๑. เมื่อเส้นทางสองเส้นทางต่างระดับ
ไม่มีใครบังคับให้ทับเส้น
สองเส้นทางต่างครรลองสองประเด็น
แต่ที่เห็นทำหน้าที่มิต่างกัน
๒. เพียงต้นทางแตกต่างมาแต่ต้น
มีวกวนเวียนวกมีผกผัน
มีทางเลี้ยวเคี้ยวคดมีกดดัน
ที่สำคัญคือเป้าหมายที่ปลายทาง
๓. ต่างทอดไปสู่สุดท้ายเป้าหมายหลัก
ต่างรู้จักจุดมุ่งไปอยู่ไกลห่าง
ผู้เดินทางสองสายหมายตามทาง
เพื่อไปสร้างเมืองวิไลให้งดงาม
๔. ผู้เดินทางสองทางต่างความคิด
บรรทัดฐานถูกผิดตรงกันข้าม
วิธีเดินวิธีถอยไม่คล้อยตาม
ก็ชอบธรรมจำต้องเดินคนละทาง
๕. จึงหนทางทอดขนานนั้นไม่แปลก
ถึงมีแยกเข้าออกทางด้านข้าง
มีทางอื่นสวนบ้างกลางเส้นทาง
แต่หลักการผู้เดินทางต่างอยู่ดี
๖. ครั้นมาถึงช่วงทางที่วิบาก
เกิดคิดอยากเชื่อมทางกันเสียนี่
เห็นเป็นแพร่งแปลกแยกไปไม่เข้าที
ต้องหันรีหันขวางเป็นบางคน
๗. นักเดินทางหลายคนบ่นโวยวาย
บ้างแยกซ้ายแยกขวาโกลาหล
บ้างตัดใจสร้างทางเฉพาะตน
ให้ชอบกลยิ่งหนักนักเดินทาง
๘. อยู่ตรงไหนสิ่งศรัทธามาแต่ต้น
ฤาเป็นเพียงผู้ดั้นด้นไม่เลือกข้าง
เป็นได้เพียงคนสัญจรที่เคว้งคว้าง
ภาพจุดหมายปลายทางคงเลอะเลือน
๙. ......................นักเดินทางเอ๋ย
กระไรเลยจะมหาหลงตรงทางเลื่อน
ฤาสติตีบตันจนฟั่นเฟือน
ลืมขับเคลื่อนลับคมอุดมการณ์
๑๐. เดินเดินเดิน...เดินทางต่อไปเถิด
จงชูเชิดธงชัยใจอาจหาญ
เจอวิบากทำท้อใจไม่ได้การ
เห็นทางผ่านพาลเลี้ยวหนีมีเลศนัย
๑๑. ผู้เดินทางต่างเส้นเป็นคู่แข่ง
อย่าแสดงเป็นศัตรูมันไม่ใช่
ต่างฝ่ายก้าวต่างฝ่าฟันกันต่อไป
ถึงเส้นชัยให้เร่งสร้างสิ่งสวยงาม
................................................
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๙ ตุลา ๕๒
วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2552
วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2552
เรื่อง เด็ก-เด็ก
๑. ทุกคราที่ยินข่าว ถึงเรื่องราวของเด็กไทย
หลายครั้งพวกเขาไป คว้ากำชัยในต่างแดน
๒. แข่งขันหลายสาขา ยืนแถวหน้าเก่งสุดแสน
เด็กดีไม่ขาดแคลน ในสังคมของเมืองเรา
๓. บางกลุ่มสำนึกดี ใช้ชีวีไม่โง่เขลา
รวมพลังเพื่อบรรเทา ช่วยปัดเป่าภัยสังคม
๔. คิดดีทำดีได้ น่าชื่นใจเจตนารมณ์
ผู้ใหญ่ได้ชื่นชม ไม่มีปมให้ประจาน
๕. เป็นศรีเป็นสง่า เป็นศรัทธามาประสาน
สืบทอดกิจการ รับช่วงผ่านประเทศไทย
๖.........................(แต่ทว่า.....)...............................
