วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ข้าวลอยของคุณตา

(ข้าวลอย หรือข้าวฟางลอย หรือข้าวขึ้น้ำ หรือข้าวนาเมือง)
๑. ตอนฉัน เป็นเด็ก เล็กอยู่...น้ำท่วม ได้ดู ได้เห็น
ได้ลุย ได้ล่อง ได้เล่น...อยู่เป็นประจำ ทุกปี
๒. เคยช่วย ผู้ใหญ่ มุดน้ำ...เกี่ยวกำ รวงข้าว เร็วรี่
ยื้อแย่ง จากน้ำ ทันที...ก่อนที่ จมน้ำ เน่าไป
๓. ช่วงนั้น พวกปลา มีมาก...หลายหลาก กรายกรู หมู่ใหญ่
ตะเพียนขาว และปลาเรือนไฟ...เลาะไป กินข้าว ในนา
๔. พวกเกี่ยว ก็เกาะ เรือพ่วง...อีกพวก รับช่วง เสาะหา
ตาข่าย ขึงรับ จับปลา...ได้มา มากมาย หลายข้อง
๕. ส่วนที่ ผืนนา คุณตาฉัน...ตรงนั้น เป็นนา ตรงหนอง
ปกติ ก็มีน้ำนอง...คุณตาต้อง ปลูกข้าว ขึ้นน้ำ
๖. น้ำหลาก ข้าวค่อย ลอยเลื่อน...เป็นเหมือน แพเขียว คลาคร่ำ
ออกรวง ชูคอ พ้นน้ำ...ปล้องค้ำ ไม่จม ไม่ตาย
๗. น้ำสูง ไม่ห่วง รวงช้ำ...ลอยน้ำ แตกแขนง ยอดขยาย
ฟ่องฟู ชูรวง กระจาย...น้ำหาย เป็นแพ คลุมดิน
๘. แม้รวง ระเนระนาด...สามารถ เก็บเกี่ยวย ได้สิ้น
ทำให้ พอแก้ พอกิน...พอดิ้น พออยู่ ได้นาน
๙. พวกปลา ก็ทำ ปลาร้า...แลกหา ข้าวเปลือก ต่างบ้าน
ที่เคย ช่วยเหลือเจือจาน..................จึงวาน สืบสาน ข้าวลอย
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๑ พฤศจิกา ๕๓

วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2553

แหล่งพลังงานอันวิเศษ

(ภาพจาก Baanmaha.com)

