วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

สร้อยสายเพชร

๐ บรรจงไล่เรียงร้อย สร้อยสาย
เพชรพร่างอยู่พราวพราย เพริดพริ้ง
ดิน แดด ไม่ดูดาย ลมเร่ง
ธาราไม่ทอดทิ้ง ช่วยฟ้าเจียระไน ๐ฯฯ
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒๑ ธันวา ๕๓

วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2553

สงครามน้ำ สงครามดิน

(ภาพแกะสลักฟาโรห์รามเสสที่ ๒ ในสงครามคาเด็ช)
๑. การสงครามอิงอาศัยในเหตุหลัก....โดยอ้างเอาเกียรติศักดิ์ต้องรักษา
อีกเพื่อผลประโยชน์ฝ่ายอัตตา....หรือลงโทษาเหล่าริปูให้ปราชัย
๒. การฆ่าฟันรบพุ่งมุ่งอำนาจ....ชิงสิทธิ์ขาดให้คงอยู่ผู้ยิ่งใหญ่
สันติภาพจักเกิดมีเมื่อมีชัย....กับข้างใดข้างหนึ่งจึงเลิกรา
๓. คงเคยเห็นเคยรู้อยู่เสมอ....คงได้เจอการโรมรันผันทีท่า
รูปแบบของสงครามพัฒนา....เป้าหมายการรบราสารพัน
๔. อีกไม่นานคงเห็นสงครามน้ำ....ยกพวกนำเข่นฆ่าให้อาสัญ
เพื่อแย่งชิงทรัพยากรอันสำคัญ....ทั้งโรมรันรุกเข้าเอาที่ดิน
๕. พื้นดินแห้งรุมแย่งเอาแหล่งน้ำ....ดินชุ่มฉ่ำคนส่วนใหญ่ใฝ่ถวิล
ทำสงครามยื้อยุดยึดที่ดิน....ไว้ทำกินกันตายต่อต่อไป
๖. ไม่สนใจที่ไปหรือที่มา....ไม่คิดว่าน้ำนั้นมาจากไหน
ไม่สนใจว่าดินนั้นเจ้าของใด....เมื่ออยากได้ใช้กำลังเข้ายึดครอง
๗. รีบช่วยกันวางกฎกติกา....ก่อนสังคมภายหน้าจักหม่นหมอง
ก่อนสงครามดิน-น้ำ ทำเลือดนอง.....ก่อนถิ่นทองของไทยถูกไฟลาม
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒๐ ธันวา ๕๓

วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ถามใจ

(ภาพใบโพสามสี เป็นรูปหัวใจสีขาว)
๑. ขอถามใจของหัวใจไหวไหมนั่น....โดนกระแทกกระทั้นหวั่นไหวไหม
โดนแรงบีบแรงบดกดข้างใน....ทั้งแรงใหญ่แรงน้อยคอยทุบตี
๒. เห็นน้ำอดน้ำทนนั้นสุดยอด....โดนตลอดยังทนจนได้ที่
ยิ่งทนทานยิ่งโดนสับทับทวี....แล้วแบบนี้จะทนไปได้กี่น้ำ
๓. เมื่อยามป่วยไข้รุมเข้าจนหนาวเหน็บ....เมื่อยามเจ็บยังโถมแรงแทงกระหน่ำ
เมื่อยามล้มก็ยังรุมกระทืบซ้ำ....คนจัญไรก็กระทำหยามพักตรา
๔. จึงถามใจของหัวใจยังไหวไหม....ถ้าทนได้ทนสู้อยู่เถิดหนา
ถ้าไม่ไหวเกินพิกัดเต็มอัตรา....จะหยุดเต้นก็ไม่ว่าหยุดไปเลย
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / เขียนไว้เมื่อ ๙ ธันวา ๕๓
หมายเหตุ วรรคที่เป็นสีน้ำเงิน ขอยืมมาจากบทบันทึกอันขมขื่นในบั้นปลาย
ชีวิตของเจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน)ราชทูตคนสำคัยในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์
มหาราช ท่านบันทึกไว้ว่า
"๐ ยามจนคนมันก็ดูหมิ่น....ไอ้หน้าส้นตีนมันก็หลู่ดูถูกได้
ชาติขี้ข้าก็ชะล่าบังอาจใจ....คนจัญไรก็กระทำหยามพักตรา
๐ ยามรวยราวจะโลดแผ่นดินเหิน....จะนั้งนอนยืนเดินเด่นสง่า
นี่ถึงคราวแล้วโอ้พยัคฆา....ต้องกลายเป็นวิฬาร์ไปตามกรรม"
อ่านแล้วสะใจมากเข้ากับชีวิตเราจริงๆ ..ถึงคราวตกอับเสือก็กลับกลายเป็นแมวไปได้เหมือนกัน

