วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ชายผู้ซึ่งตาบอดสี

เรือสำเภาลำเก่าคร่ำ
ผ่านการเดินทางมาเนิ่นนาน
ผ่าน่านน้ำนับไม่ถ้วน
ผ่านมรสุมจนชินชา
ผ่าหินโสโครกก็บ่อยครั้ง
พังแล้วพังอีก....ซ่อมแล้วซ่อมอีก
แต่ก็ฝ่าคลื่นลมไปจนได้ทุกครั้ง
...ราวปาฏิหาริย์
ณ เพลานี้..โพล้เพล้ใกล้พลบค่ำ
ท้องฟ้าเบื้องตะวันออกแดงฉาน
เบื้องตะวันตกก็สาดแสงหลากสีที่จัดจ้านไม่แพ้กัน
เบื้องบนแหงนขึ้นมองดูก็อึมครึม มืดครึ้มหม่นทะมึน
ตะวันลับขอบฟ้าลงไปแล้ว
แต่แสงยังน่ากลัวเป็นสัญญาณที่รู้กันในหม่นักเดินเรือ
...ว่าในค่ำคืนนี้จะต้องผจญพายุใหญ่แน่นอน
.....ภายในเรือลำนี้นอกจากบุคคลอื่นที่กำลังวิตกกันอย่างมาก
ยังมีชายอีกคนหนึ่ง
.....ชายผู้ซึ่งตาบอดสี
เขาไม่รู้สึกกังวลกับสีที่เปลี่ยนไปในท้องฟ้า
เขากำลังเฝ้าประคับประคองเมล็ดแห่งพืชพรรณนานาในอุ้งมือ
เป็นเมล็ดพันธุ์ที่หลากหลายและมีคุณค่าต่อมวลมนุษยชาติ
ซึ่งเขาได้รับตกทอดมาจากบรรพชน
และรวบรวมจากที่ต่างๆที่เรือแล่นไปถึง
เขาพร้อมที่จะปกป้องเมล็ดพืชพรรณเหล่านี้ด้วยชีวิต
โดยหวังว่า
...สักวันหนึ่ง
เรือผ่านมรสุมร้ายไปได้
และเข้าถึงฝั่งใดฝั่งหนึ่งบนผืนแผ่นดินใหญ่
เขาจะนำเมล็ดพันธุ์เหล่านี้
ไปหว่านและเพาะพันธุ์ลงบนผืนแผ่นดิน
เพื่อให้เจริญงอกงาม เป็นพืชพรรณอันพิสุทธิ์
ยังคุณค่าให้แก่มวลมนุษยชาติ
อย่างจีรังและยั่งยืนนิรันดร์
......โอ้....ชายผู้น่าสรรเสริญ
ชายผู้ซึ่ง ณ ขณะนี้ เขามีตาที่บอดสี
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด/บทเรียงร้อยถ้อยคำนี้ เขียนเมื่อวันที่
๒๐ พฤษภา ๒๕๕๓

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น