วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2552

โรงละคร "ราชการ"

๑. ณ โรงละคร "ราชการ" นี้
หลายชีวี ถูกมอบหมาย หลายบทบาท
แต่ละบท เล่นตามสิทธิ์ กลัวผิดพลาด
โดยสำนึก ต่อชาติ ประชาชน
๒. เคยได้รับ ทั้งดอกไม้ ทั้งก้อนอิฐ
ค่อนชีวิต ทุ่มเททำ นำเหตุผล
ในบางที ที่ใจท้อ ก็จำทน
ด้วยตัวตน เลือกเฟ้น เส้นทางนี้
๓. ในบางครั้ง เหนื่อยกาย คล้ายหมดแรง
พอเวลา ออกแสดง ไม่เคยหนี
แม้บางฉาก สุดสับสน บนเวที
ยังพร้อมที่ จะแสดง ให้คนชม
๔. เล่นถูกใจ เสียงปรบมือ ดังกึกก้อง
ตอนบกพร่อง โดนโห่ไล่ ให้ขื่นขม
ค่าแสดง ได้เพียงนิด ไม่คิดตรม
จิตวิญญาณ ใฝ่สร้างสม สังคมดี
๕. ความภูมิใจ คือรางวัล อันสูงค่า
ทุกเวลา จิตตระหนัก ในศักดิ์ศรี
มุ่งหมายมั่น ขยันทำ ตามหน้าที่
หกสิบปี เริ่มอ่อนแรง ทั้งใจกาย
๖. ได้เวลา เอ่ยคำว่า ขอลาจาก
ด้วยละคร จบฉาก ตามเป้าหมาย
กำหนดปิด ฉากลง ตรงบั้นปลาย
นับเป็นฉาก สุดท้าย ของหลายคน
๗. ส่วนละคร โรงนี้ มีเล่นต่อ
ผู้อยู่หลัง อย่าเพิ่งท้อ อย่าสับสน
จงมุ่งมั่น เล่นละคร ตอนของตน
บทเข้มข้น คนเข้มแข็ง แสดงไป
๘. พวก สว. (ผู้สูงวัย) ลงไปก่อน
แล้วคงย้อน เป็นผู้ชม ผู้เชียร์ให้
เป็นพี่เลี้ยง คอยติชม เติมแรงใจ
คนรุ่นใหม่ ไฟแรง แสดงดี
๙. จงอย่าลืม โรงละคร ราชการ
ควรสืบสาน เชิดชู กู้ศักดิ์ศรี
เป็นได้เพียง นักแสดง บทที่ดี
ห้ามผิดที่ เล่นบทร้าย ทลายโรง

........................................................
บทกวีนิพนธ์นี้ เพื่อเชิดชู ข้าราชการที่ครบวาระเกษียณอายุราชการ
จาก ศักดิ์เรือง วลี / ๑๓ กันยา ๕๒

วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2552

โลกมนุษย์

๐ หนาวเหน็บเจ็บปวดปลื้ม ประดัง
สุขเหงาเศร้าเซซัง สลับได้
รักชอบชื่นชมชัง ดีชั่ว
อดอิ่มยิ้มหัวไห้ ผ่านถ้วนพบเห็น
๐ ยามทุกข์ฤาใช่ไหม้ ไม่มลาย
ถึงสุขสิมิวาย เวียนเศร้า
คราอดห่อนหิวตาย ไปตลอด
ใดครอบใดครองเข้า แต่ต้นจนปลาย
๐ ทุกมนุษย์แปรเปลี่ยนได้ เสมอเสมอ
วาดหวังวิมานเลอ- เลิศไว้
จริงจริงอาจจะเจอ แค่โศก
เคยโศกกลับสุขได้ ดั่งนี้มากมาย
๐ สิ่งใดสำเหนียกได้ โดยนิยาม
ชีวิตทุกผู้นาม ไหนแท้
ลองคิดลองครวญถาม ตนเถิด
ตกฟากไปจนแม้ เมื่อม้วยเป็นไฉน
๐ หายใจกลับออกเข้า ใช่หรือ
เสพสุขสังวาสฤา ใช่แล้ว
กินอยู่ตามอยากคือ ชีพใช่
หาสู่สังคมแพร้ว กระนั้นใช่ไหม
๐ มีมนุษย์ไม่น้อย เพียงตระหนัก
เกิดแก่เจ็บป่วยชัก เท่านั้น
ถือเป็นเช่นวัฏจักร จัดชีพ
เป็นอยู่ไปอย่างนั้น กว่าสุดท้ายมาถึง
๐ ลืมสำนึกในหน้าที่ ของมนุษย์
ลืมปันรักปริสุทธิ์ ประสานสร้าง
ลืมสรรสิ่งดีสุด สืบต่อ
ลีมอี่นอันรอบข้าง คิดเข้าแต่อัตตา
๐ เถิด..มนุษย์มาร่วมสร้าง โลกมนุษย์
เถิด..เดินทางอย่าหยุด ย่างเท้า
เถิด..สลัดสิ่งลวงหลุด จากโลก
เถิด..หมุนโลกกลับคืนเข้า โลกมนุษย์แท้ตามวิถี