กลุ่มดีมีเพียงน้อย เป็นกลุ่มย่อยในกลุ่มใหญ่
เทียบส่วนยังด้อยไป กว่าพวกไข้ทางวิญญาณ
๗. ส่วนมากยังมึนมั่ว ยังมืดมัวอยู่ในม่าน
นักเลงอันธพาล คอยเป็นมารทางสังคม
๘. มั่วสุมยาเสพติด คิดผิดผิดจิตขื่นขม
เลอะเลือนและระทม ติดปลักตมอันตราย
๙. มุ่นมั่วอบายมุข พิษกามทุกข์จนเกินสาย
จี้ปล้นฆ่าคนตาย เป็นดาวร้ายอายุเยาว์
๑๐. ไม่เรียนเวียนไปเอม เล่นแต่เกมทุกค่ำเช้า
แต่งตัวเลียนแบบเขา ไม่ยอมเอาแบบอย่างไทย
๑๑. ทำตนไม่น่ารัก เป็นปรปักษ์กับผ้ใหญ่
ไม่ว่าครูหรือใครใคร หนักอกใจจนระอา
๑๒. ไม่มีคารวะ แม้เห็นพระไม่สัมมา
โหดหื่นห่ามนักหนา มีแต่บ้าเต็มบ้านเมือง
๑๓. ......................(ขอวิงวอน.....)......................
ขอวอนเด็กวันนี้ คิดให้ดีใช่สร้างเรื่อง
ติติงอย่าขุ่นเคือง ขอให้เปลื้องสิ่งไม่ดี
๑๔. กลับตัวและกลับใจ ทำตัวให้มีศักดิ์ศรี
ละชั่วล้างชีวี ให้โลกมีแต่สิ่งงาม
๑๕. กลับเถิดยังไม่สาย สิ่งท้าทายลองไถ่ถาม
ฝั่งดีหรือฝั่งทราม ที่ต้องข้ามไปครอบครอง
๑๖. ฝันใฝ่กันไว้เถิด มุ่งชูเชิดเฉลิมฉลอง
ดาวสุกใสให้ใฝ่ปอง มาปกป้องคุณความดี
๑๗. อนาคตประเทศชาติ เราไม่อาจหลบหน้าหนี
ฝากไว้รักษ์ให้ดี ให้คงมีค่าและคุณ
๑๘.....................(ขอทีเถิด.......).......................
ผู้ใหญ่พวกกังฉิน ชอบหากินกับวัยรุ่น
กิจการที่ลงทุน อย่าหวังลุ้นแต่กำไร
๑๙. ค้าขายมอมเมาเด็ก ตั้งแต่เล็กไปจนใหญ่
ผลพวงเป็นเช่นไร ไม่ใส่ใจไปดูแล
๒๐. หากปล่อยเป็นเช่นนี้ คงไม่ดีเป็นแน่แน่
สังคมควรต้องแคร์ พร้อมร่วมแก้ร่วมป้องกัน
กาพย์ยานี ๑๑ โดย ศักดิ์เรือง วลี / ๗ ตุลา ๕๒
หลายครั้งพวกเขาไป คว้ากำชัยในต่างแดน
๒. แข่งขันหลายสาขา ยืนแถวหน้าเก่งสุดแสน
เด็กดีไม่ขาดแคลน ในสังคมของเมืองเรา
๓. บางกลุ่มสำนึกดี ใช้ชีวีไม่โง่เขลา
รวมพลังเพื่อบรรเทา ช่วยปัดเป่าภัยสังคม
๔. คิดดีทำดีได้ น่าชื่นใจเจตนารมณ์
ผู้ใหญ่ได้ชื่นชม ไม่มีปมให้ประจาน
๕. เป็นศรีเป็นสง่า เป็นศรัทธามาประสาน
สืบทอดกิจการ รับช่วงผ่านประเทศไทย
๖.........................(แต่ทว่า.....)...............................
