วันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2553

สุดท้ายที่แผ่นดิน

๐ เดินทางจากต่ำใต้ ดินดล
ผ่านราก ลำต้น จน กิ่งก้าน
ผ่านพุ่มผ่านใบบน ตา ยอด
จึงผลิกลีบสะอ้าน อวดอ้างรูปโฉม
๐ ดอกไม้ใดใดล้วน งดงาม
บานเบ่งขับรูปนาม สง่าไซร้
เสร็จกิจก็ถึงยาม คืนกลับ
ทุกกลีบทุกดอกไม้ สู่พื้นดินเดิม
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๓๐ กันยา ๕๓

วิจิตรกรรม


๐ วาดภาพโดยร่างด้วย พันธุกรรม
ละเลงธาตุในดินนำ รองพื้น
แดดลมผสมน้ำ ระบายต่อ
จิตรกรยิ่งครึกครื้น ตวัดป้ายแปรงสี ๐๐ฯฯ
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด/๒๙ กันยาส ๕๓

วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553

บุญคุณกล้วย

บุญคุณกล้วย
(คำกลอนอีสาน)
๐ ยามสายลมพานต้อง ใบตองขาดต่อง
ก้ากล้วยก่องค่องน่อง ปลายข่องข่วยกัน
คิดกระสันบาทบั้น น่อยอ่อนเยาว์วัย
คราวเกิดอยู่ถิ่นไกล อยู่ในบ้านนอก
๐ อีแม่บอกให้ฮู่ เคยกินอยู่จังใด๋
เพิ่นได้ไขวาจา ว่าตอนยังน่อย
แม่เพิ่นคอยหย่ำเคี้ยว ข้าวเหนียวนึ่งใหม่
ใส่กับกล้วยสุกพร้อม หอมแท่ทะนีออง
๐ ห่อใบตองกล้วยได้ หมกใส่ไฟฟืน
เพิ่นทนยืนเฝ้าไฟ เหงื่อไหลไคลย้อย
คอยจนสุกหอมแล่ว เอามาป้อนอ่อน
เอามือซอนใส่ปากป้อน ฟายน่ำล่องลง
๐ ใหญ่จนย่างย่งย่ง บ่ได้อ่งลืมหลัง
บุญคุณกล้วยกะยัง บ่ไลลืมแท่
คุณพ่อแม่เพิ่นหย่ำ น่ำลายผสมข้าว
เฮ็ดให้เฮาเติบใหญ่ได้ เดียวนี่ฮ่ำคะนิง
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒๘ กันยา ๕๓

วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553

ลงทัณฑ์สถานใด


๑.ไยเผาไม้ทำป่าไหม้ทำไมเผา
ปล่อยพวกเขาอยู่ต่อไปไม่ได้หรือ
รู้ใช่ไหมต้นไม้ไม่มีมือ
มายกยื้อปกป้องคุ้มครองตน
๒.ไม่มีเท้าวิ่งหนีไปที่ไหน
มีแต่เสียงร่ำไห้ระงมหม่น
ยินหรือไม่เสียงป่าร้องด่าคน
ที่มาปล้นเผา ฆ่า สุดสามานย์
๓.ในการสร้างพงศ์พันธุ์นั้นแสนยาก
มาถางถากสุมไฟไม่สงสาร
กว่าเต็มพื้นยืนแน่นนานแสนนาน
ผู้รุกรานมามล้างอ้างสิทธิ์ใด
๔.รู้ทั้งรู้ที่คนอยู่อย่างสุขสันต์
เพราะพืชพรรณยังประโยชน์อันยิ่งใหญ่
ทุกผืนป่ามีคุณค่ากว่าสิ่งใด
มีแต่ให้กับให้แต่สิ่งดี
๕.ตัดทำไม เผาทำไม ไยไม่คิด
ฆ่าชีวิตทุกชึวิตคิดถ้วนถี่
ต้นไม้ตาย ดินก็ตายไร้ชีวี
น้ำเคยมีก็ต้องตายไปตามกัน
๖.อากาศตาย จุลินทรีย์ก็ถูกฆ่า
สิ่งแวดล้อม สัตว์ป่า ก็อาสัญ
ระบบนิเวศน์วอดวายเห็นไหมนั่น
ที่สำคัญความตายรุกถึงคน
๗.ถ้าเช่นนั้นควรลงทัณฑ์คนเผาป่า
ต้องอาญาพิพากษาหาเหตุผล
คนพวกนี้เจตนา ฆ่า เผา ปล้น
ควรจะโดนลงทัณฑ์สถานใด
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒๘ กันยา ๕๓

วันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2553

น้ำผึ้งหลายหยด


๑.ยุนี่ แหย่นั่น ยันโน่น ตำโน้น ตอกนี้ ตีนั้น
กระทบ กระแทก กระทั้น ปลุกปั่น ปากเปราะ ปรักปรำ
๒.กระดอน กระเด็น กระแดะ กระแนะ กระแหน กระหน่ำ
กระด้าง กระเดื่อง แกะดำ จึงจำ กระเจิด กระเจิง
๓.กระโจน กระจุย กระจาย ระบาย ระเบิด เปิดเปิง
กระเซ็น กระเซอะ กระเซิง ประชัน ชั้นเชิง เชี่ยวชาญ
๔.กระเสือก กระไส ไล่ส่ง ปลดปลง ปองล้าง ปองผลาญ
ตีนิด ตอดหน่อย ชำนาญ ดักดาน ด่าทอ แดกดัน
๕.แข่งขัน คัดค้าน ค่อนขอด แย่ยอด ยัดเยียด เหยียดหยัน
ยั่วยุ ยักแย่ ยักยัน ตอบโต้ ต่อกัน ทันที
๖.ต่างคน ต่างใคร ไม่ยอม เตรียมพร้อม ต่อต้าน เต็มที่
ระวัง ระแวง ราวี ไม่มี โอนอ่อน ผ่อนคลาย
๗.เกะกะ ระราน ก้าวร้าว วาจา สามหาว เสียหาย
หลัการ กำกวม กลับกลาย สุดท้าย ชี้ข้าง ทางตน
๘.ดูดัง จำแลง แกล้งทำ หยดน้ำ ผึ้งพวง ร่วงหล่น
ทีละหยด ราดลง วงวน หลายหน หลายแห่ง หกเรี่ย
๙.ปล่อยไว้ เหตุการณ์ บานปลาย วุ่นวาย หลายปม ละเหี่ย
มะรุม มะตุ้ม นัวเนีย สูญเสีย เสียศูนย์ สับสน
๑๐.เสียศักย์ เสียศรี เรื่องเศร้า แล้วเรา ทั้งผอง หมองหม่น
ขัดข้อง เคืองใจ มืดมน ทุกคน ควรคิด คำนึง
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๗ กันยา ๕๓

วันเสาร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2553

วังวน

๑.ผู้คนหวังหลุดพ้น จากตัวตนที่ตรอมตรม
จากซากของสังคม จากโคลนตมติดมลทิน
๒.จากใจถูกจองจำ จากใต้ต่ำจนใต้ดิน
จากคำที่เคยยิน แม้เคยชินไม่เคยชม
๓.จำใจว่ายข้ามฝั่ง โดยมุ่งหวังพบสุขสม
เรี่ยวแรงเร่งระดม เพื่อไม่จมกลางนที
๔.ลอยคอออกจากฝั่ง ใจที่ตั้งแกร่งเต็มที่
แต่แล้วก็ยังมี แรงโจมตีกระแสตรง
๕.เข้าเขตที่ขับเคี่ยว กระแสเชี่ยวกระแทกส่ง
จนแรงแทบหมดลง เลยเวียนหลงลงวังวน
๖.กี่คนที่เกาะกลุ่ม มากชุมนุมมากกลุ่มคน
ต่างว่ายหนีไม่พ้น อลวนพัลวัน
๗.อลเวงอลหม่าน ต่างพลุกพล่านและผกผัน
ห่างฝั่งออกทุกวัน คว้างตามกันในวังวน
๘.ฝั่งฝันเป็นเพียงฝัน ความจริงนั้นมันสับสน
มองใครมีแต่คน ที่ไม่พ้นวนวังเวิน
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๖ กันยา ๕๓

วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553

สิ่งที่มีคุณค่า

เงินตราเป็นพระเจ้า จริงหรือ?
ทองคำสมมุติคือ ค่าล้น?
เพชรนิลเลิศเลอฤา โลกร่ำ?
จินดามณีร่วงพ้น ทำให้ตายไหม?
ดินดลบันดาลเอื้อ ชีวิต
น้ำดั่งสารศักดิ์สิทธิ์ แน่แท้
แดดดังเทพอิทธิฤทธิ์ วิเศษ
ลมธาตุอากาศแม้ ขาดไร้โลกสลาย
สิ่งดำรงค่าให้ มวลมนุษย์
ใดประสงค์ที่สุด สูงขั้น
มีคุณอันพิศุทธิ์ พิเศษยิ่ง
ค่าใดสำคัญนั้น ใคร่ให้ครวญดู
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒๕ กันยา ๕๓