอง
๐ นาดอนเก็บเกี่ยวแล้ว...แลหลัง
นาลุ่มน้ำท่วมขัง...เน่าแล้ว
ผลผลิตแบ่งปันยัง...นาลุ่ม
ไทยช่วยไทยให้แคล้ว...คลาดพ้นทุกข์ภัย
๐ นอกเหนือจากเรื่องข้าว...เรื่องนา
เรื่องอื่นยังพอหา...ส่วนได้
ประสบการณ์อันมีค่า...ความแกร่ง
อีกน้ำใจเราไซร้...มีให้โลกเห็น ๐๐ฯฯ
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๖ พฤศจิกา ๕๓

วันพฤหัสบดีที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

โชคร้าย แต่เคราะห์ดี

(ภาพตัวอย่างภูเขาไฟที่กำลังปะทุ
มีอยู่ในหลายประเทศ แต่ที่ประเทศไทยไม่มีแล้ว)
๑. เมืองไทย ของเรานี้....อุดมดี มีแผ่นดิน
ที่เป็น แหล่งทำกิน....มีทรัพย์สินอันโสภา
๒. อู่ข้าว คู่อู่น้ำ....วัฒนธรรม ล้ำเลอค่า
คนไทย แต่ไรมา....มีศรัทธา สามัคคี
๓. ผืนดิน ที่ราบลุ่ม....ใช้จนคุ้ม ทุกพื้นที่
ผลิตผล อันมากมี....เป็นโชคดี เหนือโชคใด
๔. แต่แล้ว ดังโชคร้าย....โลกกลับกลาย หลายพิสัย
ภาวะ โลกร้อนไซร้....มาทำให้ ไทยต้องเศร้า
๕. ที่ลุ่ม ใกล้แหล่งน้ำ....พื้นที่ต่ำ ใต้เชิงเขา
ถูกทับ ทนรับเอา....น้ำไหลเข้า เต็มอัตรา
๖. น้ำมา น้ำตาไหล....ไทยช่วยไทย ซับน้ำตา
แต่เรา ยังเบากว่า....หลายพารา ในโลกนี้
๗. เคราะห์ดี ที่เมืองไทย....แผ่นดินไหว เราไม่มี*
ภูเขาไฟ ดับเข้าที่....และไม่มี ทุพภิกขภัย ๐๐ฯฯ
..................
* แผ่นดินไหวอาจมีอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นรุนแรง

ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๕ พฤศจิกา ๕๓


วันพุธที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ฉากต่อไป

(ภาพจาก esanclick.com)
๑. เมื่อไม่นานเราเปลี่ยนฉากจากสีเขียว...เป็นน้ำเชี่ยวเจิ่งนองเต็มท้องที่
ทั้งถนนใหญ่น้อยซอกซอยมี...น้ำล้นปรี่เป็นคูคลองทุกช่องทาง
๒. มองทางไหนมีแต่น้ำไม่มีท่า...มองทุ่งนาดังคลื่นเห่ทะเลกว้าง
ภาพข้าวหลอนยิ่งทำให้ใจลอยคว้าง...สุดอ้างว้างวิเวกและวังเวง
๓. เมื่อน้ำมาไม่นานน้ำก็ไป...ไม่ทันไรพลันเปลี่ยนฉากอย่างรีบเร่ง
เป็นลมหนาวพัดกราวราวกับเพลง...ที่บรรเลงสั่นสะท้านบ้านสะเทือน
๔. ภาพผู้คนผิงไฟอิงไอฟ้า...ภาพไฟป่าหมอกควันนั้นยิ่งเหมือน
ม่านสลัวละครเศร้าเร้าใจเตือน...ไม่ลืมเลือนบทเศร้าปีเก่าก่อน
๕. ฉากต่อไปคงเดาได้ไม่ยาก...ดินแห้งผากแตกระแหงแข่งสิงขร
ความแห้งแล้งรุมรุกทุกดินดอน...ความรุ่มร้อนเผาดินแดนแสนกว้างไกล
๖. มันยังเป็นละครเก่าเศร้าซ้ำซาก...แต่ไม่อยากให้กังวลจนหวั่นไหว
ขอคนไทยจงเชื่อมั่นประเทศไทย...มาลัยน้ำใจมีให้กันทุกฉากตอน

ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๔ พฤศจิกา ๕๓