กลุ่มดีมีเพียงน้อย เป็นกลุ่มย่อยในกลุ่มใหญ่
เทียบส่วนยังด้อยไป กว่าพวกไข้ทางวิญญาณ
๗. ส่วนมากยังมึนมั่ว ยังมืดมัวอยู่ในม่าน
นักเลงอันธพาล คอยเป็นมารทางสังคม
๘. มั่วสุมยาเสพติด คิดผิดผิดจิตขื่นขม
เลอะเลือนและระทม ติดปลักตมอันตราย
๙. มุ่นมั่วอบายมุข พิษกามทุกข์จนเกินสาย
จี้ปล้นฆ่าคนตาย เป็นดาวร้ายอายุเยาว์
๑๐. ไม่เรียนเวียนไปเอม เล่นแต่เกมทุกค่ำเช้า
แต่งตัวเลียนแบบเขา ไม่ยอมเอาแบบอย่างไทย
๑๑. ทำตนไม่น่ารัก เป็นปรปักษ์กับผ้ใหญ่
ไม่ว่าครูหรือใครใคร หนักอกใจจนระอา
๑๒. ไม่มีคารวะ แม้เห็นพระไม่สัมมา
โหดหื่นห่ามนักหนา มีแต่บ้าเต็มบ้านเมือง
๑๓. ......................(ขอวิงวอน.....)......................
ขอวอนเด็กวันนี้ คิดให้ดีใช่สร้างเรื่อง
ติติงอย่าขุ่นเคือง ขอให้เปลื้องสิ่งไม่ดี
๑๔. กลับตัวและกลับใจ ทำตัวให้มีศักดิ์ศรี
ละชั่วล้างชีวี ให้โลกมีแต่สิ่งงาม
๑๕. กลับเถิดยังไม่สาย สิ่งท้าทายลองไถ่ถาม
ฝั่งดีหรือฝั่งทราม ที่ต้องข้ามไปครอบครอง
๑๖. ฝันใฝ่กันไว้เถิด มุ่งชูเชิดเฉลิมฉลอง
ดาวสุกใสให้ใฝ่ปอง มาปกป้องคุณความดี
๑๗. อนาคตประเทศชาติ เราไม่อาจหลบหน้าหนี
ฝากไว้รักษ์ให้ดี ให้คงมีค่าและคุณ
๑๘.....................(ขอทีเถิด.......).......................
ผู้ใหญ่พวกกังฉิน ชอบหากินกับวัยรุ่น
กิจการที่ลงทุน อย่าหวังลุ้นแต่กำไร
๑๙. ค้าขายมอมเมาเด็ก ตั้งแต่เล็กไปจนใหญ่
ผลพวงเป็นเช่นไร ไม่ใส่ใจไปดูแล
๒๐. หากปล่อยเป็นเช่นนี้ คงไม่ดีเป็นแน่แน่
สังคมควรต้องแคร์ พร้อมร่วมแก้ร่วมป้องกัน
กาพย์ยานี ๑๑ โดย ศักดิ์เรือง วลี / ๗ ตุลา ๕๒
วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2552
ฮวงจุ้ย
ฉันปลูกต้นไม้ไว้หลังบ้าน
ฉันปลูกต้นไม้ไว้ข้างบ้าน
ฉันปลูกต้นไม้ไว้รอบบ้าน
.....ฉันมีต้นไม้ที่ระเบียง
.....ฉันมีต้นไม้ที่ในห้อง
.....ฉันมีต้นไม้ที่ข้างบรรไดบ้าน
มองไปที่ไหนก็เต็มไปด้วยต้นไม้
นี่คือหลักฮวงจุ้ยของฉัน
เพราะฉันมีความเชื่อว่า
ต้นไม้ย่อมซึมซับสิ่งชั่วร้ายจากนอกบ้านเอาไว้ได้
...เพื่อไม่ให้ล่วงกรายเข้ามาในบ้านของฉัน
ฉันเชื่ออีกว่า ต้นไม้สามารถเก็บรักษาสิ่งดี
....ให้คงอยู่ในบ้านฉันได้
.....รวมทั้งสามารถดูดดึงเอาความดีจากข้างนอกถ่ายเทเข้าสู่บ้านฉันได้
สายลมและสายน้ำ...ย่อมไหลรื่นเข้าออก
ผ่านต้นไม้ได้เสมอ
ศักดิ์เรือง วลี /๕ ตุลา ๕๒
วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2552
ผิดหวัง
