วันอังคารที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2553

คะนึงถึงปี่ซังข้าว

๑.ยามปลายฝนต้นหนาว..กรูกราวลมพัดหน้า
หอมกรุ่นกลิ่นดินหญ้า..พร่างพลิ้วทิวทอง
๒.เนืองนองรวงเบียดใบ..สดใสรวงทับซ้อน
ลมซัดเสียงสะท้อน..ซู่ซึ้งสุขสันต์
๓.ลงมือลงแรงกัน..เกี่ยวพืชพรรณอันแพร้ว
เก็บเกี่ยวกันหมดแล้ว..ไม่ได้เปล่าดาย
๔.ปล่อยควายเล็มตอซัง..ควายยังกินลูกข้าว
ควายอิ่มเอมอะคร้าว..ว่าคุ้มแรงควาย
๕.เดินกรายดึงตอซัง..ตัดยังปลายข้อข้อง
บีบแตกตรงหัวปล้อง..เป่าแล้วเป็นเสียง
๖.ประสานสอดสำเนียง..ถึงเพียงปี่ซังข้าว
แต่ก็หลอมใจน้าว..แนบแน่น ณ นา
...................
๗.ปีนี้อนิจจา..ในนามีแต่น้ำ
ตอซังยิ่งฟกช้ำ..เน่าแล้วไม่เหลือ
๘.พอจุนเจือทำปี่..จึงไม่มีปี่แก้ว
จนต้องทำใจแล้ว..ห่อนร้อนรนใจ
๙.แต่ภัยอันใหญ่หลวง..คนทั้งปวงขาดข้าว
ใจยิ่งสุดรอนร้าว..ร่ำไห้ระงม
๑๐.ควายก็ขมใจขื่น..ค่ำคืนนอนในน้ำ
ไม่มีฟางหอมล้ำ..เคี้ยวเอื้องซังเหม็น
..............
โคลงสามสุภาพ โดย ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๒๘ ตุลา ๕๓

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น