วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

คุณค่า

๑. อันคุณค่าของมนุษย์สุดแต่คิด
มันเป็นสิทธิ์ของใครใช้เหตุผล
สร้างเครื่องวัดอัตราค่าของคน
บ้างคิดค้นมาตรามาชั่งใจ
๒. ในบางครั้งเครื่องวัดวิบัติบ้าง
อาจอ่อนบ้างแข็งบ้างต่างสงสัย
ความเที่ยงธรรมอยู่ที่ไหนเอียงข้างใด
มันเรื่องใหญ่เกินกว่าหาใครแจง
๓. หากทำดีให้เหลือไว้เผื่อขาด
แม้ตัวมาตร์อ่อนบ้างอย่างแสลง
คงมีผลการกระทำเห็นดำแดง
โดนแทรกแซงพลาดพลั้งยังคงคุณ
๔. เปรียบได้กับความแข็งแกร่งแห่งก้อนหิน
ฤาเอาดินมาถ่วงได้ให้เสียศูนย์
ถึงมีบาปหยาบช้าเทียบค่าบุญ
คงรักษาสมดุลย์ได้อยู่ดี

ศักดิ์เรือง วลี /๕ กรกฎา ๕๒

ก็เอาซี...ลองดู

๑. นี่ระเบิด นั่นระเบิด โน่นระเบิด
แต่ละฝ่าย ต่างละเมิด อย่างละโมบ
จิตอารมณ์ ของผู้คน โดนอุ้มโอบ
โดยบัดซบ โหดหิน แลบิ่นบ้า
๒. จักแก้ไข ปัญหาโลก ด้วยใดหรือ
จักแย่งยื้อ จักแบ่งปัน ฤาสรรหา
จักร่วมมือ จักล้างผลาญ ฤาเสริมค่า
ฤามุ่งฆ่า ความชั่วร้าย พร้อมความดี
๓. คนก้าวหน้า ก็สร้างสรรค์ กันเข้าไป
คนทำลาย ก็ห้ำหั่น ทุกวันวี่
พวกชอบฆ่า ฆ่ากันได้ ฆ่ากันดี
ทำย่ำยี อย่างกับคน มิใช่คน
๔. ก็เอาซี...ระเบิดกัน สนั่นโลก
ก็เอาซี...สุขโศก อย่าไปสน
ก็เอาซี...ให้วอดวาย ทั้งสกล
ก็เอาซี...คนฆ่าคน ไม่อีนัง
๕. ใครหวั่นหวาด ใครผวา อย่าไปคิด
ใครทำถูก ใครทำผิด อย่าคิดหวัง
ใครปั่นปลุก ให้รัก ชักให้ชัง
เชิญบ้าคลั่ง ล้างโคตร หมดโลกา
๖. เป็นลูกเล็ก เด็กใหญ่ ชายหรือหญิง
เป็นผ้เฒ่า อย่าประวิง กันเลยหนา
แม้สัตว์เล็ก สัตว์ใหญ่ ไม่เมตตา
แม้ต้นไม้ ใบหญ้า ให้พล่าผลาญ
๗. ถ้าคิดว่า ล้างหมดโลก แล้วจะสุข
ถ้าคิดว่า ได้ฆ่าแล้ว มันสนุกสนาน
ถ้าคิดว่า โลกทั้งโลก ล้วนสามานย์
ทำระเบิด มารอนราน ให้โล่งเลย
๘. ลองดูนะ ให้โลกร้าง เพื่อเริ่มใหม่
ลองดูนะ คงพอได้ คำเฉลย
ลองดูน่ะ คงสะใจ ไม่น้อยเลย
ถึงสังเวย ด้วยทั้งผอง ก็ลองดู
๙. ถ้าฆ่ากัน หมดเกลี้ยงแล้ว โลกชื่นฉ่ำ
คุณธรรม ผุดมาใหม่ ให้โลกหรู
เกิดความรัก ความเมตตา ความเอ็นดู
เกิดพรั่งพรู ชุบโลกา ให้น่าชม
๑๐.สิ่งที่มีชีวิต อุบัติใหม่
คงจักได้ พบความดี มีสุขสม
เกิดความรัก สมานฉันท์ กันเกลียวกลม
ไม่ระทม เหมือนสังคม ปัจจุบัน

ศักดิ์เรือง วลี /๕ กรกฎา ๕๒

ท่วงทำนอง

เสียงเพลง
ยังมได้จบลงไป
เสียงเพลง
ยังบรรเลงอยู่นิรันดร์
...ในหัวใจ
...ในวิญญาณ
...ในอารมณ์
...ในจิตสำนึก
...ในความรู้สึก
...ในความคิด
...ในความฝัน
...ในเวลานาที
...ในบ้าน
...ในแมกไม้
...ในหนังสือ
...ในทุกสิ่งทุกอย่าง
และในชีวิต
เสียงเพลงยังคงบรรเลงอยู่
ยังมิได้จบบทลงไปแต่อย่างใด
.......................เพียงแต่
ท่วงทำนองจะปลี่ยไป..เท่านั้น

