วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

จากคนปลูกข้าวถึงคนกินข้าว

๑.ข้าวรั้งรวงคอยเคียวมาเกี่ยวข้าว ควรถึงคราวสิ้นกังวลของคนเข็ญ
คอยคอยคอยเฝ้ารอคอยอย่างลำเค็ญ ครั้นได้เห็นรวงข้าวค่อยเบาใจ
๒.ชีวิตนี้ทั้งชีวิตถูกติดห้อย ด้วยคำว่าคอยคอยมาแต่ไหน
สิ่งที่คอยได้สักทีก็ดีใจ แต่เมื่อใดไม่มีมาก็มืดมน
๓.ตอนเริ่มต้นฤดูกาลต้องหว่านไถ ตั้งจิตใจรอท่าคอยฟ้าฝน
หลังตกกล้านาดอนออกร้อนรน ถ้าหากฝนทิ้งช่วงทักท้วงใคร
๔.อกชาวนาผู้บุญน้อยรอคอยต่อ มีน้อยครั้งที่ร้องขอทนรอไหว
ดวงชะตาเป็นเดิมพันกันเรื่อยไป ส่วนหัวใจเอาหินเสริมเติมใจตน
๕.ยิ่งตอนข้าวตั้งท้องต้องคิดหนัก เป็นห่วงนักทั้งเรื่องโรคเรื่องน้ำฝน
นาอาจแล้งน้ำอาจหลั่งเป็นกังวล กว่าผ่านพ้นทุกค่ำคืนหืดขึ้นคอ
๖.ข้าวออกรวงยังหวาดไหวใจละห้อย ต้องรอคอยฟังข่าวราคาต่อ
เจ้าหนี้เตือนเขียนใบสั่งเงื้อปังตอ แถมดอกเบี้ยเบ่งบานรอที่หน้าลาน
๗.กี่แล้งทน กี่ฝนเศร้า กี่หนาวท้อ ชาวนาห่อใจเหี่ยวเปรี้ยวอมหวาน
สู้กล้ำกลืนความช้ำระกำมาน โปรดสงสารสมเพชและเมตตา
๘.อย่างน้อยน้อยคนกินข้าวควรได้คิด เพียงให้เกียรติกันสักนิดก็ไม่ว่า
อย่าดูถูกเหยียดหยามคนทำนา กรุณาอุ้มชูดูแลกัน
๙.กว่าได้ข้าวแต่ละจานผ่านวิบาก ต้องยุ่งยากเหนื่อยล้ามาหลายขั้น
เอาแรงควายแรงคนปนเปกัน ขอเพียงท่านตั้งใจกินหมดเกลี้ยงจาน
๑๐.อย่ากินทิ้งกินขว้างอย่างผีบ้า ให้รู้ค่าข้าวเปลือกและข้าวสาร
มีสำนึกต่ออาชีพไทยโบราณ สอนลูกหลานให้รู้คุณของแผ่นดิน

ศักดิ์เรือง วลี /บ้านแมกไม้ ร้อยเอ็ด / ๒๓ พฤศจิกา ๕๒

1 ความคิดเห็น:

  1. วันก่อนฟังข่าว พวกนายทุนหน้าเลือดและนักการเมืองผู้สมคบคิด (ผู้กำนโยบาย)ออกมาบ่นเชิงตำหนิให้พี่น้องชาวนาว่ากักตุนข้าวเพื่อเก็งกำไร ทีตัวเองตักตวงผลประโยชน์ทำนาบนหลังคนมายาวนานชั่วโคตรเหง้าเหล่ากอ ไม่เคยเห็นพี่น้องชาวนาเราออกมาต่อว่าอะไรเลย/น้องกิตติ ครับ

    ตอบลบ