๑. หากเปรียบเปรยคนเป็นเช่นรถยนต์....ทั่วทุกหนไร่นาธัญญาหาร

เปรียบได้เป็นเช่นดังแหล่งพลังงาน....เปรียบได้ปานบ่อน้ำมันอันมากมาย

๒. เหล่าโรงโม่โรงสีที่บดแป้ง....ก็คือแหล่งต้มกลั่นอันมุ่งหมาย

แปรรูปเป็นน้ำมันส่งเรียงราย....พร้อมแจกจ่ายสถานีบริการ

๓. ปั๊มน้ำมันสำหรับคนมีอยู่ทั่ว....ทั้งโรงครัวภัตตาคาร ร้านอาหาร

หิวเมื่อใดรู้ได้โดยสัญชาตญาณ....ว่าต้องการเข้าเติมเพิ่มพลัง

๔. พืชพรรณข้าวให้พลังงานอันวิเศษ....ไร้ขอบเขตสร้างคนมีมนต์ขลัง

ให้คนเรามีความคิดมีกำลัง....สืบเผ่าพันธุ์ให้อยู่ยั้งและยืนยง

๕. ช่วยให้คนสร้างสังคมอุดมค่า....รู้รักษาตัวตนพ้นพิษสง

เสริมกลไกในร่างกายให้มั่นคง....เสริมปัญญาที่ธำรงความเป็นคน

๖. ให้มนุษย์หลุดพ้นแล้วค้นคว้า....นวัตกรรมอันก้าวหน้าอย่างมากล้น

ด้วยพลังงานอยู่ยงอย่างคงทน....ทำให้คนสูงค่ากว่าสัตว์ใด

๗. ควรที่คนร่วมมือสมัครสมาน....ช่วยสืบสาน "วัฒนธรรมข้าว" ไว้ให้ได้

เพื่อเป็นฐานพลังงานอันยิ่งใหญ่....อยู่รับใช้สังคมมนุษย์เรา

ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /




วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สิ่งที่พอเหลืออยู่

๑.ตุลาคม ปี ๕๓ มีน้ำมาก....ก็เนื่องจาก"คุณญ่า"แกมาเยี่ยม
แกแผลงฤทธิ์กว้างไกลไร้ทานเทียม....ดูโหดเหี้ยมดุร้ายไม่เมตตา
๒.สุดเศร้าโศกวิโยคใจให้ขื่นขม....เห็นนาล่มจมน้ำไปต่อหน้า
ข้าวกอดรวงจมหายไปต่อตา....พวกพืชผักที่ปลายนาเน่าเนืองนอง
๓.พริก ผักกาด ต้นหอม โหระพา....ทั้งแตงกวา มะละกอปลูกยกร่อง
ทั้งกระเพรา แมงลักกับฟักทอง....ปลูกมากมายก่ายกองพวกของกิน
๔.พอน้ำมาก็จมหายตายไปหมด....พอน้ำลดต้นเถาเน่าไปสิ้น
ที่พอเหลือ ผักบุ้งนา คลุมเต็มดิน....อีกกระถิน กระโดน ที่โพนนา
๕.อ้าวนั่นไง ผักกะแยงออกดอกสวย....ยังไม่ม้วยยืดยอดอยู่ชายป่า
แม้น้ำท่วมยังรอดเด็ดยอดมา....แล้วหาปลามาต้มแกงใส่แจ่วบอง
๖.ซดเข้าไปไล่ลมปมที่กลุ้ม....ลืมหนี้สินที่เร้ารุมสุมสมอง
หอมระรวยใจชื้นคืนเป็นกอง.....นาน้ำนองเหลือผักบุ้ง ผักกะแยง
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด ๒๙ ตุลา ๕๓ (ขณะนี้๓๖ จังหวัดโดนน้ำท่วมหนัก)

วันอังคารที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2553

คะนึงถึงปี่ซังข้าว

๑.ยามปลายฝนต้นหนาว..กรูกราวลมพัดหน้า
หอมกรุ่นกลิ่นดินหญ้า..พร่างพลิ้วทิวทอง
๒.เนืองนองรวงเบียดใบ..สดใสรวงทับซ้อน
ลมซัดเสียงสะท้อน..ซู่ซึ้งสุขสันต์
๓.ลงมือลงแรงกัน..เกี่ยวพืชพรรณอันแพร้ว
เก็บเกี่ยวกันหมดแล้ว..ไม่ได้เปล่าดาย
๔.ปล่อยควายเล็มตอซัง..ควายยังกินลูกข้าว
ควายอิ่มเอมอะคร้าว..ว่าคุ้มแรงควาย
๕.เดินกรายดึงตอซัง..ตัดยังปลายข้อข้อง
บีบแตกตรงหัวปล้อง..เป่าแล้วเป็นเสียง
๖.ประสานสอดสำเนียง..ถึงเพียงปี่ซังข้าว
แต่ก็หลอมใจน้าว..แนบแน่น ณ นา
...................
๗.ปีนี้อนิจจา..ในนามีแต่น้ำ
ตอซังยิ่งฟกช้ำ..เน่าแล้วไม่เหลือ
๘.พอจุนเจือทำปี่..จึงไม่มีปี่แก้ว
จนต้องทำใจแล้ว..ห่อนร้อนรนใจ
๙.แต่ภัยอันใหญ่หลวง..คนทั้งปวงขาดข้าว
ใจยิ่งสุดรอนร้าว..ร่ำไห้ระงม
๑๐.ควายก็ขมใจขื่น..ค่ำคืนนอนในน้ำ
ไม่มีฟางหอมล้ำ..เคี้ยวเอื้องซังเหม็น
..............
โคลงสามสุภาพ โดย ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๘ ตุลา ๕๓

วันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ร้อนโลก (ตอนที่ ๔ ราไฟ)