๑. วาดหวังวิลาสไว้........ในใจ
อยากเห็นโลกวิไล.........กว่านี้
ทุกสิ่งที่เป็นไป..............ในโลก
เดินสู่ทางที่ชี้................เลื่อนชั้นอารยะ
๒. ปัญหาใดใหญ่น้อย....โรมรัน
พลโลกรุมฝ่าฟัน...........รอบด้าน
รวมพลังอย่างแข็งขัน...เครือข่าย
ตามติดตามต่อต้าน......ตอบโต้ปัญหา
๓. การทะเลาะเบาะแว้ง..หวังเมิน
การวิวาทการเผชิญ......ไม่ใช้
การรบพุ่งยับเยิน..........ยุติ
มีแต่ไมตรีให้................หันหน้าเจรจา
๔. ทุกประเทศเลิกใช้...อาวุธ
นิวเคลียร์ชวนกันหยุด..ติดตั้ง
ปัจจัยสี่สูงสุด..............ร่วมผลิต
อาหาร-ยา-นุ่งห่ม ทั้ง...เร่งสร้างที่อาศัย
๕. ทรัพยากรของโลกพร้อม..หวงแหน
ทุกประเทศเปิดเขตแดน..ไม่กั้น
มีหนึ่งเดียวแว่นแคว้น...คือ "โลก"
ขาดเหลือสิ่งใดนั้น .....แบ่งให้ปูนปัน
๖. คนรวย-จน อยู่ใกล้..ไม่ไกล
ช่องว่างทลายไป.........ชนชั้น
ทุกคนต่างทำใจ..........จิตมั่น
ต่างชาติ-ภาษานั้น.......เสมอค่าเป็นคน
๗. การเอาเปรียบหมดสิ้น..ไม่มี
เห็นแต่มิตรไมตรี..........พี่น้อง
ทุกชาติทุกชีวี.............รวมหนึ่ง
รักษ์โลกร่วมปกป้อง....สิ่งร้ายกรายมา
๘. หวังว่ายุคใหม่นี้.....โลกเจริญ
ความขัดข้องขาดเขิน..คงไร้
หื่นโหดคงห่างเหิน.....หายหด
เถื่อนป่าปนบ้าใบ้........คงสิ้นเสียที
๙. ความจริงไม่เพริดแพร้ว..อย่างคิด
คนยิ่งใจอำมหิต.........โหดร้าย
แบ่งแยกพาลพิชิต......ไม่เลิก
กระหายสงครามคล้าย.ชอบแว้งราวี
๑๐. เจรจากันไม่รู้.........ภาษา
ต่างก็อวดศักดา ........เก่งกล้า
แย่งชิงทรัพยา-.........กร มั่ว
มือใครยาวยื่นคว้า......สาวได้สาวเอา
๑๑. ทุนทุ่มทำแต่ด้าน..อาวุธ
แสนยากรสูงสุด........เร่งสร้าง
ลืมเรื่องยังชีพ หยุด-.อดอยาก
คิดแต่ทำลายล้าง.....ต่อสู้เอาชัย
๑๒. ผิดหวังกับยุคนี้...เหลือประมาณ
เขียนกลอนมาประจาน..จดไว้
เผื่อมนุษย์คิดประสาน..กันใหม่
หันกลับรักกันได้......เพื่อให้โลกสุขศานติ์
ศักดิ์เรือง วลี /๕ ตุลา ๕๒
อยากเห็นโลกวิไล.........กว่านี้
ทุกสิ่งที่เป็นไป..............ในโลก
เดินสู่ทางที่ชี้................เลื่อนชั้นอารยะ
๒. ปัญหาใดใหญ่น้อย....โรมรัน
พลโลกรุมฝ่าฟัน...........รอบด้าน
รวมพลังอย่างแข็งขัน...เครือข่าย
ตามติดตามต่อต้าน......ตอบโต้ปัญหา
๓. การทะเลาะเบาะแว้ง..หวังเมิน
การวิวาทการเผชิญ......ไม่ใช้
การรบพุ่งยับเยิน..........ยุติ
มีแต่ไมตรีให้................หันหน้าเจรจา
๔. ทุกประเทศเลิกใช้...อาวุธ