ศักดิ์เรือง วลี /๕ กรกฎา ๕๒

เพลงสากล

๐. มนต์บรรเลงเพลงไพเราะเกาะดวงจิต
แนบสนิทหัวใจให้ลุ่มหลง
แฝงอารมณ์อยู่นิรันดร์อย่างมั่นคง
สิ้นชีพลงจึ่งหลุดพ้นจากมนตรา
๐ อันบทเพลงนั้นไม่ว่าภาษาใด
ย่อมซึ้งใจได้ทั่วทุกภาษา
ท่วงทำนองพริ้วพร้อมย้อมวิญญาณ์
เป็นภาษาเดียวกันนั่นแท้เทียว

ศักดิ์เรือง วลี / ๕ กรกฎา ๕๒

ภาพของแม่

๑. ลำพะชีนำคงไหลมิได้ขาด
ได้สืบสร้างประวัติศาสตร์แห่งอีสาน
สร้างชุมชนสร้างชีวิตสร้างตำนาน
ช่วยสร้างบ้านสร้างเมืองสร้างเรื่องราว
๒. ภาพของแม่เมื่อครั้งก่อนย้อนอดีต
เป็นชีวิตลูกน้ำชีทุกฝีก้าว
แม่ผูกพันกับลำน้ำภูมิลำเนา
ที่บ้านเก่าบ้านเกิดริมฝั่งชี
๓. ภาพของแม่หาบน้ำขึ้นจากฝั่ง
มุ่งไปยังแปลงปลูกผักริมวิถี
ถั่วฝักยาว ผักกาด กะหล่ำปลี
ทั้งผักชี หอม กระเทียม เห็นจนชิน
๔. ภาพของแม่พายเรือเลียบท่าช้าง
ไปปลายทาง ส่างน้ำจั้นอันถวิล
เป็นน้ำดื่มแม้ขุ้นข้นต้องทนกิน
เลี้ยงชีวินต่อมาเวลานาน
๕. ภาพของแม่ตักน้ำแลตำข้าว
คั่วข้าวเม่า ข้าวฮาง สร้างอาหาร
สุมไม้ฟืนควันเข้าตาทรมาน
แต่แม่นั้นไม่เคยบ่นเลยสักคำ
๖. ภาพของแม่เข้าบุ่งเพื่อมุ่งหา
เห็ดนานา ทั้งเห็ดเผิ่ง เถิงจวนค่ำ
แล้วเก็บผักหักฟืนแบกขึ้นนำ
เอามาทำเชื้อไฟไว้เผาปลา
๗. ภาพของแม่คู้ตัวงอมุดกอไผ่
หาหน่อไม้ทั้งไผ่บ้านยันไผ่ป่า
เอาไว้แกง เอาไว้ซุบใส่ป่นปลา
ผักกาดหญ้า เถาย่านางนำมาปรุง
๘. ภาพของแม่ขุดมันแซงแข่งกับน้า
ที่ราวป่าดินทามข้ามท้ายทุ่ง
แหย่มดแดง ขัวหอย หาบกระบุง
ไล่ควายฝูงช่วยป้าเป็นอาจิณ
๙. ภาพของแม่แล่ปลาเอามาย่าง
เป็นแบบอย่างถนอมไว้ไม่มีสิ้น
ทำปลาร้าใส่ไหเอาไว้กิน
เป็นวิถีชีวินถิ่นกันดาร
๑๐. ภาพของแม่คั้นส้มผักหมักดองไว้
ทั้งกุ่ม ก่าม หน่อไม้เอามาฝาน
ยัดใส่ไห เก็บเป็นกับ ไว้รับประทาน
แจกหัวบ้านท้ายบ้านปันกันไป
๑๑. ภาพของแม่ยกไนไปเข็นฝ้าย
ทั้งย้อมด้าย มัดหมี่ นั่งสาวไหม
จุบหม้อดินมือแม่ดำไม่อำไพ
แต่พอใจผลงานการถักทอ
๑๒. ภาพของแม่ลุยนาทามยามน้ำท่วม
แม่ไปร่วมดักปลาปูกับผู้พ่อ
แล้วถอนผือมาเผื่อทำเสื่อทอ
ทั้งลอกปอ เล็นป่าน สานเครื่องมือ
๑๓. ภาพของแม่ทนอยู่ไฟให้ลูกมาก
แสนลำบากงดคาวหวานผ่านหลายมื้อ
ร้อนก็ร้อนหิวก็หิวจนตาปรือ
ไม่เสียชื่อเลี้ยงลูกมาแม้ลำเค็ญ
๑๔. แม่สอนลูกให้ผูกพันกับธรรมชาติ
แม่สอนลูกให้ซื่อสัตย์ไม่วายเว้น
แม่สอนลูกให้เรียบง่ายหมายบำเพ็ญ
แม่สอนลูกให้ใจเย็นเช่นน้ำนอง
๑๕. นั่นเป็นภาพของแม่แม้ไม่หมด
ที่ปรากฎชัดเจนในสมอง
แม่คือชี แม่คือน้ำตามครรลอง
คือสายทอง คือสายเลือด คือสายใจ

