วันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

บูชา

(พระพุทธรูปไม้ พบได้ตามวัดเก่าแก่ในท้องที่จังหวัดร้อยเอ็ด และจังหวัดอื่นๆในภาคอีสาน)
บูชา
๐ ยาวนานกว่าสองพันห้าร้อยปี
ที่เกิดมีรพระพุทธศาสนา
พระพุทธเจ้าทรงสถาปนา
ทรงเป็น "อภิมหาปรัชญาเมธี"
๐ หลักธรรมมะเป็นวิทยาศาสตร์
เป็นหลักการที่ประกาศอย่างถ้วนถี่
เป็นคู่มือ "ความเป็นคน" เป็นอย่างดี
ซึ่งนับวันแต่โลกนี้จะสนใจ
๐ ศาสนาและคำสอนไม่ล้าหลัง
อยู่ที่ใครจะเชื่อฟังหรือเลื่อมใส
ยิ่งสังคมปัจจุบันยิ่งมั่นใจ
ที่จะให้หลักธรรมมานำทาง
๐ เห็นทุกอย่างเด่นชัดด้วยศรัทธา
ขอบูชาด้วยกายใจใฝ่ฝันสร้าง
ขอถวาย "ปฏิบัติบูชา" ไม่ละวาง
ขอเดินตามเส้นทางสายพระธรรม

ศักดิ์เรือง วลี / บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒๖ กรกฎา ๕๓ /วันอาสาฬหบูชา


ดอกจำปาเทศ

ดอกจำปาเทศ
ดอกขาวพราวกลีบพ้น.....บนใบ
จำจิตจนจับใจ..........จดจ้อง
ปาหนัน ณ ป่าไหน.......นวลเท่า
เทศ ไทย ทุกถิ่นต้อง.....ตื่นเต้นยามเห็น
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด/๒๕ กรกฎา ๕๓

วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

พันธุ์ข้าวที่เราขอ

ตอนที่หนึ่ง
๑ คำนำของชาวนา......ผู้เหนื่อยล้าตลอดกาล
ทำนามาเนิ่นนาน.....ไม่พ้นผ่านความยากจน
๒ อาชีพที่เสี่ยงภัย.....อิงอาศัยกับฟ้าฝน
ปีใดที่ฟ้าดล.....ผลิตผลเพิ่มพอกพูน
๓ ในปีที่นาแล้ง.....หวังหดแห้งเหือดหายสูญ
อกโอ้อ่วมอาดูร.....หวังเกื้อกูลจากที่ใด
๔ ลางปีที่นาล่ม.....เราขื่นขมจนจับไข้
จนใจจะทำใจ.....จึงเศร้าใจสุดจาบัลย์
๕ บางนาที่นางาม.....มิทันข้ามสามคืนวัน
เพลี้ยมานาสะบั้น.....สะเทือนขวัญสะบักสะบอม
๖ นานปีมีโชคช่วย.....รวงข้าวสวยรวยข้าวหอม
ผลพูนสมบูรณ์พร้อม.....แต่กลับตรอมตอนเขาตวง
๗ ราคาตีให้ต่ำ.....สุดชอกช้ำระกำทรวง
พ่อค้ามีกลลวง.....กดราคาไม่ปราณี
ตอนที่สอง
๘ ......ถ้าอย่างนั้น.....ขอร้องกัน เอาอย่างนี้
เร่งรีบอย่างเร็วรี่.....หาวิธีอันจีรัง
๙ พัฒนาพันธุ์ข้าวใหม่.....เพื่อจะได้พันธุ์ที่ขลัง
ปลูกแล้วมีพลัง.....น้ำท่วมขังก็ไม่ตาย
๑๐ ทนแล้งและทนร้อน.....พวกเพลี้ยหนอนนั้นอย่าหมาย
กัดกินยังสบาย.....ไม่เสียหายอย่างพันธุ์เดิม
๑๑ แร่ธาตุวิตามิน.....ไอโอดีนใส่ยีนส์เพิ่ม
กลิ่นหอมก็ควรเสริม.....กินแล้วเคลิ้มคนสุขใจ
๑๒ สิ่งหนึ่งที่สำคัญ.....ที่ควรสรรบรรจุใส่
พันธุ์ข้าวที่วิจัย.....กินเข้าไปให้รักกัน
๑๓ กินแล้วไม่ขัดแย้ง.....ใฝ่แสวงสมานฉันท์
กินแล้วปรองดองกัน.....จิตรักมั่นสามัคคี
๑๔ พันธุ์ข้าวที่เราขอ.....เราจะรอไม่หน่ายหนี
แม้นานสักกี่ปี.....ขอเพียงมี "พันธุ์ข้าวที่เรารอ"
กาพย์ยานี ๑๑ โดย "ศักดิ์เรือง วลี" บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด ๒๓ กรกฎา ๕๓

วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

น่าสงสาร


๑ แว่วเสียงสั่งวังเวงเป็นเพลงโศก
จากขั้วโลกโบกลามันน่าเศร้า
โอ้ขั้วโลกทั้งสองของพวกเรา
โดนไฟเผาเร้ารุมสุมมานาน
๒ แผ่นน้ำแข็งอันแน่นหนาผวาสั่น
แตกสะบั้นขั้นลำบากยากประสาน
สัตว์ขั้วโลกเดือดร้อนโดนระราน
เกิดอาการหวั่นไหวไม่กินนอน
๓ สิ่งที่มีชีวิตทุกชีวิต
เคยใช้สิทธิ์ในลำเนาแต่เก่าก่อน
โดนพิษสงของผู้คนจนเดือดร้อน
สุดจะผ่อนสุดจะปรนจนปางตาย
๔ ถ้ามัวนิ่งต่อไปไม่ดีแน่
ลำพังแต่จมวังวนจนเกินสาย
เขาน้ำแข็งโดนความร้อนกร่อนทำลาย
หากดูดายยากสุดเดาจบอย่างใด
๕ จึงกู่ก้องร้องตอบปลอบขั้วโลก
ขอคลายโศกคืนค่าความสดใส
จักขอความร่วมมือและร่วมใจ
พลโลกให้ลดความร้อนผ่อนความแรง
๖ จักขอร้องทุกคนบนโลกนี้
ให้สมานสามัคคีอย่างเข้มแข็ง
ใช้ชีวิตเรียบง่ายหมายเปลี่ยนแปลง
เพื่อร่วมแรงคืนชีวาโลกากัน
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๑ กรกฎา ๕๓


วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

บทเรียวถ้อยร้อยคำ "ความพยายามกับความใฝ่ฝัน"

ฉันพยายามก่อสร้างบ้าน
....ให้งดงามดังความใฝ่ฝัน
แต่สุดท้าย....
ก็ทำได้เพียงรังนก
...............
ถ้าเช่นนั้น
ฉันขอเป็นนกไปเสียเลยจะดีกว่า
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑๘ กรกฎา ๕๓

บทเรียงถ้อยร้อยคำ "ยอดใผ่กับสายลม"

กอไผ่...สำนึกรู้อยู่ตลอดเวลา
ถึงความผันผวนของสายลม
....แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
นอกจาก...ให้กำลังใจแก่ยอดไผ่
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑๘ กรกฎา ๕๓

วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

คนขยัน

๐ ผูกเปลญวนนอนโยนที่โคนไผ่
ได้ยินไก่ขับเสียงสำเนียงขัน
มองนกน้อยเกาะไม้ไซ้ขนกัน
ลมกระชั้นดันไผ่ให้สีซอ
๐ เถาตำลึงลามปนบนยอดไผ่
กิ้งก่าไต่ไล่แมลงน้ำลายสอ
ประกายสีเขียวแดงที่แผงคอ
เป็นชิ้นต่อภาพงามยามนอนยล
๐ ฝูงมดดำทำรังยังไม่แล้ว
เดินเป็นแถวเข้างานการแบกขน
ช่างขยันขันแข็งแข่งกับคน
ที่ขยันแต่นอนกรนโคนไผ่กอ
ศักดิ์เรือง วลี /คนขยันแห่งบ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๑๖ กรกฎา ๕๓