วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2552

หลอนและลวง

............ทุกเสี้ยวเวลา
มันเป็นช่วงขณะที่หลอนใจ
จากทั้งในอดีตแอนาคต
เพียงแต่มัน....
สะท้อนผ่านช่วงเวลา ณ ปัจจุบันเท่านั้น
............ทุกเหตุการณ์
มันเป็นเพียงภาพลวงตา
ที่มันสะท้อนผ่านความเป็นจริง

ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๒ ตุลา ๕๒

วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2552

รอคอย

๐ ที่นาดอนตอนนี้มีต้นข้าว
แตกกอพราวราวพรมหนาทาสีเขียว
กระท่อมน้อยหงอยเหงาเศร้าจริงเจียว
รอหน้าเกี่ยวเคียวกับคนวนคืนมา
๐ ยังรอคอยรอยคนบนกระท่อม
เคยแวดล้อมย่อมจักครวญแลหวนหา
อีกไม่นานผ่านพ้นพฤศจิกา
เข้าธันวาถ้าโชคดีมีบุญลาน
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒๑ ตุลา ๕๒

วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ย้อน

..............เมื่อพวกแมลงปอแลผีเสื้อ
มีร่างกายที่ใหญ่โตขึ้นราวกับยักษ์
มนุษย์จักดูเล็กลงไปโดยปริยาย
.............ความใฝ่ฝันทะเยอทะยานของมนุษย์
ไม่คยหดหายฤามอดดับไป
แต่ทิศทางมักวกวน
ในที่สุดจักย้อนกลับ
..............มนุษย์วัยเยาว์ในยุคนี้
ถูกป้อนอาหารของปีศาจ
โดยปีศาจ
ความกตัญญูแม้คงอยู่
แต่สำนึกนั้นสีดำ
...............นำไหลทวนขึ้นที่สูง
ปลายังคงว่ายทวนน้ำเหมือนเคย
ปลายทางที่หวังเพาะพันธุ์
จึงหมายถึงทะเลมรณะ
...............การเสาะแสวงหา
เป็นคุณสมบัติที่นำพามนุษย์
ให้สามารถรักษาเผ่าพันธุ์ได้ยืนนาน
จนในที่สุดกำลังตกหลุมพรางที่พวกตนขุดเอาไว้
...............โลกแม้หมุนไปทางใด
ไม่วายที่จักดำรงสัจจธรรม....
ในสองสิ่งที่ตรงกันข้าม
ขาว-ดำ สว่าง-มืด
ดี-ชั่ว สุข-ทุกข์
เดินหน้า แลย้อนคืน

ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๘ ตุลา ๕๒

วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2552

จากแม่ยาง ถึง ลูกยาง

๑ ฉันคือแม่ยางนาอายุมาก...........แสนลำบากยืนต้นทนร้อนหนาว
ได้รับรู้หลายเหตุการณ์ผ่านเรื่องราว..มายืนยาวหลายชั่วอายุคน
๒ บ้านเกิดฉันเขาเรียกว่า"ป่ายางใหญ่..มองทางไหนมีแต่ยางที่ยืนต้น
มีไม้อื่นแซมบ้างทั้งล่าง-บน...........ที่ชุมชนได้อาศัยใช้สอยกัน
๓ ป่ายางใหญ่เป็นสังคมอันสมบูรณ์..ที่เกื้อกูล พืช-สัตว์ อยู่สุขสันต์
พร้อมชีวิตอีกมากมายหลายสายพันธุ์..อยู่ร่วมกันมั่นคงและลงตัว
๔ ครั้นต่อมามีคนคิดไม่ซื่อ..........ใช้เครื่องมือระรานผลาญไปทั่ว
ไม่เป็นมิตรซ้ำทำลายให้น่ากลัว.....ป่าทั้งป่าหมองมัวในไม่นาน
๕ บรรพบุรุษของฉันนั้นถูกตัด......ผืนป่าใหญ่ถูกจัดเป็นหมู่บ้าน
ป่าไม้หมดฝนแล้งแห้งกันดาร........ฝูงสัตว์ซ่านไม่มีที่ซุกนอน
๖ พวกผักหวานเห็ดป่ามาสูญพันธุ์..สมุนไพรสารพันถูกทึ้งถอน
ไม่เหลือหลอพอให้ไว้แซมดอน.....อากาศร้อนดินระแหงแล้งทั้งปี
๗ เหลือเพียงฉันยืนโด่เด่เซจวนล้ม...มีปูดปมแผลเป็นเห็นไฟจี้
เขาเจาะโพรงสุมไฟไม่ปราณี.........เอาของดีน้ำมันยางที่ข้างโคน
๘ ไม่มีฝั่งก็เหมือนไม้ที่ใกล้ฝั่ง.....จึงฝากฝังลูกลูกก่อนถูกโค่น
ติดปีกแดงหวังให้ลูกถูกลมโยน......ไปไกลโพ้นสร้างป่าใหม่ให้งดงาม
๙ ให้ลูกไปก่อร่างตั้งรกราก..........ในที่ดินที่รกร้างมีล้นหลาม
พวกเศรษฐีซื้อทิ้งไว้ไม่ติดตาม.......ทั่วเขตคามไร้ค่าน่าเสียดาย
๑๐ อีกทั้งป่าสิ้นสภาพลงราบแล้ว..ให้ลูกแก้วมองเห็นเป็นที่หมาย
บินให้ไกลไปให้ถึงจึงหย่อนกาย.....สร้างเครือข่ายป่ายางอย่างคะนอง
๑๑ ลูกที่เหลือหมุนปีกแดงให้แรงไว้..จงร่อนไปในที่มีเจ้าของ
ขออาศัยแพร่พันธุ์อันหมายปอง......แล้วตอบแทนผู้เกี่ยวข้องให้คุ้มกัน
๑๒ เมื่อเติบใหญ่ให้ระวังอันตราย...คนเขาหมายรุกทำลายให้สะบั้น
นำเครื่องมือบุกเข้าล้างเผ่าพันธุ์......จนเรานั้นเหลือเพียงชื่อคือ"ยางนา"
๑๓ ให้ต่อต้านดื้อดึงถึงที่สุด..........แม้มนุษย์ส่วนหนึ่งถึงหยาบช้า
ยังมีคนส่วนใหญ่ใจเมตตา.............ควรร้องขอให้กรุณาคุ้มครองเรา
๑๔ จงป่าวร้ององค์กรนานาชาติ.....ที่องอาจพิทักษ์โลกก่อนร้อนเร่า
ช่วยหาทางป้องกันและบรรเทา......เพื่อพงษ์เผ่า "ยางนา" สถาพร
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๔ ตุลา ๕๒

พึ่งพรพระ

๐ วันวันวนวุ่นว้า วิงเวียน
สบสิ่งเสียดสีเศียร สุดเศร้า
อึดอัดอบอวลเอียน อกอ่วม
ยอมอยู่โยงยังเหย้า อย่าย้อนหยามหยัน
๐ เรือนรังรอนรุ่มร้อน โรยรา
หายห่วงเหหันหา หับห้อง
พบพระพอพึ่งพา พรพุทธ
ขืนข่มขมขัดข้อง ขวัญเข้มแข็งขัน

ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๔ ตุลา ๕๒

วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ระเบิด ระบาด

๑ มือระเบิดระบาดบ้า......ปาระเบิด
ดังว่ากลียุคเกิด.............ทั่วหล้า
สันติธรรมที่เคยเทิด......ถอยถด
คนเถื่อนโหดหยาบช้า...หมดสิ้นปราณี
๒ โลกเจริญอย่างนี้........ไฉนคน
จึงถ่อยทรามสุดทน.......รับได้
ทุกปัญหาควรหา หน-...ทาง พูด
เจรจาต่อกันไซร้............เพื่อให้เข้าใจ
๓ หวังชนะฝ่ายตรงข้าม...ควรตรอง
ขันแข่งตามครรลอง.......ที่ใช้
มิใช่ทำจองหอง.............หฤโหด
เอาชนะคะคานได้.........โดยใช้ระเบิดบอมบ์
๔ คราวแพ้ควรรู้แพ้.........รู้ชนะ
จงอย่าดันทุรัง ระ-.........ราน ค้าน
พ่ายในเกมควรจะ..........รับพ่าย
ใช่ระเบิดตูมต้าน............ขี้แพ้ชวนตี
๕ บางคนใหญ่คับบ้าน....คับเมือง
ใครว่าทำเป็นเคือง.........ขุ่นข้อง
เห็นกันอยู่เนืองเนือง......ในข่าว
ปาระเบิดกึกก้อง............ขู่ให้เขากลัว
๖ บางพวกคนคลั่งไคล้....ลัทธิ
จอดคาร์บอมบ์ยาก นิ-...วัติ กู้
จุดชนวนจน พิ-.............ฆาต หมู่
แถมประกาศให้รู้............ว่าข้าฯกลุ่มใด
๗ ระเบิดมีแหล่งค้า.........ลอบขาย
ซื้อหากันง่ายดาย...........ดั่งผ้า
เป็นตลาดแห่งความตาย..มีเกลื่อน
คนผลิตกับคนค้า...........อยู่ได้อย่างไร
๘ กฎหมายเอาผิดได้......ก็จริง
ใยระเบิดยังคงสิง...........ซ่อนได้
เชื้อโรคตัวเล็กยิ่ง...........ยังตรวจพบ
ระเบิดอันใหญ่ไซร้........ซุกพ้นสายตา
๙ ชีวิตประจำวันนี้..........หวาดผวา
ยืน นั่ง เดิน ไปมา........เสี่ยงแท้
เด็กเล็ก คนชรา...........ไม่เลือก
ตูมตามหมดทางแก้......ไม่พ้นถูกสังหาร
๑๐ วิงวอนหยุดผลิต-ใช้..เสียที
ใครย่อมรักชีวี................ทั้งนั้น
มาช่วยสรรสิ่งดี............แก่โลก
หากระเบิดกันสะบั้น.....โลกนี้แตกสลาย

ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑๓ ตุลา ๕๒

วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2552

จุติจากฟ้า

ตาวันลับขอบฟ้าไปนานแล้ว
บรรยากาศในหมู่บ้านเงียบวังเวง
เดือนยังทอแสงพราว
ดาวมากมายแข่งกันทอรัศมี
หิ่งห้อยไม่ยอมน้อยหน้า
...แม้แสงจะด้อยกว่า
แต่ก็อาศัยพลังสามัคคี..พอได้แสงเรืองเรืองขึ้นมาอวดบ้าง
................น่าแปลกดี
ในค่ำนี้แม้ลมสงบ....
แต่คลื่นในทะเลกลับป่วนปั่น
โหมเข้าหาฝั่งอย่างคะนอง
ฝูงปลาไม่วิตก...กลับเริงร่า ระรื่นใจ
กลีบดอกไม้สั่นไหวระริก
....ชายฝั่งแช่มชื่น
จนเกือบค่อนคืน
.....มีคนสองคนในหมู่บ้าน.....ที่ไม่ได้หลับใหล
ดวงดาวยังคงเริงร่า
....แต่ทว่ามีดาวบางดวงตกลงมา
หมู่ดาวแอบซุบซิบกัน
...ว่า...คืนนี้มีการจุติเกิดขึ้นที่บนฟ้า

..............และแล้วคลื่นทะเลสงบลง
ฝูงหิ่งห้อยชวนกันบินจากไป
ฝากเสียงสั่งลาว่า...อีกไม่นานจะกลับมา
เมื่อได้ยินว่า........................
............มีข่าวดีเกิดขึ้นในหมู่บ้านทะเลป่วนแห่งนี้

ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๑ ตุลา ๕๒