วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2552

นักเดินทาง กับทางต่างระดับ

๑. เมื่อเส้นทางสองเส้นทางต่างระดับ
ไม่มีใครบังคับให้ทับเส้น
สองเส้นทางต่างครรลองสองประเด็น
แต่ที่เห็นทำหน้าที่มิต่างกัน
๒. เพียงต้นทางแตกต่างมาแต่ต้น
มีวกวนเวียนวกมีผกผัน
มีทางเลี้ยวเคี้ยวคดมีกดดัน
ที่สำคัญคือเป้าหมายที่ปลายทาง
๓. ต่างทอดไปสู่สุดท้ายเป้าหมายหลัก
ต่างรู้จักจุดมุ่งไปอยู่ไกลห่าง
ผู้เดินทางสองสายหมายตามทาง
เพื่อไปสร้างเมืองวิไลให้งดงาม
๔. ผู้เดินทางสองทางต่างความคิด
บรรทัดฐานถูกผิดตรงกันข้าม
วิธีเดินวิธีถอยไม่คล้อยตาม
ก็ชอบธรรมจำต้องเดินคนละทาง
๕. จึงหนทางทอดขนานนั้นไม่แปลก
ถึงมีแยกเข้าออกทางด้านข้าง
มีทางอื่นสวนบ้างกลางเส้นทาง
แต่หลักการผู้เดินทางต่างอยู่ดี
๖. ครั้นมาถึงช่วงทางที่วิบาก
เกิดคิดอยากเชื่อมทางกันเสียนี่
เห็นเป็นแพร่งแปลกแยกไปไม่เข้าที
ต้องหันรีหันขวางเป็นบางคน
๗. นักเดินทางหลายคนบ่นโวยวาย
บ้างแยกซ้ายแยกขวาโกลาหล
บ้างตัดใจสร้างทางเฉพาะตน
ให้ชอบกลยิ่งหนักนักเดินทาง
๘. อยู่ตรงไหนสิ่งศรัทธามาแต่ต้น
ฤาเป็นเพียงผู้ดั้นด้นไม่เลือกข้าง
เป็นได้เพียงคนสัญจรที่เคว้งคว้าง
ภาพจุดหมายปลายทางคงเลอะเลือน
๙. ......................นักเดินทางเอ๋ย
กระไรเลยจะมหาหลงตรงทางเลื่อน
ฤาสติตีบตันจนฟั่นเฟือน
ลืมขับเคลื่อนลับคมอุดมการณ์
๑๐. เดินเดินเดิน...เดินทางต่อไปเถิด
จงชูเชิดธงชัยใจอาจหาญ
เจอวิบากทำท้อใจไม่ได้การ
เห็นทางผ่านพาลเลี้ยวหนีมีเลศนัย
๑๑. ผู้เดินทางต่างเส้นเป็นคู่แข่ง
อย่าแสดงเป็นศัตรูมันไม่ใช่
ต่างฝ่ายก้าวต่างฝ่าฟันกันต่อไป
ถึงเส้นชัยให้เร่งสร้างสิ่งสวยงาม
................................................
ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด /๙ ตุลา ๕๒


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น