๑. ผู้ทำ โลกช้ำเฉา..คือพวกเรานี้ใช่ไหม
ลงมือ และลงไม้..คอยสุมไฟ ใส่เชื้อฟืน
๒. ดังนั้น จึงขอร้อง..เราทั้งผอง ใช่ใครอื่น
ช่วยกัน หาจุดยืน..ช่วยโลกฟื้น ทรมาน
๓. ควรเรา หันหน้ามา..ขันอาสา เข้าประสาน
ช่วยกัน ดำเนินการ..หยุดก่อการ แบบก่อกวน
๔. เริ่มต้น เลิกตัดไม้..รักษาไว้ ป่าสงวน
ปลูกเพิ่ม เติมต่อมวล..พฤกษาล้วน มากมีคุณ
๕. ลดใช้ พลังงาน..หยุดเผาผลาญ ธาตุเสื่อมสูญ
น้ำมัน อันต้นทุน..เสียสมดุล ที่ใต้ดิน
๖. ลดน้อย ปริมาณ..พลังงาน ที่เคยชิน
หันหา แสงระวิน..ไม่มลทิน แถมมากมาย
๗. พลังลม พลังน้ำ..ชีวภาพซ้ำ ย่อยสลาย
พลังคลื่น ซัดหาดทราย..พลังกาย ก็สำคัญ
๘. ไฟฟ้า ประหยัดไว้..ใช้ของใด ให้ยึดมั่น
"ฉลากเขียว" ควรดูกัน..เพราะของนั้น รักษ์โลกเรา
๙. ออกแบบ ของทุ่งอย่าง..ใช้แนวทาง ที่ไม่เขลา
พลังงาน ใช้บรรเทา..แล้วไม่เผา เพิ่มไฟฟืน
๑๐.ช่วยกัน ปลุกกระแส..ผู้นำแพร่ แนวคิดใหม่
เพื่อโลก ยืนยาวไป..ร่วมราไฟ ให้โลกเย็น
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๕ ตุลา ๕๓



วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2553

มหาราช "ที่รักของปวงชน"

๐ กำกุหลาบสีชมพูนั่งอยู่นาน

ก่อนกราบกรานเหนือเกล้าฯเข้าถวาย

ด้วยสำนึกพระมหากรุณาฯอันมากมาย



น้ำใจอันท่วมท้น กับน้ำฝนที่ล้นท่วม

๑.โอ้ว่า นาข้า นาข้าว..เห็นแล้ว ใจร้าว เศร้าหมอง
สะเทือน สะท้อน ย้อนมอง..น้ำนอง ท้องนา ท้าทาย
๒.ทุ่มเท ทำมา กับมือ..นี่หรือ คือฝัน อันหมาย
สวรรค์ ที่หวัง วอดวาย..หดหาย ที่เห็น เป็นเหว
๓.เดินทาง ทนทาน นานช้า..พลาดท่า คว้าลม ล้มเหลว
เคราะห์ร้าย พุ่งพรวด รวดเร็ว..ทั้งเลว ทั้งร้าย รวมกัน
๔.สุดฝืน ยืนสั่น งันงก..วิตก อกไหว ใจหวั่น
วันนี้ วันหน้า นานวัน..กว่าขวัญ กลับคืน ฟื้นใจ
..................................
๕.ท่ามกลาง หว่างทุกข์ กับทน..ผู้คน ล้นหลาม ถามไถ่
ทั้งที่ หนทาง ห่างไกล..ทั้งใกล้ ก็มา ปลอบปลุก
๖.หนุ่มสาว คนเฒ่า คนแก่..เผื่อแผ่ ผ่อนคลาย ความทุกข์
ข้าวของ จัดสรร ปันสุข..แบ่งเบา อยู่ทุก เวลา
๗.ยอมยาก ลำบาก ลำบน..ทุกคน ลัดเลาะ เสาะหา
พวกเขา ยอมเหนื่อย เมื่อยล้า..เพื่อมา มุ่งมั่น บรรเทา
๘.เห็นแล้ว ก่อเกิด กำลัง..มีหวัง หายโศก หายเศร้า
นี่หนอ พี่น้อง ไทยเรา..รุมเข้า ร่วมด้วย ช่วยกัน
๙.โอ้ว่า น้ำใจ ท่วมท้น..สูงกว่า น้ำฝน แล้วนั่น
คนไทย ไม่เคย ทิ้งกัน..ตื้นตัน สุดกลั้น น้ำตา
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒๓ ตุลา ๕๓