วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2552

น้ำไปน้ำมา น้ำมาน้ำไป


๑. ยามดินแห้งแตกระแหงน้ำระเหย
อย่างเคยเคยซ้ำซากวิบากบ้า
โอ้อกใจหมั่นทำใจให้ชินชา
เหลือระอาอกช้ำจำต้องทน
๒. เพื่อนเดินทางที่อบอุ่นชื่อฝุ่นแดง
ตลอดแล้งตกอับสุดสับสน
ใจอ่อนเปลี้ยเสียขวัญมันมืดมน
"เกิดเป็นคน มันต้องทน" หมั่นท่องจำ
๓. เหมือนฝันร้ายนั่งผวาห้าหกเดือน
ฟ้าสะเทือนฝนร้อยห่าบ้าระห่ำ
หนแรกแรกหล่นหายหลายหนพรำ
พอได้ดำนาดอนตอนต้นปี
๔. พอพืชพรรณเขียวเหลืองเริ่มเรืองรอง
กำลังแปรเป็นทองอย่างเต็มที่
กำลังเพ้อกำลังเพลินเกินฝันดี
ฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมาที่กลางฝันเลย
๕. ข่าวน้ำป่าไหลบ่ามาอีกแล้ว
คงไม่แคล้วช้ำฟกโอ้อกเอ๋ย
ถึงเคยผ่านความช้ำระกำเกย
มาจนเคยจนชินก็ไม่ชา
๖. ด้วยว่า..ทั้งชีวิตหลายชีวิต
ต่างผูกติดกับทุ่งนี้มานานช้า
มอบทั้งมวลฝากไว้ในท้องนา
จนปัญญาหาอื่นปักเป็นหลักแทน
๗. ไม่ทันนานหวังละลายกับสายน้ำ
ต้องระกำระเหินระหกจุกอกแน่น
หอบชีวิตหิ้วสังขารอันแร้นแค้น
รีบวิ่งแจ้นหาฝั่งนั่งระทม
๘. พอน้ำกลืนทั้งย่านอย่างกระหาย
เซาะเอาทรายปนดินโคลนมาทับถม
ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าพระยายม
พร้อมเพิ่มรอยระบมบนแผลเดิม
๙. พอน้ำมา น้ำก็ไปไม่เคยสั่ง
บทจะคลั่งก็โหมมาบ้าฮึกเหิม
ยังสงสัยไฉนโหดแบบเดิมเดิม
ไม่สร้างเสริมแบบใหม่ให้เป็นธรรม
๑๐. หลักแรงกลย่อมแสดงแรงโน้มถ่วง
ของเหลวย่อมไหลล่วงลงที่ต่ำ
ไยไม่มีใครคิดดักตักตวงน้ำ
ก่อนมันล้ำไหลส่งลงทะเล
๑๑. เดี๋ยวประกาศภัยแล้ง-ภัยน้ำท่วม
ดูภาพรวมเห็นยึกยักทำหักเห
ความเคลื่อนไหวแบบซ้ำซ้ำดูจำเจ
ไม่ทุ่มเททำงานเพื่อการณ์ไกล
๑๒. เมื่อน้ำมากักน้ำไว้เอาให้อยู่
ไว้ชุบชูชีวีขึ้นมาใหม่
ยามแล้งร้อนมีน้ำฉ่ำชื่นใจ
พอได้ใช้ประทังยังชีพคน
๑๓. การสร้างอ่างเก็บน้ำจำเป็นยิ่ง
เพราะเป็นสิ่งสนองเจตน์มีเหตุผล
ทั้งตอบโจทย์ตรงได้ไม่วกวน
อยากให้คนที่เคยค้านอ่านทวนดู

ศักดิ์เรือง วลี /๓ ตุลา ๕๒



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น