วันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

หยุดอยู่แค่นี้

๐ โลกนี้คือ "มูนมังสังขยา " เราได้จาก"ปู่สังกะสาย่าสังกะสี"
มอบหมายมาเนิ่นนานหลายล้านปี โดยที่มีชีวิตอื่นร่วมครอบครอง
๐ พืชพรรณไม้ พวกสิงสาราสัตว์ ต่างยืนหยัดอยู่เหย้าเป็นเจ้าของ
ยังยืนยงโยงใยใฝ่ปรองดอง เข้าเกี่ยวข้องผูกพันแบบพึ่งพา
๐ มีอยู่บ้างบางทีที่เบียดเบียน แล้ววนเวียนวัฏจักรการรักษา
ดังเป็นเกณฑ์กำหนดกฎกติกา ธรรมชาติธรรมดาวิวัฒนาการ
๐ อยู่กันมาอยู่กันไปในแบบนี้ แม้จักมีห่วงโซ่แห่งอาหาร
ดำรงชีพด้วยกันและกันมาช้านาน ไม่ถึงกับล้างผลาญจาพังภินท์
๐ บัดเดียวนี้ผู้เก่งกว่าชักกำแหง เป็นผู้แย่งพื้นที่เกือบหมดสิ้น
เป็นผู้กินมากว่าจะถูกกิน พิพากษาตัดสินเข้าข้างตน
๐ พวกแร่ธาตุพืชพรรณบรรดาสัตว์ ถูกกำจัดออกไปไร้เหตุผล
ความละโมบเห็นแก่ตัวแห่งผู้คน พากันปล้นสมบัติโลกสมบัติกลาง
๐ มีสมองสองมือคืออาวุธ คิดไม่หยุดทำไม่หยุดสุดจะกร่าง
เอาชนะคะคานเสียทุกทาง คำว่า "สร้าง" แท้จริงคือ "ทำลาย"
๐ เมื่อโลกทรุดกลับสุดจักยับยั้ง เมื่อโลกพังพาพังสิ่งทั้งหลาย
เมื่อโลกทรุดทุกโซนโดนทำลาย เมื่อโลกพ่ายเห็นแต่แพ้ไปด้วยกัน
๐ หากถามว่า ณ วันนี้มีหวังไหม ที่ทำให้โลกฟื้นกลับคืนหัน
พลิกเหตุการณ์ย้อนคืนแลย้อนวัน คืนสีสันสดใสไร้มลทิน
๐ คำตอบคือ คืนสภาพคงทำยาก เนื่องมาจากความหมดจดได้หมดสิ้น
ความบริสุทธิ์โดนย่ำยีมีราคิน ยากจักจิน-ตนาการ ภาพลักษณ์เดิม
๐ แต่หากเราร่วมมืออย่างจริงจัง พอมีหวังมิให้บอบช้ำเพิ่ม
ขอคนเราหยุดล่วงล้ำทำเหิมเกริม หยุดพฤติกรรมแบบเดิมกันเสียที
๐ ขอให้หยุดระรานสิ่งแวดล้อม ให้ถนอมโลกเก่าเอาแค่นี้
ที่ทำลายไปแล้ว แล้วไปที ต่อแต่นี้ยื่นมือมาอุ้มชู
๐ แม้คืนโลกสภาพเดิมไม่ได้แล้ว ขอให้เรารักษาแนวที่เป็นอยู่
อย่าให้ย่อยอย่าให้ยับอย่าให้ยู่ คงได้อยู่เป็นเรือนเหย้าอีกยาวนาน
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๖ มิถุนา๕๓

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น