อ่อนกับแข็ง

๑. น่าเป็นห่วงสังคมไทยเป็นไข้หนัก....ถึงขั้นชักตาตั้งดังบ้าหมู
พวกนักเลงหัวไม้ใหญ่น่าดู....คงได้รู้ได้เห็นเป็นประจำ
๒. มีปล้นจี้ฆ่าฟันกันไม่เว้น....ก่อการกวนให้ลำเค็ญทุกเช้าค่ำ
อันธพาลวุ่นวายหมายกระทำ....ความระยำรานรุกทุกชุมชน
๓. ในสังคมเคยสงบพบแต่สุข....อบายมุขครอบไว้ให้หมองหม่น
ศีลธรรมเสื่อมถอยด้อยสุดทน....พวกผู้เฒ่าเฝ้าแต่บ่นจนอ่อนแรง
๔. เมื่อศีลธรรมอ่อนแอแก้ไม่ตก....ควรต้องยกกฎหมายให้เข้มแข็ง
เมื่อจิตใจหยาบด้านกร้านรุนแรง....นิติธรรมต้องสำแดงความสำคัญ
๕. ต้องจัดการตามกฎหมายให้เด็ดขาด....ใช้อำนาจเที่ยงตรงและคงมั่น
พร้อมส่งเสริมศีลธรรมไปด้วยกัน....ความสุขสันติ์จึงจะคืนได้ดังเดิม
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๘ ธันวา ๕๓

อภิมหาชลาศัย

(ภาพวาดแสดงสระน้ำในไร่นาตามแนวพระราชดำริ เรื่องเกษตรทฤษฎีใหม่)
๑. เห็นชาวบ้านร้องไห้ในสายน้ำ....ยังจดจำไม่เลือนสะเทือนขวัญ
แต่ต่อมาไม่นานสักกี่วัน....พวกเดียวกันยังยืนงงตรงที่เก่า
๒. น้ำที่นองมันหายไปไหนหมด...สุดรันทดดินระแหงโดนแดดเผา
เห็นตอซังช้ำใจไม่บรรเทา....ต้นข้าวเน่าก็นอนแห้งที่แปลงนา
๓. ตื่นเถิดหนาพี่น้องไทยในประเทศ....เห็นต้นเหตุหรือยังอย่ากังขา
เมื่อฝนตกน้ำมีน้ำก็มา....ไม่มีท่าให้น้ำอยู่น้ำก็ไป
๔. ถ้าทุกที่ขุดสระน้ำทำเป็นแอ่ง...จะเป็นแหล่งน้ำจักพักอาศัย
เป็นที่รองที่รับชลาลัย....ยามน้ำมาไม่ให้ไปจนหมดมวล
๕. ที่สองไร่เป็นสระสักหนึ่งงาน....ที่หลายล้านได้น้ำนับไม่ถ้วน
แต่ละสระเป็นภาพต่อตามกระบวน....เป็นชิ้นส่วนแห่ง"มหาชลาศัย"ในแผ่นดิน
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑๘ ธันวา ๕๓


ในสายตา

๐ ถ้ามองโลกจากท้องฟ้าอวกาศ
ไม่สามารถเห็นตัวตนของคนได้
แต่ละคนเล็กจุลเท่าฝุ่นไอ
เทียบกับโลกอันยิ่งใหญ่ไม่ได้เลย
๐ แต่มุมมองจากเราที่เฝ้าดู
เห็นโลกอยู่ในใจอย่างเปิดเผย
เห็นโลกอยู่อย่างชัดเจนเช่นที่เคย
ไม่ละเลยด้วยสายตาที่ห่วงใย ๐ฯฯ
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๘ ธันวา ๕๓

ลมซา

(ภาพการเผชิญหน้ากันระหว่างเทพธรรมะกับฝ่ายอธรรม)
๑. สายลมพัดกรูกราว....ลือเรื่องราวฉาวจากไหน
เรื่องดังฤาอย่างไร....จึงพัดได้อยู่หลายวัน
๒. เรื่องแปลกฤาเรื่องร้าย....เรื่องน่าอายฤาน่าขัน
๓. กอไผ่กลายเป็นกล้วย....ฤาว่าควายมีสองขา
ฤาลิงเผานครา....นำท่วมฟ้าฤาปลากินดาว
๔. ฤาจิตรกรวิปริต....ผสมสีผิดคิดสามหาว
วาดภาพสร้างเรื่องราว....ทำผ้าขาวให้เปื้อนสี
๕. หลายเฉดผสมมั่ว....เพื่อตนตัวต่อชีวี
ประชาชนชระชาชี....ช้ำฤดีช่างปะไร
๖. ขอเตือนไปทุกหน....ให้อดทนประชาไท
ตั้งสติระลึกไว้....ยึดหลักใหญ่ "ประมาณตน"
๗.ตั้งใจให้จงดี....ไว้ศักดิ์ศรี "มีเหตุผล"
พวกใดมารุมปล้น....จักรอดพ้นด้วย "ภูมิคุ้มกัน" ๐๐ฯฯ
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๘ ธันวา ๕๓
คำว่า "ลมซา"เป็นภาษถิ่นอีสาน หมายถึงการที่ลมพัดแรงมาเป็นระยะ คนโบราณมักจะไถ่ถามกันว่า
ลมพัดเอาข่าวร้ายเรื่องใดมาสู่หนอ