วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2552

แม่น้ำหลากสี

๑. ตรงที่น้ำบรรจบสบกระแส
เกิดปั่นป่วนปรวนแปรแลเชี่ยวกราก
ดูสายน้ำคลุ้มคลั่งเป็นอย่างมาก
ก็เนื่องจากต่างที่มาหาที่ไป
๒. แต่ละสายต่างสีที่มองเห็น
ซึ่งล้วนเป็นสีน้ำที่ไม่ใส
ความขุ่นคลั่งถั่งโถมปะทะไป
ความแคลงใจต่อกันนั้นรุนแรง
๓. เกิดวังวนวุ่นว้าน่าเป็นห่วง
แต่ละห้วงโหมกระหน่ำย้ำขัดแย้ง
แต่ละสีแต่ละทางต่างแสดง
ถึงจุดแข็งจุดข่มบ่มเชื้อไฟ
๔. โกลาหลอลหม่านใต้ธารเชี่ยว
ทำหวาดเสียวสับสนปนหวั่นไหว
เกิดวิตกกับฝูงปลาโดยทั่วไป
ทั้งปลาน้อยปลาใหญ่ทะเลาะกัน
๕. แม้ต้นธารทุกสายที่หมายสูง
ต่างหมายมุ่งบั้นปลายไปสร้างสรรค์
เสียงร้องสั่งจากภูผาสถาบัน
"จงไปพลันไหลไปให้ชุ่มเย็น"
๖. "จงไปชุบชีวาอาณาเขต
จงไปช่วยประเทศพ้นความเข็ญ"
"จงไหลไปสร้างผู้นำผู้บำเพ็ญ
ชูประเด็นสันติภาพเสรีชน"
๗. แต่ละสายเริ่มเอื่อยเรื่อยๆไหล
พอนานไปสีน้ำชักเข้มข้น
เห็นเหินหกหักเหมีเล่ห์กล
ต่างหลงตนเห็นแต่กูแลพวกกู
๘. ถึงทางร่วมที่ต้องรวมหลายลำน้ำ
ก็ยังย้ำยึดอัตตาน่าอดสู
ยอมไม่ได้แพ้ไม่ดีไม่น่าดู
อำนาจนี้ต้องของกูใช่ของใคร
๙. ลืมธรรมชาติลืมครรลองของนที
จากต่างที่แม้ต่างสีที่รี่ไหล
เมื่อสบกันเข้ากันได้สนิทใจ
จากที่ใดย่อมไหลลงไปรวมกัน
๑๐.หวังใจว่าแม่น้ำที่หลากสี
จักได้สร้างสามัคคีแห่งสีสัน
ลดความเชี่ยวไหลซ่านประสานกัน
เกิดสัมพันธ์ผสมกลมเกลียวไป
๑๑.เมื่อหลายสีไหลร่วมรวมประสม
เป็นสีเดียวกลืนกลมในวังใหญ่
ตกตะกอนนอนสิ่งข้นก้นธารไป
เกิดน้ำใสนำสุขศานติ์ธารสีเดียว

ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๖ ธันวา ๕๒

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น