ศักดิ์เรือง วลี / ๑๑ กันยา ๕๒

วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2552

"พอเพียง เพียงพอ" สดุดี ร.๙ ณ วันที่ ๙ เดือน๙ ปี ๒๐๐๙

๑. พอมี ไม่มาก เกินไป
พอใช้ ไม่ขัด ไม่สน
พออยู่ ไม่ต้อง ดิ้นรน
พอทน ไม่ทุกข์ ระทม
๒. พอไป ไม่ท้อ พอหา
พอมา ไม่ขื่น ไม่ขม
พอนั่ง ไม่ตรอม ไม่ตรม
พอนอน ไม่ซม ไม่ซาน
๓. พอตื่น ชื่นจิต คิดสรรพ
พอหลับ เป็นอัน ฝันหวาน
พอให้ คนอื่น ชื่นบาน
พอรับ ขับขาน ผ่านไป
๔. พอจับ ทำมา ค้าขาย
พอจ่าย จำเป็น เข็นไหว
พอสอย พากเพียร เวียนไป
พอใช้ ไม่หด หมดตัว
๕. พอตั้ง ตนอยู่ กู้ก่อ
พอต่อ พอติด ปิดรั่ว
พอยิ้ม เปิดใจใช่ยั่ว
พอหัว ให้หาย คลายปม
๖. พอหุง พอซาว ข้าวปลา
พอหา พอเสาะ พอสม
พอแกง พอเกี่ยว เกลียวกลม
พอต้ม พอเติม ให้เต็ม
๗. พอทน มิใช่ จำทน
พอทาน ทำตน ข้นเข้ม
พอสู้ โรมรัน ทันเกม
พอไหว หวังเปรม ฤดี
๘. พอขึ้น ยามมี ที่ขึ้น
พอลง ไม่ฝืน คืนที่
พอก่อ ค่อยก่อ รอที
พอดี พอดู พอดล
๙. พอใจ พอจิต พอเจตน์
พอหัตถ์ พอเหตุ พอผล
พอคิด พอค่า พอคน
พอพล พอเพียง เพียงพอ ๐ ๐ ฯฯ
ขอถวายชัยมงคล ทรงพระเจริญ
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า ศักดิ์เรือง วลี
๙ /๙/๐๙

วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2552

แพ้-ชนะ

ขณะที่เจ้าของบาดแผลกำลังเจ็บปวด
.......เจ้าตัวเชื้อโรคในบาดแผลกำลังร่าเริง
ขณะที่ผู้เสียสละกำลังปวดร้าว
.......ความเสียสละกำลังภาคภูมิใจในตัวของมัน
ขณะที่ผู้เห็นแก่ตัวกำลังยิ้มแย้ม
.......ยิ้มให้กับชัยชนะของตนเองที่มีอยู่เหนือคนอื่น
แต่....เจ้าความเห็นแก่ตัวเองกลับร้องไห้
ร้องไห้ด้วยความสมเพชนายของมันเอง
......พร้อมกันนั้น
......มันก็แอบสรรเสริญผู้พ่ายแพ้อยู่เงียบๆ
แพ้-ชนะ นั่นหรือ
.....มันอยู่ที่กติกาและผู้ตัดสิน

ศักดิ์เรือง วลี /๕ กันยา ๕๒

พิสุทธิ์

๐ เธอถือศีลห่มขาวพราวพิสุทธิ์
หมายยั้งหยุดความชั่วสิ่งมัวหมอง
เมินเสียงหมิ่นรายรอบตัวไม่มัวมอง
จิตใจต้องแกร่งกล้าเก่งเหลือเกิน ๐ ฯฯ
ศักดิ์เรือง วลี / ๕ กันยา ๕๒

เพื่อคน

.....ถ้าจักเหน็ดเหนื่อย
ขอเหน็ดเหนื่อย...
เพื่อผู้คน
.....ไม่ขอเหน็ดเหนื่อย
เพื่อภูตผี
.....ไม่ขอเหน็ดเหนื่อย
เพื่อเทพใดใด
.....ด้วยว่า
ฉันเป็นเพียงคน
ธรรมดา
ศักดิ์เรือง วลี / ๔ กันยา ๕๒

ชะบา

๐ เช้าเช้า ชะบาบาน
เท่ทนทาน ท้าแดดลม
บ่หอม หากดอมดม
ชื่นเชยชม ฉานชายตา ๐ ฯฯ
ศักดิ์เรือง วลี / ๔ กันยา ๕๒