นิวเคลียร์ชวนกันหยุด..ติดตั้ง
ปัจจัยสี่สูงสุด..............ร่วมผลิต
อาหาร-ยา-นุ่งห่ม ทั้ง...เร่งสร้างที่อาศัย
๕. ทรัพยากรของโลกพร้อม..หวงแหน
ทุกประเทศเปิดเขตแดน..ไม่กั้น
มีหนึ่งเดียวแว่นแคว้น...คือ "โลก"
ขาดเหลือสิ่งใดนั้น .....แบ่งให้ปูนปัน
๖. คนรวย-จน อยู่ใกล้..ไม่ไกล
ช่องว่างทลายไป.........ชนชั้น
ทุกคนต่างทำใจ..........จิตมั่น
ต่างชาติ-ภาษานั้น.......เสมอค่าเป็นคน
๗. การเอาเปรียบหมดสิ้น..ไม่มี
เห็นแต่มิตรไมตรี..........พี่น้อง
ทุกชาติทุกชีวี.............รวมหนึ่ง
รักษ์โลกร่วมปกป้อง....สิ่งร้ายกรายมา
๘. หวังว่ายุคใหม่นี้.....โลกเจริญ
ความขัดข้องขาดเขิน..คงไร้
หื่นโหดคงห่างเหิน.....หายหด
เถื่อนป่าปนบ้าใบ้........คงสิ้นเสียที
๙. ความจริงไม่เพริดแพร้ว..อย่างคิด
คนยิ่งใจอำมหิต.........โหดร้าย
แบ่งแยกพาลพิชิต......ไม่เลิก
กระหายสงครามคล้าย.ชอบแว้งราวี
๑๐. เจรจากันไม่รู้.........ภาษา
ต่างก็อวดศักดา ........เก่งกล้า
แย่งชิงทรัพยา-.........กร มั่ว
มือใครยาวยื่นคว้า......สาวได้สาวเอา
๑๑. ทุนทุ่มทำแต่ด้าน..อาวุธ
แสนยากรสูงสุด........เร่งสร้าง
ลืมเรื่องยังชีพ หยุด-.อดอยาก
คิดแต่ทำลายล้าง.....ต่อสู้เอาชัย
๑๒. ผิดหวังกับยุคนี้...เหลือประมาณ
เขียนกลอนมาประจาน..จดไว้
เผื่อมนุษย์คิดประสาน..กันใหม่
หันกลับรักกันได้......เพื่อให้โลกสุขศานติ์
ศักดิ์เรือง วลี /๕ ตุลา ๕๒
วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2552
น้ำไปน้ำมา น้ำมาน้ำไป

๑. ยามดินแห้งแตกระแหงน้ำระเหย
อย่างเคยเคยซ้ำซากวิบากบ้า
โอ้อกใจหมั่นทำใจให้ชินชา
เหลือระอาอกช้ำจำต้องทน
๒. เพื่อนเดินทางที่อบอุ่นชื่อฝุ่นแดง
ตลอดแล้งตกอับสุดสับสน
ใจอ่อนเปลี้ยเสียขวัญมันมืดมน
"เกิดเป็นคน มันต้องทน" หมั่นท่องจำ
๓. เหมือนฝันร้ายนั่งผวาห้าหกเดือน
ฟ้าสะเทือนฝนร้อยห่าบ้าระห่ำ
หนแรกแรกหล่นหายหลายหนพรำ
พอได้ดำนาดอนตอนต้นปี
๔. พอพืชพรรณเขียวเหลืองเริ่มเรืองรอง
กำลังแปรเป็นทองอย่างเต็มที่
กำลังเพ้อกำลังเพลินเกินฝันดี
ฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมาที่กลางฝันเลย
๕. ข่าวน้ำป่าไหลบ่ามาอีกแล้ว
คงไม่แคล้วช้ำฟกโอ้อกเอ๋ย
ถึงเคยผ่านความช้ำระกำเกย
มาจนเคยจนชินก็ไม่ชา
๖. ด้วยว่า..ทั้งชีวิตหลายชีวิต
ต่างผูกติดกับทุ่งนี้มานานช้า
มอบทั้งมวลฝากไว้ในท้องนา
จนปัญญาหาอื่นปักเป็นหลักแทน
๗. ไม่ทันนานหวังละลายกับสายน้ำ