ศักดิ์เรือง วลี / ๖ กรกฎา ๕๒




วันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

จากขี้ควาย

๑. จากเศษฟางเศษหญ้า...ควายกิน
ขับถ่ายมูลลงดิน................กลิ่นฟุ้ง
ชาวนาใฝ่ถวิล....................เห็นค่า
ชาวเมืองบ่นเหม็นคลุ้ง........บ่าสยหน้าเบือนหนี
๒. บรรจงเก็บก่อไว้............เกือบปี
เพียรรักษาเยี่ยงของดี -......ยิ่ง แล้ว
บางฤดูเกิดกุดจี่.................จับคั่ว
ยามเพ่งกองยิ่งแก้ว............กว่าแก้วกองใด
๓. ถึงใครขานว่าขี้ ............ควายทุย
พวกเขาเปลี่ยนเรียกปุ๋ย......ไป่ "ขี้"
สองมือละเลงลุย...............ไปทั่ว
กำหว่านเต็มพื้นที่..............ไถซ้ำกันระเหย
๔. กลิ่นไอสางสาบนี้..........เคยชิน
คุณค่าพอกในดิน ..............ด่ำแท้
กลับกลายค่าเป็นสิน..........สืบเมื่อ
พูนเพิ่มเสมอแม้.................สิ่งเลี้ยงโลมชีวี
๕. โอชะจากฝุ่นขี้.............ควายไทย
ผสานร่วมแรงกายใจ.........กล้ามเนื้อ
ทั้งคนแลควายไถ.............ถลันถ่อ
ปนดินปนแดดเกื้อ............เมล็ดข้าวงอกเขียว
๖. จากขี้จนเป็นข้าว.........คุณคน
แจกจ่ายขายแลกจน........ทั่วถ้วน
บางรายเกิดขัดสน...........ขอก่อน
บางคนขายหมดล้วน.......เลยหิ้วหิวโซ
๗. ฝูงชนประเทศนี้.........คิดกัน
โดยแบ่งเบนพวกพันธุ์.....ให้ร้าว
สูงต่ำมิควรหยัน..............หยามหมิ่น
คน ก็คนกินข้าว..............จากขี้ควายเหมือนกัน (นั่นแหละว้า)

ศักดิ์เรือง วลี /๕ กรกฎา ๕๒

มลภาวะทางวัฒนธรรม

๑. จากปุย ปั่นเป็นปอย...แปลงปอยไป ให้เป็นปม
ชุบสีเข้าประสม................สวยกลืยกลม ดูตระการ
๒. ฝีมือ ประจงจัด..........ตามส่วนสัด สอดเส้นสาน
ลอกลาย เลียนโบราณ.....โดยเชี่ยวชาญ เช่นเคยชิน
๓. มือไม้ ไหมฝ้ายสบ....ฟืมกระทบ ฟังถวิล
ม่วนใจ ยามได้ยิน............หลอมชีวิน มาเนิ่นนาน
๔. ไหม่หมี่ ไม่เคยขาด..ประวัติศาสตร์ แห่งอีสาน
รับใช้ ทุกเรือนชาน..........จนลือชา ว่าออนซอน
๕. ถ่ายทอด หลายชั่วโคตร..โอษฐ์สู่โอษฐ์ กรสู่กร
แม่ลูก เพียรพร่ำสอน........สืบวงจร โดยสายใจ
๖. วันนี้ สิ่งแหนหวง.......ใกล้ขาดช่วง ห่วงหมี่ไหม
ขิดฝ้าย คลายเส้นใย........แทบมลาย คล้ายพิษแฝง
๗. เดินทาง มายาวไกล..ฝ้ายแลไหม เหมือนสิ้นแรง
โรงทอ มาทิ่มแทง............ทุรกิจ กลบลมปราณ
๘. คนเคย จับฟืมฟัด......หันเข้าผลัด ในโรงงาน
ลวดลาย เคยสอดสาน......จักถูกจาร โดยมือใด

ศักดิ์เรือง วลี /๕ กรกฎา ๕๒