ต้องระกำระเหินระหกจุกอกแน่น
หอบชีวิตหิ้วสังขารอันแร้นแค้น
รีบวิ่งแจ้นหาฝั่งนั่งระทม
๘. พอน้ำกลืนทั้งย่านอย่างกระหาย
เซาะเอาทรายปนดินโคลนมาทับถม
ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าพระยายม
พร้อมเพิ่มรอยระบมบนแผลเดิม
๙. พอน้ำมา น้ำก็ไปไม่เคยสั่ง
บทจะคลั่งก็โหมมาบ้าฮึกเหิม
ยังสงสัยไฉนโหดแบบเดิมเดิม
ไม่สร้างเสริมแบบใหม่ให้เป็นธรรม
๑๐. หลักแรงกลย่อมแสดงแรงโน้มถ่วง
ของเหลวย่อมไหลล่วงลงที่ต่ำ
ไยไม่มีใครคิดดักตักตวงน้ำ
ก่อนมันล้ำไหลส่งลงทะเล
๑๑. เดี๋ยวประกาศภัยแล้ง-ภัยน้ำท่วม
ดูภาพรวมเห็นยึกยักทำหักเห
ความเคลื่อนไหวแบบซ้ำซ้ำดูจำเจ
ไม่ทุ่มเททำงานเพื่อการณ์ไกล
๑๒. เมื่อน้ำมากักน้ำไว้เอาให้อยู่
ไว้ชุบชูชีวีขึ้นมาใหม่
ยามแล้งร้อนมีน้ำฉ่ำชื่นใจ
พอได้ใช้ประทังยังชีพคน
๑๓. การสร้างอ่างเก็บน้ำจำเป็นยิ่ง
เพราะเป็นสิ่งสนองเจตน์มีเหตุผล
ทั้งตอบโจทย์ตรงได้ไม่วกวน
อยากให้คนที่เคยค้านอ่านทวนดู
ศักดิ์เรือง วลี /๓ ตุลา ๕๒
วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2552
ดินบวกฟ้า
ขอดาว ขอดี ที่ฟ้า
ขอหวาน ขอมัน สรรมา
ปรุงค่า เคียงคุณ ของดิน
๐ แดดลม ผสมผสาน
เก็บกาล เวลา ถวิล
แต่งรส เติมชาติ ชีวิน
เอาดิน บวกฟ้า มานาน
๐ ผลพวง เกื้อหนุน คุณค่า
นำพา ให้โลก สืบสาน
สิ่งดี สิ่งงาม เบิกบาน
เจือจาน เป็นอยู่ ผู้คน
ศักดิ์เรือง วลี /๓ ตุลา ๕๒
วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2552
ตะวันหม่น
.....แม้ว่าในวันนี้
ท้องฟ้ายังเป็นสีฟ้าเข้ม
แต่แสงตะวันดูเหมือนจะหม่น
แสงตะวันไม่สว่างเมื่อกลางวัน
กลางคืนยังพอมีแสงเดือนแสงดาว
ส่องแสงพราวระยิบอยู่บ้าง
ไฉนค่าจะเท่าเสี้ยวแสงตะวัน
.....ขอเทพเทวา
คืนแสงจ้าให้แก่ดวงตะวัน
คืนสุขคืนหวังให้แผ่นดิน
คืนชีวิตชีวา
คืนความเป็นไปของส่ำสัตว์แลพืชพรรณ
......ด้วยว่าแสงใดใด
มิอาจเทียบค่า...
................แสงตะวัน
ศักดิ์เรือง วลี / ๒ ตุลา ๕๒
ท้องฟ้ายังเป็นสีฟ้าเข้ม
แต่แสงตะวันดูเหมือนจะหม่น
แสงตะวันไม่สว่างเมื่อกลางวัน
กลางคืนยังพอมีแสงเดือนแสงดาว
ส่องแสงพราวระยิบอยู่บ้าง
ไฉนค่าจะเท่าเสี้ยวแสงตะวัน
.....ขอเทพเทวา
คืนแสงจ้าให้แก่ดวงตะวัน
คืนสุขคืนหวังให้แผ่นดิน
คืนชีวิตชีวา
คืนความเป็นไปของส่ำสัตว์แลพืชพรรณ
......ด้วยว่าแสงใดใด
มิอาจเทียบค่า...
................แสงตะวัน
ศักดิ์เรือง วลี / ๒ ตุลา ๕๒
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)